ร้านค้าช่อดอกกัญชา 12,000 แห่ง ส่อไม่ได้ไปต่อ หากไร้วิชาชีพประจำร้าน

ร้านค้าช่อดอกกัญชา 12,000 แห่ง ส่อไม่ได้ไปต่อ หากไร้วิชาชีพประจำร้าน

ร้านค้าช่อดอกกัญชา 12,000 แห่ง ส่อไม่ได้ไปต่อ หลังปลายปีใบอนุญาตหมดอายุ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ยกร่างกฎกระทรวงต้องมี 7 วิชาชีพประจำร้าน

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2568 นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงกรณีใบสั่งจ่ายช่อดอกกัญชาว่า ตนได้ลงนาม ประกาศกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เรื่อง กำหนดแบบตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2568  เรื่องใบสั่งจ่ายมีผลใช้บังคับหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา

รูปแบบใบสั่งจ่าย จะกำหนดชัดเจนถึงชื่อสกุลของผู้รับรอง ที่ต้องเป็นวิชาชีพตามที่กำหนด 7 วิชาชีพ คือ

  1. เวชกรรม แพทย์แผนไทย
  2. แพทย์แผนไทยประยุกต์
  3. ทันตกรรม
  4. เภสัชกรรม
  5. ผู้ประกอบโรคศิลปะ
  6. สาขาการแพทย์แผนจีน
  7. หมอพื้นบ้าน

โดยต้องกรอกเลขที่ใบอนุญาตทุกครั้ง  ซึ่งการตรวจรักษา ต้องระบุรายละเอียดของคนไข้ที่เข้ารับการตรวจ ชื่อสกุล อายุ สัญชาติ เลขที่บัตรประชาชน และโรคหรืออาการต้องเป็นไปตามวิชาชีพวินิจฉัย และปริมาณการใช้ต้องไม่เกิน 30 วัน

“โรคหรือกลุ่มอาการ เดิมระบุไว้ 15 อาการ แต่ขณะนี้ได้ตัดออกไป โดยเว้นไว้ให้แต่ละกลุ่มวิชาชีพระบุอาการ ซึ่งต้องเป็นไปตามไกด์ไลน์ของแต่ละวิชาชีพ ขณะนี้มีอยู่ 2 วิชาชีพ ที่มีไกด์ไลน์แล้ว  คือ แพทยสภาและแพทย์แผนไทย  ส่วนอีก 5 วิชาชีพ อยู่ระหว่างจัดทำไกด์ไลน์ หากยังไม่แล้วเสร็จก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เท่ากับตอนนี้ร้านค้าสามารถทำได้ในกรณีมีใบสั่งจ่ายจากแพทย์และแพทย์แผนไทย” นพ.สมฤกษ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม โรคที่แพทย์แผนปัจจุบันได้รับการรับรองมี 4 โรค คือ

  1. โรคลมชัก
  2. อาการคลื่นไส้อาเจียน จากการรักษาโรคมะเร็ง
  3. การปวดเส้นประสาท
  4. อาการกล้ามเนื้อเกร็ง

ส่วนของแพทย์แผนไทยจะมี 8 กลุ่มอาการ เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อาการปวดจากโรคมะเร็ง เป็นต้น

นพ.สมฤกษ์ กล่าวด้วยว่า ร้านค้าช่อดอกกัญชา ต้องได้รับอนุญาตการเปิดร้าน ซึ่งต้องเป็นไปตามทางการแพทย์ ห้ามสูบและการจะจำหน่ายให้ประชาชน หรือคนไข้จะต้องมีใบสั่งจ่ายตามวิชาชีพที่กำหนดเท่านั้น และร้านต้องเก็บใบสั่งจ่ายไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้กรมตรวจทุกเดือน ส่วนผู้ป่วยควรสำเนาไว้เป็นหลักฐานหากพบมีการครอบครองช่อดอกกัญชาจำนวนมาก

“ในอนาคตร้านค้า จะต้องเป็นคลินิกหรือสถานพยาบาล โดยร้านค้าที่ต้องขึ้นทะเบียนใหม่ หรือต่อทะเบียน ซึ่งปลายปีนี้จะมีร้านค้า 12,000 แห่ง จาก 18,000 แห่ง หมดอายุ และต้องต่อใบอนุญาต ซึ่งต้องปรับเป็นคลินิก หรือสถานพยาบาลมีผู้ประกอบวิชาชีพประจำ เท่ากับภายในปีนี้ร้านค้าจะทยอยปรับรูปแบบ จนไม่เหลือร้านค้าที่ไม่มีผู้ประกอบวิชาชีพอีกต่อไป จะเป็นการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างสมบูรณ์”นพ.สมฤกษ์กล่าว 

 นพ.สมฤกษ์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการดังกล่าว ต้องมีการร่างกฎกระทรวงฯ เกี่ยวกับการขออนุญาตร้านค้า กำลังดำเนินการอยู่ ขณะนี้กำลังทำประชาพิจารณ์ ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 12 ก.ค.นี้ จากนั้นก็จะประชุมคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย  และเสนอรมว.สาธารณสุข และเข้าครม.ต่อไป