‘บุหรี่ไฟฟ้าซอมบี้' เสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว

“บุหรี่ไฟฟ้าซอมบี้” มีส่วนผสมของยานำสลบเอโทมิเดต ออกฤทธิ์กดประสาท ทำให้ง่วงซึมอย่างรุนแรง เกิดภาวะหายใจช้าลงจนเป็นอันตราย เสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว อาจทำให้เสียชีวิตได้ อย. ยกระดับคุมเข้ม
ประเทศไทยห้ามนำเข้า ผลิต และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า โดยถือเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกฎหมายที่เข้มงวด การลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นปัญหา โดยส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และมีการใช้ช่องว่างทางกฎหมายบางประการในการเลี่ยงการจับกุม ทำให้การเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ายังคงง่าย
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้บุหรี่ไฟฟ้ายังคงแพร่หลายคือความเข้าใจผิดที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้า "ปลอดภัยกว่า" หรือ "ช่วยเลิกบุหรี่มวนได้" ซึ่งข้ออ้างเหล่านี้มักถูกใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อจากผู้จำหน่าย ทำให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะเยาวชน หลงเชื่อและเริ่มต้นทดลองใช้ นอกจากนี้ รูปแบบที่ทันสมัย กลิ่นหอมที่หลากหลาย และความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ควัน" ที่น้อยกว่าบุหรี่มวน ยังเป็นปัจจัยที่ดึงดูดผู้ใช้งานกลุ่มใหม่ๆ
อันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า
แท้จริงแล้ว บุหรี่ไฟฟ้า มีสารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเป็นอันตรายอย่างร้ายแรง อาทิ
- สารนิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติดสูง การได้รับนิโคตินไม่ว่าจะจากการสูบบุหรี่มวนหรือบุหรี่ไฟฟ้า ล้วนนำไปสู่การเสพติดอย่างรุนแรง และส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของสมองในวัยรุ่น ทำให้มีปัญหาด้านความจำ การเรียนรู้ และการตัดสินใจ นอกจากนี้ นิโคตินยังส่งผลเสียต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือดและหลอดเลือดสมอง
- โพรพิลีนไกลคอล (Propylene Glycol) และกลีเซอรีน (Glycerine) สารที่ใช้เป็นตัวทำละลายและสร้างควัน เมื่อได้รับความร้อนจะเกิดสารประกอบอัลดีไฮด์ (Aldehydes) เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) และอะซีตัลดีไฮด์ (Acetaldehyde) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
- สารแต่งกลิ่นและรส (Flavoring Agents) แม้จะเป็นสารที่ใช้ในอาหารได้ แต่เมื่อถูกทำให้ร้อนและสูดดมเข้าไป สารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและทำลายเซลล์ปอดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารไดอะซิทิล ที่พบในบุหรี่ไฟฟ้าหลายยี่ห้อ ซึ่งเชื่อมโยงกับภาวะ "ปอดป๊อปคอร์น" (Popcorn Lung) หรือภาวะหลอดลมฝอยอักเสบเฉียบพลัน
- โลหะหนัก การวิจัยพบว่าไอน้ำจากบุหรี่ไฟฟ้ามีอนุภาคขนาดเล็กของโลหะหนัก เช่น นิกเกิล ตะกั่ว โครเมียม และแคดเมียม ซึ่งสามารถสะสมในร่างกายและก่อให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะต่างๆ เช่น ปอด ไต และสมอง
- ผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ การสูดดมไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำสามารถทำให้เกิดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ ทำลายเซลล์ปอด และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคปอดอักเสบ โรคหอบหืด และโรคทางเดินหายใจเรื้อรังอื่นๆ
- อันตรายจากแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้ในบุหรี่ไฟฟ้าบางชนิดมีโอกาสที่จะระเบิดหรือลุกไหม้ได้ หากใช้งานผิดวิธี หรือเกิดการลัดวงจร ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสได้
บุหรี่ไฟฟ้าซอมบื้ ผสมยานำสลบ
เมื่อเร็วๆนี้ กรมการแพทย์ ได้มีการเตือนภัย เรื่อง "บุหรี่ไฟฟ้าซอมบี้" คือบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการผสมสาร เอโทมิเดต(Etomidate) ลงไปเพื่อให้ออกฤทธิ์เหมือนยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้ามีผลกระทบกับสุขภาพผู้สูบมากมาย ยิ่งมีการผสมยาและสารต่างๆลงไปยิ่งอันตรายเพิ่มมากขึ้น
