‘พ่อแก้ว ใจยืน’ หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ  ผู้ชำนาญรักษา ‘โรคโป่ง’

‘พ่อแก้ว ใจยืน’ หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ  ผู้ชำนาญรักษา ‘โรคโป่ง’

‘พ่อหมอแก้ว ใจยืน’ หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ ปี 2568 ผู้ชำนาญดูแลรักษา ‘โรคโป่ง’ ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3  ผู้ป่วยทุกรายต้องกิน “อ้อผญ๋า” ก่อนรักษา

KEY

POINTS

  • “พ่อหมอแก้ว ใจยืน” หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ ปี 2568  ปราชญ์ภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน  และนักพัฒนาแห่งล้านนา ผู้ชำนาญรักษา ‘โรคโป่ง’ ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3  ผู้ป่วยทุกรายต้องกิน “อ้อผญ๋า” ก่อนรักษา
  • กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ขับเคลื่อนแพทย์แผนไทยและสมุนไพรสร้างเศรษฐกิจ คาดยกระดับสมุนไพร จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 50,000 ล้านบาท และการยกระดับภูมิปัญญาไทย ส่งเสริมการนวดไทยเป็นซอฟต์ พาวเวอร์ เพิ่มมูลค่ากว่า 58,000 ล้านบาท
  • กิจกรรมไฮไลต์ มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22  บริการคลินิกตรวจรักษาโดยแพทย์แผนไทย ครอบคลุม 5 กลุ่มโรคสำคัญ ,นวดไทยเฉพาะทาง 7 ด้าน  แจกฟรีหนังสือสมุนไพร “บันทึกของแผ่นดิน: 15 แกงส้มทั่วไทย” วันละ 200 เล่ม และ แจกพันธุ์สมุนไพรหายาก วันละ 300 ต้น

เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2568 ที่ฮอลล์ 11-12 อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี ในพิธีเปิดมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ และการประชุมวิชาการประจำปี ครั้งที่ 22 หรือ Thailand Herbal Expo 2025  ภายใต้แนวคิด“ภูมิปัญญาไทย ซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างเศรษฐกิจไทย”  จัดโดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  ระหว่างวันที่ 2-6 ก.ค.2568  เพื่ออนุรักษ์ ส่งเสริม และต่อยอดองค์ความรู้การแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะยาไทย นวดไทย อาหารไทย สู่การยอมรับในระดับนานาชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพและรายได้แก่ประเทศ  โดยมีการมอบรางวัลหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี  2568 ได้แก่  “พ่อหมอแก้ว ใจยืน”  ปราชญ์ภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน  และนักพัฒนาแห่งล้านนา

Herb of the year เพิ่มมูลค่า 3,500 ล้าน

นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข   กล่าวว่า  มหกรรมสมุนไพรมุ่งเน้นการพัฒนาและส่งเสริมการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน การแพทย์ทางเลือก และสมุนไพร เป้าหมายชับเคลื่อนงานที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและประชาชนเข้าถึง ด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะแพทย์แผนไทย เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศและความมั่นคงระบบสุขภาพ และปกป้องคุ้มครองภูมิปัญญาไทยไม่ให้สูญหาย ประสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยกับการท่องเที่ยงเชิงสุขภาพ

 ถือเป็นบทบาทสำคัญในการเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ยกระดับความสามาถในการแข่งขัน โดยนำจุดแข็งที่สำคัญของการแพทย์แผนไทย  และศักยภาพการผลิตยาสมุนไพของประเทศ มาพัฒนาต่อยอดสร้างรายได้  ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีการยกระดับ Herb of the year ได้แก่  ขมิ้นชัน ไพล กระชายดำ กระท่อมและกัญชา สู่การเพิ่มมูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท

ยกระดับนวดไทย สร้างรายได้ 2 แสนล้าน/ปี

“ภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทยคือต้นทุนทางวัฒนธรรมสุขภาพ  ที่ผสมผสานองค์ความรู้การแพทย์แผนไทยและสมุนไพร มุ่งดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ถือเป็นซอฟต์ พาวเวอร์ไทย ที่สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในตลาดโลกจากกระแสการใส่ใจสุขภาพและการป้องกันโรคตามวิถีธรรมชาติ”นายวิชัยกล่าว

