‘ยีนบำบัด’ ตัวแรก อย.อนุญาตขึ้นทะเบียนยา รักษาโรคในเด็ก

อย.ขึ้นทะเบียนยา ATMPs ตัวแรกเป็น ‘ยีนบำบัด’ นำเข้าจากต่างประเทศ รักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงในเด็ก ส่วนตัวอ่อนเตรียมวิจัยใน 5 สภานพยาบาลแซนด์บ็อกซ์
KEY
POINTS
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ขึ้นทะเบียนยา ATMPs ตัวแรกเป็น ‘ยีนบำบัด’ นำเข้าจากต่างประเทศ รักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงในเด็ก
- ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูง( Advanced Therapy Medicinal Products : ATMPs) อาทิ เซลล์บำบัด ยีนบำบัด เนื้อเยื่อ เป้าหมายเศรษฐกิจสุขภาพ คาดว่าจะเกิดผลประโยชน์ 266,708 ล้านบาท
- สธ.เดินหน้า ATMPs แซนด์บ็อกซ์ 5 หน่วยงาน เปิดทางร่วมวิจัยกับโรงเรียนแพทย์-ภาคเอกชน ขณะที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัดชนิด DCsและ CIK นำไปใช้รักษาโรคมะเร็ง
ตามแผนการขับเคลื่อนขับนโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) ส่วนของการเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง ในการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูง( Advanced Therapy Medicinal Products : ATMPs) อาทิ เซลล์บำบัด ยีนบำบัด เนื้อเยื่อ ประกอบด้วย
1. ส่งเสริมการพัฒนา ATMPs
2. อนุมัติผลิตภัณฑ์ ATMPs 2 รายการ
3.ให้สถานพยาบาลเป้าหมายได้รับการอนุมัติ ให้ทดลองใช้ ATMPs อย่างน้อย 5 แห่ง
4.คนไทยเข้าถึงยา ATMPs ได้ในประเทศ ผ่านกลไกการอนุญาตวิจัยยา ในปี 2568
5.จัดตั้งสถานพยาบาลทดลองภาครัฐที่พร้อมให้บริการ คาดว่าจะเกิดผลประโยชน์ 266,708 ล้านบาท
เกณฑ์เลือกเอกชนร่วม ATMPs แซนด์บ็อกซ์
กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ดำเนินการขับเคลื่อนวิจัยทดลองนำร่องตามโครงการ Advanced Therapy Medicinal Products Sandbox หรือ ATMPs แซนด์บ็อกซ์ (ATMPs Sandbox) ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมาย “เศรษฐกิจสุขภาพ” เบื้องต้น 5 หน่วยงาน ได้แก่ รพ.วชิระภูเก็ต ,ศูนย์การแพทย์บางรัก ,สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ,รพ.ราชวิถี และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ทั้งนี้ การเดินหน้า ATMPs แซนด์บ็อกซ์ ที่เป็นโครงการวิจัยนั้น สธ.สามารถดำเนินการความร่วมกับ(MOU)โรงเรียนแพทย์ และภาคเอกชนได้ โดยเฉพาะในการช่วยผลิตภัณฑ์ ATMPs
ก่อนหน้านี้ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และหน่วยงานระดับกรมของกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันลงนามประกาศเจตนารมณ์การพัฒนา ATMPs เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงยา ATMPs ที่ได้มาตรฐาน ส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพมูลค่าสูงเพื่อสร้างรายได้และเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ของภูมิภาค
ส่วนการคัดเลือกบริษัทเอกชนเข้าร่วมในโครงการ ATMPs Sandbox นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มีคณะกรรมการภาครัฐร่วมเอกชนได้มีการตั้งอนุกรรมการภาครัฐร่วมเอกชนในการพิจารณา โดยนำบริษัทของภาครัฐและเอกชนทั้งหมด 10 แห่งที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เป็นภาคเอกชน 7 บริษัท ที่ยื่นเจตจำนงค์ที่จะร่วมทำงานครั้งนี้กับภาครัฐมี 5 บริษัท แบ่งการพิจารณาเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้เน้นย้ำว่าประชาชนที่เข้าเกณฑ์การเข้าร่วมงานวิจัยจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น คือ
