ปิดจบ 'สูบกัญชาเสรี' ไร้ใบสั่งแพทย์ ซื้อ 'ช่อดอกกัญชา' ไม่ได้

ปิดจบ 'สูบกัญชาเสรี' ไร้ใบสั่งแพทย์ ซื้อ 'ช่อดอกกัญชา' ไม่ได้

ปิดจบ “กัญชาเสรี” ห้ามคนทั่วไป-นักท่องเที่ยวไร้ใบสั่งแพทย์ซื้อ “ช่อดอกกัญชา” ไปสูบ ประกาศ สธ.ใหม่คุมเข้มขึ้น ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ส่วนปลูกยังทำได้ 

KEY

POINTS

  • ตามกฎหมาย ณ ตอนนี้ “กัญชา” ไม่ถือเป็นยาเสพติด ยกเว้น “สารสกัดที่มีสารทีเอชซี(THC) เกิน 0.2 %” เท่านั้นที่ยังเป็นยาเสพติด ส่วนประกาศ สธ.ฉบับใหม่ ไม่ได้มีผลต่อสถานะยาเสพติดของกัญชา
  • ประกาศ สธ.ฉบับใหม่คุม “ช่อดอกกัญชา” เข้มข้นขึ้น  ปิดจบ “สูบกัญชาเสรี” กลุ่มคนทั่วไป-นักท่องเที่ยวไร้ใบสั่งแพทย์ ไม่สามารถซื้อแล้วนำไปเสพสูบ
  • ประกาศ สธ.ฉบับใหม่ ไม่คุมเรื่องปลูก-ผลิตภัณฑ์ ยังสามารถปลูกกัญชาได้ ส่วนการนำช่อดอกกัญชาไปสกัดผสมในผลิตภัณฑ์ ต้องขออนุญาต อย.

สถานะปัจจุบันของ “กัญชา” หากว่าตามพรรคภูมิใจไทย(ภท.) เท่ากับ “กัญชาไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีสารทีเอชซี(THC) เกิน 0.2 %” ทว่า หากตามพรรคเพื่อไทย(พท.) นั้น “กัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่ในส่วนของสารสกัดที่มีสารทีเอชซี(THC) เกิน 0.2 %”

กัญชาไม่เป็นยาเสพติด เว้นส่วนเดียวที่เป็น

สรุปภาษาชาวบ้านเข้าใจง่ายแบบไม่เล่นบาลีแต่อิงกฎหมาย คือ “กัญชาทุกส่วน ทั้งราก ต้น กิ่ง ก้าน ใบ ช่อดอกกัญชาไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีสารทีเอชซี เกิน 0.2 % ที่ยังเป็นยาเสพติด”

เพียงแต่ “ช่อดอกกัญชา” มีการควบคุมเพิ่มเติมมากขึ้น ผ่านการประกาศให้เป็น “สมุนไพรควบคุม” ตามพ.ร.บ.คุ้มครอง และส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 เนื่องจาก “ช่อดอกกัญชา” เป็นส่วนที่นำมาใช้ใน “การสูบ”

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2565 ลงวันที่ 11 พ.ย.2565 โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล สมัยเป็นรมว.สาธารณสุข กำหนดไว้ ต้องขออนุญาตในการศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย  ซึ่งการควบคุมจำหน่าย มีเพียงทำรายงานการจำหน่ายส่งกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก และห้ามจำหน่ายในเด็ก และสตรีตั้งครรภ์ ไม่มีประเด็นเรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์

ส่วนประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 ที่ลงนามโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน  รมว.สาธารณสุข เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2568  เป็นการปรับปรุงจากประกาศฉบับเดิม มีผลบังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 

จุดต่างสำคัญอยู่ตรงที่ "ห้ามขายช่อดอกกัญชา ให้กับผู้ที่ไม่มีใบสั่งแพทย์หรือวิชาชีพที่กำหนด" ส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสารสกัด หรือการใช้ส่วนอื่นๆ ของกัญชาทั้งราก ต้น กิ่ง ก้าน ใบ ยังทำได้ ตามพ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์นั้นๆ กำหนด ถือเป็น "ปิดจบกัญชาเสรีแบบสูบ"

ต้องขออนุญาตส่งออก-จำหน่าย

สาระสำคัญ คือ

  •  ให้กัญชา ซึ่งเป็นพืชในสกุล Cannabis วงศ์ Cannabaceae เฉพาะส่วนของช่อดอกเป็นสมุนไพรควบคุม
  • ผู้ใดประสงค์จะศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุม เพื่อการค้า จนกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 46 และผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

1.ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ต้องจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มา การนำไปใช้ และจำนวนที่เก็บไว้ ณ สถานประกอบการ และให้รายงานข้อมูลนั้นต่อนายทะเบียนตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด

