อัปเดต 'มติแพทยสภา'เกิน 60 เสียง ยืน 'ลงโทษแพทย์ 3 คน' ปม 'ทักษิณ' รักษาชั้น 14

อัปเดต 'มติแพทยสภา'เกิน 60 เสียง ยืน 'ลงโทษแพทย์ 3 คน' ปม 'ทักษิณ' รักษาชั้น 14

รายละเอียด แพทยสภายืนมติเดิม ลงโทษแพทย์ 3 คน ปม “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 คะแนนเสียงเกิน 60 คน พร้อมแจงกรณีแชตไลน์หลุด

เมื่อเวลา 15.09 น. วันที่ 12 มิ.ย.2568 ที่อาคารแพทยสภา ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา แถลงข่าวผลการประชุมกรรมการแพทยสภา ซึ่งมีวาระเกี่ยวกับการพิจารณาจริยธรรมแพทย์ที่เกี่ยวกับกรณีนายทักษิณ ชินวัตร เข้ารักษาชั้น 14 รพ.ตำรวจว่า กรณีการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจเกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม

การประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน ในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2568 มีวาระสำคัญ คือ การพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ แห่งแพทยสภา 

วาระนี้มีกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุม จำนวน  68  คน จากจำนวน กรรมการแพทยสภาที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งสิ้น  69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งคณะ ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8  พฤษภาคม พ.ศ.2568

กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติ และแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป


อัปเดต 'มติแพทยสภา'เกิน 60 เสียง ยืน 'ลงโทษแพทย์ 3 คน' ปม 'ทักษิณ' รักษาชั้น 14

กระบวนการที่โปร่งใส ชัดเจน

จากนั้นได้มีการตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องระยะเวลากระบวนการ ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า วันที่ 12 มิ.ย.2568 กรรมการแพทยสภารับรองมติ หมายความว่าสามารถดำเนินการได้เลย

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า กระบวนการของการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เป็นกระบวนการที่รับฟังความคิดเห็นอย่างชัดเจน โดยท่านสภานายกพิเศษได้มาให้ความคิดเห็นต่อมติของแพทยสภาที่ท่านวีโต้ ขณะเดียวกันกรรมการแพทยสภาทุกท่านได้รับเอกสารที่สภานายกพิเศษส่งถึงแพทยสภาเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เกี่ยวกับเหตุผลของการวีโต้ทั้งหมด พร้อมกับวันนี้กรรมการแพทยสภามีการทำข้อมูลเปรียบเทียบให้เห็นมติกรรมการแพทยสภาเพราะเหตุใด เหตุผลของการยับยั้งที่มาจากสภานายกพิเศษเพราะเหตุใด และมีบทวิเคราะห์

“ทั้งหมดนี้กรรมการแพทยสภาทุกท่านได้เห็นข้อมูลเหล่านี้ และใช้ดุลยพินิจของท่านเองจากข้อมูลที่มี และเหตุผลต่างๆ จึงมีมติตามนี้ เป็นกระบวนการที่โปร่งใส ชัดเจน และทุกท่านสามารถใช้ดุลยพินิจได้ ภายใต้หลักวิชาการ ข้อมูลที่เป็นจริง และเหตุผล”ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

แจงกรณีแชตไลน์หลุด

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีแชตไลน์ของกลุ่มแพทยสภาหลุด ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อมูลที่กล่าวว่า มีแชตหลุดนั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ใช่ไลน์กลุ่มทางการของแพทยสภา หากสังเกตมีการลบป้ายตอนบน ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการของแพทยสภา และขออนุญาตออกชื่อ เนื่องจากไลน์กลุ่มดังกล่าวมีการพูดถึงนายทักษิณ ชินวัตร แล้วมีกรรมการแพทยสภาส่งสติกเกอร์คำว่า Yes ลงไป

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าทุกคนที่ใช้บริการไลน์ย่อมเคยเกิดเหตุการณ์ในการตอบกลับข้อความว่า YES หรืออาจจะเป็นข้อความอื่นเพื่อแสดงออกว่าได้รับข้อความนี้แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเห็นด้วยกับสิ่งนั้น ขอย้ำว่า 1.นี่ไม่ใช่ไลน์กลุ่มอย่างเป็นทางการของแพทยสภา แต่เป็นแพทยสมาคม และ 2.การตอบกลับข้อความก็ไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็น เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ไม่ได้กระทบต่อความน่าเชื่อถือของแพทยสภา

"สิ่งสำคัญผมพูดไปตั้งแต่การพิจารณาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2568 ว่าการพิจารณาวาระนี้แพทยสภาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครหรือผู้ป่วยเป็นใคร พิจารณาตามหลักการ หลักวิชาการ และปลอดจากปัจจัยรอบข้าง" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