กลุ่มที่ 1 บริษัทสนับสนุน 100 %
กลุ่มที่ 2 บริษัทมีการสนับสนุนและมีการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน
กลุ่มที่ 3 บริษัทสนับสนุนเฉพาะผลิตภัณฑ์
ในการคัดเลือกให้เอกชนเข้าร่วมวิจัยในแซนด์บ็อกซ์ จะเป็นกลุ่มที่ 1 ก่อน
ถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัด
ปัจจุบันมีความคืบหน้า โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีการลงนามร่วมกับ บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัดชนิด Dendritic cells (DCs) และ Cytokine-Induced Killer cells (CIK) พร้อมกระบวนการควบคุมคุณภาพ ซึ่งเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อนำไปใช้รักษาโรคมะเร็ง
สำหรับเซลล์ Dendritic cells (DCs) และ Cytokine-induced killer cells (CIK) เป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ได้รับการพัฒนาและผลิตจากเซลล์เม็ดเลือดขาวของผู้ป่วย ผ่านกระบวนการเฉพาะในห้องปฏิบัติการเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างจำเพาะเจาะจง โดยเฉพาะในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยและคร่าชีวิตหญิงไทยมากที่สุด
ขึ้นทะเบียนยา ATMPs ตัวแรก
ขณะที่ นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ให้สัมภาษณ์ว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) อนุมัติขึ้นทะเบียนยา ATMPs แล้ว 1 รายการ เป็นยีนบำบัด (Gene Therapy) นำเข้าจากต่างประเทศ ใช้รักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งเด็กที่ป่วยด้วยโรคนี้ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และจะมีอายุไม่ยืนยาว
ส่วนที่เหลือจะดำเนินการวิจัยในแซนด์บ็อกซ์ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กำหนด เบื้องต้นมี 5 สถานพยาบาล ได้แก่ รพ.วชิระภูเก็ต ,ศูนย์การแพทย์บางรัก ,สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ,รพ.ราชวิถี และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยเป็นลักษณะของการวิจัยไปด้วย เพื่อที่จะขึ้นทะเบียนไปด้วย เนื่องจากยา ATMPs ยังมีราคาแพง บางตัว 1 เข็มราคา 10 ล้านบาท หากนำมาใช้วิจัยในประชากรราว 100 - 1,000 คน ก็จะเป็นเงินกว่า 1,000 ล้านบาท
นพ.วิทิต กล่าวด้วยว่า ต่างประเทศจึงเปิดช่องแนวทาง single-patient คือ สามารถเก็บข้อมูลจากผู้ป่วยแต่ละรายที่มีการใช้ยา ATMPs โดยไม่ได้กำหนดกลุ่มประชากรที่วิจัยจำนวนมากเหมือนเดิม แต่ก็จะต้องมีการกำหนดแนวทางการวิจัยอีกมาก โดยอย.ยึดตามแนวทางของยุโรป เพื่อให้มีความปลอดภัย ทำให้ไม่สามารถวิจัยในพื้นที่ปกติได้
เริ่มวิจัยในATMPs แซนด์บ็อกซ์สธ.
“จะต้องเริ่มใช้วิจัยจากในแซนด์บ็อกซ์ก่อน ขณะนี้จำกัดเฉพาะหน่วยงานสังกัดสธ.แต่สามารถไปมีความร่วมมือวิจัยกับสถาบันการศึกษาที่เป็นโรงเรียนแพทย์ หรือภาคเอกชนที่มีความพร้อม โดยเฉพาะในการร่วมผลิตตัวผลิตภัณฑ์ วิจัยร่วมกันเพื่อนำไปสู่การขึ้นทะเบียนยาให้ได้”นพ.วิทิตกล่าว
นพ.วิทิต กล่าวด้วยว่า การวิจัยใน ATMPs แซนด์บ็อกซ์ ต้องประกอบด้วยยา สถานที่ที่จะฉีดยา ATMPs และผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ จะต้องมีทั้ง 3 ส่วนนี้จึงจะดำเนินการได้ เริ่มจากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ โรงงานต้องมีความปลอดภัย ไม่มีการปนเปื้อนไวรัส หรือยีนที่เกิดติดเชื้อแบคทีเรีย หรืออื่นๆ หลังจากใช้ในผู้ป่วยตามการวิจัยจะต้องมีการติดตาม ประเมินผล ไม่มีผลข้างเคียง จึงจะสามารถขึ้นทะเบียนยาได้