2.ผู้รับใบอนุญาตให้ส่งออกสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ต้องแจ้งรายละเอียดการส่งออกต่อผู้อนุญาตเป็นรายครั้ง ตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด

3.ผู้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ต้องจำหน่ายสมุนไพรควบคุมให้กับผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 46 เท่านั้น

4.การจำหน่าย และส่งออกสมุนไพรควบคุมของผู้ได้รับใบอนุญาต ต้องมาจากแหล่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะปลูก และการเก็บเกี่ยวที่ดีจากกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก

ห้ามขายช่อดอกกัญชาเพื่อสูบ

5.ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุมเพื่อการสูบในสถานที่ประกอบการ เว้นแต่การจำหน่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ และผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพทันตกรรม ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยของตน

6.ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุม หรือสินค้าที่แปรรูปจากสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์

7.ห้ามโฆษณาสมุนไพรควบคุมทุกช่องทางเพื่อการค้า

สถานที่ห้ามจำหน่ายช่อดอกกัญชา

8.ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุม หรือสินค้าที่แปรรูปจากสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ในสถานที่ดังต่อไปนี้

(ก)วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา

(ข) หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก

(ค) สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก

การจำหน่ายสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าตามวรรคหนึ่ง(3) ไม่รวมถึงกรณีการจำหน่ายสมุนไพรควบคุมให้กับบุคคลใดๆ ที่มีใบสั่งจ่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม  ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเภสัชกรรม  และผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพทันตกรรม ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยของตน

การสั่งจ่ายตามวรรคสอง ให้กำหนดจำนวนหรือปริมาณการใช้ตามความจำเป็นเพื่อการรักษาตัวเป็นการเฉพาะที่ใช้ได้ไม่เกิน 30 วัน

3 เดือนกัญชาพะรุงพะรังคลี่คลาย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น เชื่อว่าผู้ที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้กัญชา ก็ยังสามารถใช้ได้ จะไม่เป็นปัญหาอุปสรรค แต่ไม่ต้องการให้ใช้ในทางที่ผิดโดยที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้

ส่วนการจะประกาศยาเสพติดประเภท 5 สามารถประกาศเพิ่มเติม หรือ ถอดถอนได้ โดยการลงนามประกาศของรมว.สาธารณสุข ตามคำแนะนำของคณะกรรมการ ปปส. ที่มีรองนายกฯเป็นประธาน ถ้าอ่านกฎหมาย และเข้าใจกฎหมาย ก็จะเดินตามนี้ จะไม่มีข้อสงสัย แต่ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็ลองเปิดประมวลกฎหมายยาเสพติดดู

“ไม่ว่ากัญชาจะเป็นสมุนไพรควบคุมอย่างไร ก็ต้องเน้นหนักในทางการแพทย์ และไม่ว่ากัญชาจะเป็นยาเสพติด ก็ให้ใช้ในทางการแพทย์ ส่วนด้านอื่นๆ ต้องขออนุญาตเท่านั้น ขณะนี้การดำเนินการเป็นสมุนไพรควบคุมเข้มข้น ก็จะต้องดูการดำเนินการไปสักระยะหนึ่ง และไปแก้ไขในส่วนที่พะรุงพะรัง โดยเชื่อว่า 3 เดือน จะคลี่คลายทั้งหมด”นายสมศักดิ์กล่าว   

ข้อปฏิบัติปลูก-ผลิตภัณฑ์

ขณะที่ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อธิบายว่า ประกาศทั้งฉบับเก่าฉบับใหม่ ไม่ได้ห้ามเรื่องการปลูก เพียงแต่จะมีข้อกำหนดว่าร้านค้าหรือผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาต จะต้องซื้อช่อดอกกัญชาที่ปลูกได้มาตรฐานตามที่กรมกำหนด ฉะนั้น ผู้ที่ปลูกแม้ไม่ต้องขออนุญาตปลูก แต่จะต้องปลูกตามมาตรฐาน จึงจะสามารถขายให้ร้านค้าได้

“กลุ่มธุรกิจที่นำสารสกัดช่อดอกกัญชา ไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้น ไม่เกี่ยวกับประกาศนี้ จะต้องไปขออนุญาตการผลิตสารสกัดช่อดอกกัญชากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เมื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์แล้วก็ไปขออนุญาต อย.ตามกฎหมายของผลิตภัณฑ์นั้นๆ เช่น พ.ร.บ.อาหาร พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ร.บ.ยา เป็นต้น” นพ.สมฤกษ์ กล่าว   

