'สมศักดิ์' อัดคน 'ปลดล็อกกัญชา' ชี้ได้มาแบบ ข่มขู่ ข่มขืน

'สมศักดิ์' อัดคน 'ปลดล็อกกัญชา' ชี้ได้มาแบบ ข่มขู่ ข่มขืน

“สมศักดิ์” อัดคนปลดล็อกกัญชา แบบข่มขู่ ข่มขืน ทำสังคมวุ่นวาย ต้องโทษคนคิด คิดแล้วก็ทำไม่สำเร็จ ด้านผู้ประกอบการหนุนกัญชาทางการแพทย์

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 มิ.ย.2568 ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวในการร่วมรับฟังตัวแทนผู้ประกอบการ และผู้ค้ารายย่อยธุรกิจกัญชาว่า อนาคตไม่ว่ากัญชาจะเปลี่ยนสถานะกลับมาเป็นยาเสพติด ก็จะไม่ให้กระทบผู้ประกอบการที่ดำเนินการ ใช้กัญชาทางการแพทย์ เพราะเข้าใจความอึดอัดของผู้ประกอบกิจการ ที่ลงทุนไปแล้ว ในเรื่องการแพทย์จะสนับสนุนเต็มที่ในการทำธุรกิจ ขอธุรกิจไม่ฟ้องร้อง

หากวันข้างหน้าเอาไม่อยู่ หรือในแนวทางสังคม ต้องเป็นยาเสพติด ก็ต้องมีเรื่องของการแพทย์นำหน้า ขอให้สบายใจ แต่ขอเติมว่า เวลามาต่อใบอนุญาต หรือขอใบอนุญาตใหม่ ในกรณีที่เปลี่ยนแปลงจากสมุนไพรควบคุม ไปเป็นยาเสพติด ก็ต้องทำให้เรียบร้อย ว่าจะไม่มีปัญหา ไม่ฟ้องร้องเอาความ ถ้าในแนวทางภาพรวมของรัฐบาล ต้องเปลี่ยนเป็นยาเสพติด แต่ยังมีเรื่องทางการแพทย์ให้อย่างสมบูรณ์ ก็จะไม่มีปัญหา นี่คือสิ่งที่ผมขอเติม แล้วมันจะจบปัญหา ก็ให้กรมเติมเรื่องนี้ไปในแบบฟอร์มอนุญาต เป็นคำมั่นสัญญา  

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แปลว่าในอนาคตจะนำกัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติดใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยัง ต้องดูผลการดำเนินการตามประกาศใหม่ก่อน ถ้าดีก็ไม่เปลี่ยน แต่ถ้ายังมีความลำบาก ยังมีความไม่เรียบร้อย ก็เปลี่ยนเป็นยาเสพติดในวันข้างหน้าได้

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ประกอบการที่ดีนั้น สู้ได้อยู่แล้ว ไม่ว่ากัญชาจะเป็นยาเสพติด หรือไม่เป็นยาเสพติดก็ตาม ผู้ประกอบการเขาเข้าใจ แต่บางคนเขาไม่เข้าใจ ก็เถียงกัน

อัดปลดล็อกกัญชาแบบข่มขู่ ข่มขืน

เมื่อถามต่อว่า แนวทางใหม่ที่จะปรับให้เข้ารูปเข้าร่าง จะใช้เวลาในการประเมินผลนานแค่ไหน ก่อนจะพิจารณาว่าควรกลับไปเป็นยาเสพติดหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อย่าไปประเมิน เพราะจริงๆ ถ้าเขามีความพร้อมในการออกกฎหมายมาควบคุมตามหลังประมวลกฎหมายยาเสพติด คงทำไปแล้ว แต่กลับยังออกไม่ได้

เพราะต้องยอมรับว่า ตอนที่มีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดนั้น สังคมไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมด ฉะนั้นกฎหมายเมื่อเข้าสภาฯ กี่ครั้งก็จะสะท้อนกลับและไม่จบ แล้วแบบนี้จะไปโทษใคร ก็ไปโทษคนคิด คิดแล้วก็ทำไม่สำเร็จ

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมกรรมการ ป.ป.ส. ที่พิจารณาถอดกัญชาออกจากยาเสพติด เมื่อเดือน ม.ค.2565 ที่จริงมีการพิจารณาหลายครั้ง กรรมการ ป.ป.ส.ถกเถียงกันมาก ครั้งแรกก็ไม่จบ

ผมก็อยู่ในที่ประชุมด้วยยังจำได้ และมีการต่อรองว่า ถ้าไม่จบ เขาไม่ร่วมรัฐบาล สุดท้ายก็เลยจบ แต่จบแบบไม่สมบูรณ์ เหมือนเป็นการข่มขู่ ข่มขืน ให้เกิดแนวทาง ที่ทำให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติด แล้วมาเขียนกฎหมายรองประกอบ ผมไปเปิดดูแล้ว ไม่เคยเขียนเรื่องทางการแพทย์เลย แล้วมาแหกปาก บอกว่าทำเรื่องการแพทย์