ส่วนของนวดไทยได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมวลมนุษยชาติ จากองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี 2562  ถือเป็นอัตลักษณ์สำคัญของประเทศไทย ซึ่งการส่งเสริมความเชี่ยวชาญนวดไทย ด้วยการยกระดับให้หมอนวดไทยมีความเชี่ยวชาญในการดูแล 7 กลุ่มอาการ มีเป้าหมายสร้างงานเพิ่มขึ้นอีกกว่า 60,000 ตำแหน่ง ให้เป็นแรงงานทักษะสูง สามารถประกอบอาชีพ สร้างรายได้รวมมากกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบาย 1 ครอบครัว 1ซอฟต์ พาวเวอร์

‘พ่อแก้ว ใจยืน’ หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ  ผู้ชำนาญรักษา ‘โรคโป่ง’

พ่อหมอล้านนา ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3

สำหรับ “พ่อหมอแก้ว ในยืน”  อายุ  91 ปี  เป็นชาวอ.เมือง จ.พะเยา โดยกำเนิด ซึมซับและเรียนรู้การเป็นหมอพื้นบ้านล้านนา เนื่องจากเติบโตท่ามกลางกลิ่นไอของภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านล้านนา ได้รับอิทธิพลของบรรพชนหมอเมือง 2 ท่าน คือ พ่อหมอมูล ใจยืน ผู้เป็นบิดาและพ่อหมอเขียว ใจยืน ผู้เป็นปู่

ในปี  2489 เมื่ออายุราว 10 ปี หลังจากเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตุ่นแล้ว เด็กชายแก้วเริ่มศึกษาเรียนรู้สมุนไพรหลายชนิด ด้วยการติดตามเข้าป่ากับบิดา มารดา พ่ออุ้ย แม่อุ้ย เพื่อเสาะหาสมุนไพร จนมีความสามารถเข้าป่าเก็บสมุนไพรให้ผู้ใหญ่ได้ตามลำพัง จนเข้าวัยหนุ่มใหญ่ ได้เรียนรู้องค์ความรู้การแพทย์ล้านนาอย่างละเอียดลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

5 โรคที่พ่อหมอแก้วชำนาญในการรักษา

โรคที่พ่อหมอแก้ว ใจยืน มีความชำนาญในการรักษา ได้แก่

  • โรคโป่ง ยำ คือ อาการปวดบวมหัวเข่า ปวดขา น่อง
  • โรคเบาหวาน ความดันโลหิต
  • อาการปวดหลัง ปวดเอว และบำรุงกำลัง
  • โรคนิ่ว
  • อาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ และเบื่ออาหาร

ผู้ที่เข้ารับการดูแลรักษากับ “พ่อหมอแก้ว”  จะเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษาสุขภาพด้วยภูมิปัญญาแพทย์พื้นบ้านล้านนา ประกอบด้วย

1.สอบถามอาการ อายุ สังเกตุอาการ

2.ประเมินโรคโดยไม้วา

3.ประเมินโรคตามตารางธาตุ

4. ทำการวินิจฉัยโรค 

5. พ่อหมอแก้ว จะทำการบูชาครูบาอาจารย์ของตนเองตามธรรมเนียมปฏิบัติ

6. ผู้ป่วยจะทำการตั้งขันตั้ง เพื่อขอทำการรักษากับพ่อหมอแก้วมีข้าวตอกดอกไม้ เคารพบูชา

7. ผู้ป่วยประเคนขันตั้ง เมื่อเสร็จพิธีประเคนขันตั้งแล้ว ผู้ป่วยจะบูชาค่าครูหรือไม่ก็ได้

8.ก่อนทำการรักษาให้ผู้ป่วยกิน อ้อผญ๋า(พิธีกรรมของชาวล้านนา)

9. ให้ทาน อ้อผญ๋า ทุกรายหลังจากนั้นให้รับประทานตำรับสมุนไพรตามอาการและโรคที่วินิจฉัยไว้

5 ไร่ อนุรักษ์สมุนไพรหายาก กว่า 200 ชนิด

ไม่เพียงแต่การดูแลรักษาผู้ป่วยเท่านั้น แต่พ่อหมอแก้ว ยังทำคุณประโยชน์ต่อการแพทย์พื้นบ้านและภูมิปัญญาล้านนาอย่งมากมาย อาทิ  พัฒนาสวนสมุนไพร เป็นแหล่งอนุรักษ์พืชสมุนไพรหายากที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ กว่า 200 ชนิดในพื้นที่ส่วนบุคคล จำนวน 5 ไร่ ให้เป็นศูนย์เรียนรู้สมุนไพร ,แปลตำราภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทย ร่วมกับหมอพื้นบ้านนายสมเกียรติ จำนวน 47 เล่มมากกว่า 120 รายการ