ร้านค้าขายได้เฉพาะมีใบสั่งแพทย์

สธ.เห็นว่าที่ผ่านมามีปัญหามาก ในเรื่องของจำนวนร้านกัญชา ที่มีใบอนุญาตจำนวน 18,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งบางแห่งลักลอบจำหน่ายให้ผู้ใช้ที่เป็นเด็ก และเยาวชนด้วย จึงเห็นว่าจะต้องควบคุมการใช้กัญชาให้เน้นเฉพาะทางการแพทย์

ประกาศฉบับใหม่ จึงกำหนดทุกร้านจะจำหน่ายให้เฉพาะผู้ที่มีใบสั่งแพทย์เท่านั้น เรื่องกรอบระยะเวลาบังคับใช้คงมีการหารือกับรมว.สธ.อีกครั้ง แต่โดยเจตนาอยากให้เร็วที่สุด แต่ก็จะพยายามให้กระทบกับร้านน้อยที่สุด ระหว่างนี้กรมได้เร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจถึงประกาศดังกล่าวให้กับผู้ประกอบการ และผู้เกี่ยวข้องได้ถือเป็นแนวปฏิบัติ 

“กฎหมายควบคุมเฉพาะส่วนของช่อดอกกัญชามาตลอด เนื่องจากเป็นส่วนที่มีสารทีเอชซี ( THC) สูง หากได้รับมากเกินไปอาจก่อผลกระทบต่อต่างร่างกาย ไม่ได้คุมส่วนอื่นของกัญชา” นพ.สมฤกษ์ กล่าว 

นักท่องเที่ยวไร้ใบสั่งแพทย์ ซื้อไม่ได้

นพ.สมฤกษ์ กล่าวด้วยว่า หลังประกาศบังคับใช้หากร้านไม่ปฏิบัติตาม เบื้องต้นร้านที่มีใบอนุญาตแล้วไม่ปฏิบัติตามหรือไม่มีใบสั่งแพทย์จะต้องถูกพักใช้ใบอนุญาต หมายความว่าทำการขายไม่ได้จนกว่าจะปรับแก้ให้เรียบร้อย ระหว่างที่สั่งพักใบอนุญาตแล้วยังไปจำหน่ายอีกก็จะผิดกฎหมายจะต้องถูกลงโทษ คือ จำคุก 1 ปีปรับไม่เกิน 20,000 บาท อย่างไรก็ตาม กรมอยู่ระหว่างปรับแก้พ.ร.บ.คุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ในการเพิ่มโทษให้รุนแรงมากขึ้น เป็นจำคุก 2 ปีปรับ 200,000 บาทเป็นอย่างน้อย ซึ่งได้เสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว

“เท่ากับเมื่อประกาศบังคับใช้ร้านค้า คาเฟ่ต่างๆ จะขายให้ได้เฉพาะผู้ที่ใบสั่งแพทย์ และวิชาชีพตามที่กำหนดเท่านั้น  ไม่สามารถขายทั่วไปหรือให้นักท่องเที่ยวนำไปสูบได้” นพ.สมฤกษ์ กล่าว

เตรียมกำลังลุยตรวจเข้ม

นพ.สมฤกษ์ กล่าวด้วยว่า บางร้านที่ขายในขณะนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการเสพ ถือว่าผิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ต้องมีประกาศฉบับนี้ก็ผิดอยู่แล้ว เพราะประกาศฉบับเดิมให้ขายแต่ก็ห้ามสูบในร้าน และห้ามขายกับเด็ก และหญิงตั้งครรภ์เป็นข้อกำหนดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ร้านผิดตั้งแต่แรก และไม่ได้ระบุว่าเป็นทางการแพทย์ก็มีการนำไปเสพ ฉบับใหม่จึงกำหนดให้ร้านต้องทำรายงานแจ้งรายละเอียดถึงกรมทุกเดือน เพื่อลดการเสพแบบสันทนาการ ต้องมีเหตุทางการแพทย์เท่านั้น

 กรมเตรียมอัตรากำลังออกตรวจร้านค้าทุกสัปดาห์ แบ่งสายทีมไปทีละ 10 ทีม ต่างจังหวัดเป็นหน้าที่ของนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดที่ออกตรวจ ที่ผ่านมาตรวจไปมีพักใช้ใบอนุญาตไปแล้วเป็นหลักพันในจำนวน 18,000 แห่งทั่วประเทศ เฉพาะใน กทม.จับไปหลักหลายพัน ส่วนที่ลักลอบจำหน่ายโดยไม่มีใบอนุญาตก็จะเจอบางส่วนถือว่าทำผิดก็ถูกดำเนินคดี การตรวจเข้มข้นมากขึ้นร้านที่ขายจะต้องปรับตัวและปฏิบัติตามประกาศ ซึ่งเน้นย้ำทุกร้านจะต้องจำหน่ายให้กับผู้มีใบสั่งแพทย์เท่านั้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์