“ทำให้สังคมวุ่นวาย เพราะมาด้วยความไม่ปกติ แล้วแบบนี้จะไปโยนความผิดให้ใคร มาบอกว่า ทำเป็นกฎหมาย แต่เวลาเข้าสภาฯ สั่งสภาฯไม่ได้ กฎหมายก็ไม่ผ่าน มันก็เป็นเช่นนี้ แล้วจะมาบอกว่าเสนอกฎหมาย แล้วมันต้องจบ ก็ที่มาเดิม มันข่มขืน มันก็เลยไม่จบ ผมไม่ได้ขัดแย้งอะไร หรือทำให้ท่านปวดหัวอะไร เพียงแต่อยากมาช่วยท่านแก้ไขปัญหาให้ โดยเพิ่มการใช้ทางการแพทย์” นายสมศักดิ์ กล่าว

ไม่กระทบโรงงานสกัด

ด้านนายทศพร นิลกำแหง นายกสมาคมสหอุตสาหกรรมพืชกัญชงและกัญชา กล่าวว่า สมาคมมีสมาชิก 43 บริษัท ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่ทำโรงงานสกัดกัญชง และซีบีดี(CBD) แต่ในช่วงหลัง หลายผู้ประกอบการเริ่มมาทำธุรกิจการปลูกกัญชา และแปรออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องดื่ม เป็นการดำเนินการครบวงจร ตั้งแต่ปลูก กลางน้ำที่เป็นการสกัด และปลายน้ำเป็นผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ การลงทุนในส่วนของโรงงานสกัดขั้นต่ำราว 350-400 ล้านบาทต่อโรงงาน เพราะต้องทำให้ได้มาตรฐาน GMP สมุนไพร

สมาคมฯ เน้นเรื่องกัญชง และสารสกัด ถ้ากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 หรือประกาศสมุนไพรควบคุม ฉบับล่าสุดของ สธ. เราไม่กระทบ เพราะโรงงานต่างๆ ตอนที่ประกาศปลดล็อกจากยาเสพติด ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของการครอบครอง และแปรรูปยาเสพติดอยู่แล้ว ส่วนที่จะมีการระบุในแบบใบอนุญาตกรณีกลับไปเป็นยาเสพติด แล้วจะไม่ฟ้องร้อง ส่วนใหญ่อาจจะไม่กระทบ แต่ไม่สามารถควบคุมสมาชิกท่านอื่นๆได้  

ผลิตภัณฑ์ทำถูกต้อง ขายได้

นายทศพร กล่าวต่อว่า ส่วนผลต่อการท่องเที่ยวนั้น มองว่า ตั้งแต่เริ่มต้น มุ่งเน้นเรื่องการแพทย์อยู่แล้ว แต่อาจมีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ หากนักท่องเที่ยวเข้ามา แล้วมองว่าเขาเป็นผู้ป่วย และต้องการใช้กัญชาทางการแพทย์จริง ก็สามารถเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์ที่ถูกต้อง เช่น ไปพบแพทย์และให้แพทย์สั่งจ่าย แล้วนำไปซื้อ ก็เป็นการทำให้ทุกอย่างอยู่ในกรอบ ในระบบ ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวหายไป

สำหรับผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการที่เป็นโรงงานสกัด จะสกัดออกมาเป็นซีบีดีอยู่แล้ว จะไม่มีทีเอชซีหลงเหลืออยู่ในตัวผลิตภัณฑ์ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ทั้งเครื่องสำอาง อาหารเสริม เครื่องดื่ม ต้องขออนุญาตสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) อยู่แล้ว

หากขออนุญาตถูกต้อง หมายความว่าแหล่งที่มาซีบีดี ช่อดอกกัญชง และการทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ผ่านการคัดกรอง อย.แล้ว นำมาขายอย่างถูกต้อง แต่ผู้ประกอบการที่ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องเช่นนี้ ก็คงจะมีปัญหา

หนุนกัญชาทางการแพทย์ 

ด้านนายกาจกนิษฐ์ ศักดิ์สุภา อุปนายกสมาคมผู้ประกอบการร้านกัญชา และวิชาชีพผู้แนะนำการใช้กัญชาประเทศไทย ยอมรับว่า มีความหนักใจกับที่ได้ยิน ในทิศทางว่ากัญชาจะกลับไปเป็นยาเสพติด แต่สนับสนุนการใช้กัญชาทางการแพทย์อยู่แล้ว และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการน้ำดีในประเทศไทย ที่เข้าใจบริบทการใช้ทางการแพทย์ สามารถประคองธุรกิจต่อไปได้ ไม่ว่าบริบท หรือคำจำกัดความของกัญชา จะออกมารูปแบบไหน

ผู้ประกอบการ ขอสนับสนุนการใช้กัญชาทางการแพทย์ สนับสนุนการวางแผนควบคุมการใช้กัญชาทางการแพทย์ ของกรมการแพทย์แผนไทย และสนับสนุนท่านสมศักดิ์