จัดกิจกรรม รถสามล้อสมุนไพรลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพโรคเรื้อรัง โดยการนำสมุนไพรตำรับบำรุงกำลัง มาให้บริการ ประชาชนที่มาในงานศพรับประทานแทนชา กาแฟ และนวัตกรรมไม้กดนวดเส้น บรรเทาอาการปวดในผู้สูงอายุ ส่งเสริมประชาชนใช้บริการภายใต้การกำกับของแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านตุ่น

 สมุนไพร-นวดไทย ซอฟต์พาวเวอร์

ก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข  กล่าวว่า  กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เดินหน้าขับเคลื่อน การสร้างเศรษฐกิจสุขภาพ (Health Economy) พร้อมยกระดับแพทย์แผนไทยและสมุนไพร ให้มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับนานาชาติ คาดว่าการยกระดับสมุนไพร จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 50,000 ล้านบาท และการยกระดับภูมิปัญญาไทย ส่งเสริมการนวดไทยเป็นซอฟพาวเวอร์ จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 58,000 ล้านบาท และเพิ่มการจ้างงานได้อีกกว่า 70,000 อัตรา

นอกจากนี้ ยมุ่งส่งเสริมการขยายมูลค่าตลาดสมุนไพร โดยการผลักดันสมุนไพร Herb of the Year อาหารสมุนไพร กินเป็นไม่ป่วย ช่วยลด NCD และสนับสนุนอุตสาหกรรมสารสกัดสมุนไพร โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท พร้อมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์ม “Panthai AI Doctor” ระบบหมอแผนไทยอัจฉริยะ เพื่อให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน

ไฮไลต์ มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ

นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า   มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติปีที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 200,000 คน เงินสะพัดกว่า 350 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะจากการต่อยอดองค์ความรู้ นวัตกรรม และธุรกิจบริการสุขภาพครบวงจร

กิจกรรมไฮไลต์ พบกับ 6 โซนเด่น ครบทั้งวิชาการ บริการ สุขภาพ และนวัตกรรม ซึ่งมีบริการคลินิกตรวจรักษาโดยแพทย์แผนไทย ครอบคลุม 5 กลุ่มโรคสำคัญ (สะเก็ดเงิน นอนไม่หลับ ลดการใช้ยาเสพติด ผู้ป่วยประคับประคอง พาร์กินสัน), นวดไทยเฉพาะทาง 7 ด้าน, คลินิกอาหารเฉพาะโรค, คลินิกกิจกรรมผู้สูงอายุ และกิจกรรมเสริมที่ไม่ควรพลาด ในการ นวดไทย 7 กลุ่มอาการยอดนิยม เช่น นิ้วล็อก ไหล่ติด เข่าเสื่อม เป็นต้น และยังมีกิจกรรมอีกมากมาย 

องค์การเภสัชกรรม (GPO) ชูนวัตกรรมสารสกัดสมุนไพร ภายใต้แนวคิด “GPO PLANT BASED MEDICINE” เช่น ขมิ้นชัน เถาวัลย์เปรียง พรมมิ และตำรับยาแก้น้ำเหลืองเสีย พัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ยา อาหารเสริม และเครื่องสำอาง เพื่อเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทย พร้อมเปิดตัว CURMIN ACTIVE FACIAL CREAM ครีมบำรุงผิวเข้มข้นจากสารสกัดธรรมชาติ 9 ชนิด พร้อมโปรโมชั่น  ลดสูงสุด 80% ในกลุ่มแบรนด์ GPO CURMIN, SIBANNAC, Selext และให้บริการตรวจผิวหน้าฟรี

 ส่วนโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ยกทัพสวนสมุนไพรช่วยชะลอวัย ช่วยดูแลสุขภาพทุกระบบ ทั้งสมดุลสมอง ท้องไส้ ภูมิคุ้มกัน ผ่านแนวคิดอาหารคือยา พร้อมแจกฟรีหนังสือสมุนไพร “บันทึกของแผ่นดิน: 15 แกงส้มทั่วไทย” วันละ 200 เล่ม และ แจกพันธุ์สมุนไพรหายาก วันละ 300 ต้น