ลงคะแนนยืนมติแพทยสภาเกิน 60 เสียง

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การพิจารณาของกรรมการแพทยสภาในวันนี้เป็นพิจารณารายกรณี รายบุคคลที่ถูกร้อง ทั้ง  3 กรณี แต่ละกรณีนั้น กรรมการแพทยสภาที่เห็นชอบกับมติเดิมเกิน 60 เสียงขึ้นไปใน 69 เสียงที่สามารถลงคะแนนเสียงได้

“เมื่อวันนี้มีการรับรองมติแพทยสภา วันที่ 13 มิ.ย.2568 สามารถออกคำสั่งแพทยสภาตามมตินี้ได้ และดำเนินการแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบทันที แต่โดยกระบวนการนายกแพทยสภาจะแจ้งให้ผู้ถูกลงโทษทราบ ก็จะมีระยะเวลาหนึ่ง อย่างการยับยั้งการประกอบวิชาชีพเวชกรรมก็จะต้องมีช่วงเวลาหนึ่งในการเคลียร์งานบางอย่าง เช่น มีนัดคนไข้ไว้  ซึ่งนายกแพทยสภาจะเป็นผู้กำหนด และสื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ”ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว 

ดำรงความถูกต้อง รักษาจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ

ถามว่ากังวลเรื่องที่จะมีการเปิดเผยรายชื่อแพทย์ที่ลงมติหรือไม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า  การที่แพทย์จากหลากหลายสถาบัน หลากหลายรุ่น รวมทั้งประชาชนคนไทยกว่า 50,000 คน ที่ลงนามส่งมาถึงแพทยสภา จะเห็นว่าสาระหลัก ต้องการให้แพทยสภายึดมั่น ยืนหยัดต่อหลักการ ยึดหลักความถูกต้อง และรักษาไว้ ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ

โดยสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่กรรมการแพทยสภาตระหนัก และจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว และตนขอเป็นตัวแทนกรรมการแพทยสภาทุกคน กราบขอบพระคุณแพทย์ และประชาชนทั้งหลาย ที่แสดงออกอย่างชัดเจนให้แพทยสภา ดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง รักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ แล้ววันนี้กรรมการแพทยสภาก็ได้ทำสิ่งนั้นแล้ว

"สิ่งที่ให้มานั้นสำหรับตนมองว่าไม่ใช่แรงกดดัน แต่คือกำลังใจเพราะเป็นสิ่งที่เราก็อยากทำ และความเห็นของผมคือ ชอบแล้วด้วยการกระทำ เพราะฉะนั้นที่ ส่งมานั้นผมไม่ถือว่าเป็นแรงกดดัน แต่มีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่างที่จะทำให้กรรมการแพทยสภาไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือขัดกับจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ให้เราทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการทำ แบบนี้ถึงจะเรียกว่ากดดัน หรือถ้าว่าไปแล้ว ในบางกรณีเข้าเกณฑ์ข่มขู่ด้วยซ้ำ" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
 

มีสิทธิฟ้องศาลปกครอง

เมื่อถามถึงหากแพทย์ที่ถูกลงโทษไปร้องต่อศาลปกครอง ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า การฟ้องร้องต่อศาลปกครองสามารถทำได้  แพทยสภาก็ต้องเดินตามแนวทางของตุลาการ ก็ต้องไปชี้แจงเหตุผล นี่คือ ธรรมาภิบาลของประเทศนี้ หากเห็นว่าไม่ถูกก็สามารถไปร้องได้ ส่วนหน้าที่แพทยสภาคืออธิบาย

ถามว่าจะมีการพิจารณาแพทย์รายอื่นอีกหรือไม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า แพทยสภากำลังพิจารณาจริยธรรมแห่งวิชาชีพของแพทย์เพิ่มเติม

เมื่อถามว่านายสมศักดิ์ ระบุเหตุผลในการวีโต้เพื่อแพทย์รุ่นใหม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่ หรือแพทย์รุ่นเดิม ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนกัน เข้าใจจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และเข้าใจความถูกต้อง เข้าใจบทบาทหน้าที่เหมือนกัน 

"วันนี้เราทำตามสิ่งที่เราถูกสั่งสอนไว้ แล้วตนคิดว่า แพทย์ที่กำลังเรียนอยู่ก็ใช้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา ก็ได้เห็นว่าบทบาทของแพทย์มีมากมาย ไม่ใช่แค่การรักษาเพียงอย่างเดียว แต่คือการรักษามาตรฐานของการรักษา"ศ.นพ.ประสิทธิ์

ผู้สื่อข่าวรายงาน มติเดิมแพทยสภานั้น ว่ากล่าวตักเตือนแพทย์ 1 ท่าน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมแพทย์ 2 ท่าน ในกรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์