นพ.สกานต์ บุญนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ขอเตือนกลุ่มวัยรุ่นรวมไปถึงประชาชนทั่วไป ที่คิดจะทดลองใช้ “บุหรี่ไฟฟ้าซอมบี้” หรือบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการผสมยาและสารต่างๆ ลงไป ให้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นให้มาก ซึ่งร้ายแรงที่สุดอาจทำให้เสียชีวิตได้ และไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผู้ขายตั้งใจผสมสารชนิดใดลงไป มากน้อยเพียงใด อย่าหลงเชื่อคำชักชวนว่าปลอดภัยหรือ ลองแค่ครั้งเดียว ไม่เป็นไร
ทั้งนี้ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมบุตรหลานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินที่มากขึ้น มีอาการง่วงซึมผิดปกติ การเปลี่ยนแปลงของกลุ่มเพื่อน การเก็บตัวหรือหลบซ่อนในห้อง หากพบพฤติกรรมเหล่านี้ต้องรีบเข้าไปพูดคุย ด้วยความรักและความเข้าใจ บอกกล่าวถึงอันตรายที่จะตามมา
เสี่ยงเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กล่าวา สารเอโทมิเดต เป็นยานำสลบที่ใช้ในทางการแพทย์ ออกฤทธิ์กดประสาท เมื่อนำมาผสมในบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้ผู้สูบมีอาการง่วงซึมอย่างรุนแรง อัตราการหายใจลดลง
หรือเกิดภาวะหายใจช้าลงจนเป็นอันตราย ความดันโลหิตต่ำ คลื่นไส้อาเจียนสับสน หมดสติ การนำสารเอโทมิเดตมาผสมในบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก เพราะไม่สามารถควบคุมปริมาณการผสมได้ ถ้าสูดดมในปริมาณมาก อาจนำไปสู่การหายใจลำบากหรือภาวะขาดออกซิเจนได้ ทำให้หมดสติ หยุดหายใจ
นอกจากนี้ ยังเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว การสูดดมสารเอโทมิเดตสามารถส่งผลให้ระบบการทำงานของหัวใจไม่เป็นปกติ โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาหรือโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงและเสียชีวิตได้ ทั้งนี้แม้จะมีการเลิกสูบไปแล้วแต่ยังส่งผลในระยะยาวต่อฮอร์โมนที่ต่อมหมวกไต ทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้าง ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ส่งผลให้การทำงานของกล้ามเนื้อผิดปกติ
อย. ยกระดับคุมเข้ม “ยาเอโทมิเดต”
ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยกระดับการควบคุมยาเอโทมิเดต (Etomidate) จากเดิมที่เป็นยาควบคุมพิเศษ ให้เป็น “วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2” โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด หลังพบแนวโน้มการลักลอบนำไปผสมในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าในลักษณะที่เรียกว่า “บุหรี่ซอมบี้” ซึ่งออกฤทธิ์คล้ายยาเสพติด เสี่ยงทำให้ผู้สูบหมดสติ หยุดหายใจ หรือเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน
นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า เอโทมิเดตเป็นยานำสลบที่ใช้เฉพาะในสถานพยาบาล โดยบุคลากรทางการแพทย์ในการหัตถการและการผ่าตัดเฉพาะทางเท่านั้น แต่จากข้อมูลล่าสุดพบว่า มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยลักลอบผสมในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อเลียนแบบฤทธิ์ยาเสพติดในกลุ่มผู้เสพ โดยเฉพาะในจีน ฮ่องกง และไต้หวัน และเริ่มพบแนวโน้มแพร่ระบาดในไทย
การใช้เอโทมิเดตในลักษณะนี้ไม่เพียงเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ยังเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายยาเสพติด หากตรวจพบว่ามีการครอบครองหรือจำหน่าย “บุหรี่ซอมบี้” ซึ่งมีส่วนผสมของเอโทมิเดต จะถือว่ามีความผิดฐานเกี่ยวข้องกับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2
มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 700,000 บาท และหากกระทำเพื่อการค้า โทษจำคุกจะเพิ่มเป็น 1–15 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000 – 1,500,000 บาท นอกจากนี้ยังอาจเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน และถูกยึดทรัพย์ตามกฎหมายได้อีกด้วย






