ไทยลด 'ค่ายาที่เกินจำเป็น'ได้กว่า 16,900 ล้าน ในช่วง 2 ปี

“สมศักดิ์” เผยใช้ยาอย่างสมเหตุผล ช่วยลดค่ายาที่เกินจำเป็นได้กว่า 16,900 ล้านบาท - ลดค่าใช้จ่ายผู้ป่วยไต 4,000 ล้านบาท เดินหน้าประกาศ 5 แนวทางเอื้อการใช้ยาอย่างสมเหตุผล-บุคลากรเป็นต้นแบบใช้ยา-ประชาชนเข้าถึงข้อมูลยา
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2568 ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล" ในการประชุมสัมมนาระดับชาติ ด้านการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ครั้งที่ 1 ว่า กว่าทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ขับเคลื่อนการใช้ยาอย่างสมเหตุผล หรือ Rational Drug Use (RDU) อย่างต่อเนื่องและจริงจัง
โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพการรักษา ลดความเสี่ยงจากการใช้ยาเกินความจำเป็น และป้องกันปัญหาระดับโลก อย่างเชื้อดื้อยา มีผลการดำเนินงานที่เห็นได้ชัดเจน ได้แก่
- การใช้ยาอย่างสมเหตุผลผ่านกลไกบัญชียาหลักแห่งชาติ ช่วยให้ภาครัฐลดค่าใช้จ่ายด้านยาที่เกินจำเป็น ในปี 2565-2567 ได้มากกว่า 16,900 ล้านบาท
- ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยโรคไต จากการเฝ้าระวังการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม เช่น เอ็นเสด (NSAIDs) ได้มากกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี
- ลดการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่จำเป็น ในโรคหวัด ไอ เจ็บคอ ท้องเสีย ในปี 2560-2566 ทำให้ประหยัดงบประมาณมากกว่า 300 ล้านบาท
- และลดค่าใช้จ่ายในการใช้ยารักษาโรคเบาหวานเกินจำเป็น เกือบ 50 ล้านบาท
การดำเนินการดังกล่าว สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการทำให้คนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพ โดยลดหรือไม่ใช้ยาเคมีในการรักษา ผลักดันแนวคิดเวชศาสตร์วิถีชีวิตและสุขภาพองค์รวม สู่การปฏิบัติ ซึ่งขอประกาศนโยบายที่สำคัญ และเชิญชวนทุกคน ร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพ เพื่อนำพาประเทศไทยก้าวสู่การเป็นประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ผ่านแนวทางหลัก 5 ประการ คือ
1.หน่วยงานภาครัฐ และสถานบริการสุขภาพทุกระดับ ทั้งรัฐและเอกชน จะจัดให้มีระบบที่เอื้อต่อการใช้ยาอย่างสมเหตุผล พร้อมทั้งกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และมีส่วนร่วม
2.บุคลากรด้านสุขภาพ เป็นต้นแบบในการใช้ยาอย่างมีวิจารณญาณ ร่วมพัฒนาและใช้แนวทางการรักษา บนหลักฐานเชิงประจักษ์ รวมทั้งมีขีดความสามารถเป็นผู้นำด้าน RDU
3.สถาบันการศึกษาทุกระดับ จะปรับปรุงหลักสูตร และเสริมสร้างทักษะความรู้เท่าทันยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ แก่คนรุ่นใหม่
4.สื่อและสังคม ร่วมกันสร้างระบบสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ถูกต้องและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้เท่าทันต่อการใช้ยา และการดูแลสุขภาพตนเองของประชาชน
และ 5.ที่สำคัญที่สุด ประชาชนทุกคน มีสิทธิเข้าถึงข้อมูล ความรู้ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องและปลอดภัย เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ ดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว







