ม็อบบุกสธ. อัดการเมืองแทรกแซง 'แพทยสภา' ไล่ 'สมศักดิ์'ออกไป

ม็อบบุกสธ. อัดการเมืองแทรกแซงแพทยสภา ไล่ “สมศักดิ์”ออกไป ขู่อีก 2 สัปดาห์ยื่นป.ป.ช.สอบ ปลุกคนสธ.ปลดแอกจากรัฐบาล
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 มิ.ย.2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข ผู้ชุมนุมนำหลากหลายเครือข่าย อาทิ คปท. กองทัพธรรม เครือข่ายนักศึกษาปฏิรูปประเทศ นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางมายังบริเวณหน้าอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นอาคารห้องทำงานของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา ก่อนเดินทางต่อไปยังอาคารแพยสภาเพื่อให้กำลังใจ ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมได้มีการชูป้าย “ไล่สมศักดิ์ออกไป” และ “ศักดิ์ศรีแพทย์อย่าไปแลกกับนักการเมือง” เป็นต้น
อัดการเมืองแทรกแซงแพทยสภา
นายพิชิต ไชยมงคล กล่าวว่า นายสมศักดิ์ กำลังเปลี่ยนความจริง เบี่ยงประเด็นทางสังคม ด้วยการวีโต้มติแพทยสภา นำมาสู่การที่แพทยสภาต้องประชุมกันในวันที่ 12 มิ.ย.2568 เพื่อยืนยันมติเดิมหรือไม่ ดังนั้น คณะกรรมการแพทยสภามี 70 คน ถ้ามีรัฐมนตรีก็เป็น 71 คน เป็นส่วนเกินของแพทยสภา การเข้าร่วมประชุมของ นายสมศักดิ์ ถือเป็นการผิดมารยาทของวงการแพทย์ เพราะนายสมศักดิ์ ไม่เห็นด้วยกับมติแพทยสภา แต่กลับจะเข้าไปนั่งในห้องประชุม
นายพิชิต กล่าวด้วยว่า มองเป็นอื่นไม่ได้ มองได้เป็นเจตนาไปกดดันต่อมติแพทยสภา ด้วยการเอาอำนาจการเมืองไปยุ่งเกี่ยวข้อเท็จจริงทางการแพทย์โดยมารยาทแล้วแพทยสภา ไม่ได้ปฏิเสธหากอยากเข้าไปนั่งในห้องประชุม แต่โดยธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว ไม่มีเหตุที่รัฐมนตรีต้องเข้าไปนั่งในห้องประชุมนั้น
“พวกเราจึงเดินทางมาให้กำลังใจแพทยสภา โดยขอให้รัฐมนตรีปล่อยให้กระบวนการทางการแพทย์ที่มีวิทยาศาสตร์ เดินหน้าไปเพื่อความถูกต้องของประเทศไทย ไม่ควรใช้อิทธิพลทางการเมืองปกป้องนายใหญ่เพียงคนเดียวมาเปลี่ยนแปลงความบริสุทธิ์ของความจริงในวงการแพทย์ พวกเราขอให้แพทยสภาฉีดยาความจริงให้สังคมอีกครั้งในการยืนยันมติเดิมในวันที่ 8 พฤษภาคม 2568”นายพิชิตกล่าว
สมศักดิ์ แก้กฎหมายให้อำนาจราชทัณฑ์
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กล่าวว่า คุณสมศักดิ์ คือต้นเหตุ จึงอยากมาสื่อสาร ส่งสัญญาณให้คุณสมศักดิ์โดยเฉพาะ ให้รู้ว่าปัจจุบันที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.)กำลังทำผิดจริยธรรมนักการเมือง จากที่กำลังวีโต้ในข้อเท็จจริงและไปเอาข้อกฎหมาย ที่อ้างว่าราชทัณฑ์สามารถนำตัวคุณทักษิณออกไปได้ ซึ่งกฎหมายที่อ้างนั้นเป็นพ.ร.บ. สมัยคุณสมศักดิ์ เป็นรมว.กระทรวงยุติธรรม ได้ออกกฎหมายให้ขัดกฎหมายในตัวมันเอง
นายชาญชัย กล่าวอีกว่า จากเดิมมาตรา 6 ระบุการนำตัวนักโทษไปรักษานอกเรือนจำต้องขออำนาจศาลเท่านั้น แต่กลับใช้อำนาจฝ่ายบริหารไปออกกฎหมายก้าวล่วงอำนาจศาล ให้ไม่ต้องไปขออำนาจศาล โดยให้เป็นอำนาจราชทัณฑ์
“กฎหมายที่อ้างในการวีโต้มติแพทยสภาว่าการพิจารณาโทษแพทย์ 3 ท่านนั้น แพทยสภาไม่ได้คำนึงข้อกฎหมายที่เคยออกสมัยคุณสมศักดิ์ เป็นรมว.ยุติธรรมเลย แต่เรื่องนี้ไม่มีส่วนอะไรที่แพทยสภาจะต้องไปพิจารณากฎหมายนี้เลย เพราแพทยสภามีกฎหมายพ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม ในการพิจารณาว่าแพทย์รักษานั้น ชอบด้วยวิชาชีพแพทย์หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับกฎหมายอื่น แต่คุณสมศักดิ์ วีโต้ด้วยการเอากฎหมายอื่นๆมาใส่แล้วไปกล่าววหาว่าแพทยสภาไม่ได้คำนึงถึงกฎหมายอื่นเลย”นายชาญชัยกล่าว
อัดสมศักดิ์ก้าวล่วงทำลายระบบแพทยสภา

นายชาญชัย กล่าวอีกว่า คุณสมศักดิ์กำลังก้าวล่วงไปทำลายระบบการควบคุมวิชาชีพของแพทย์ จากเดิมที่ทำลายระบบยุติธรรมไปแล้ว ถ้าคุณสมศักดิ์ยังเดินในทางนี้ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ คุณสมศักดิ์เตรียมไปชี้แจงต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาล ตนร่างหนังสือไว้แล้ว จะบอกให้คุณสมศักดิ์รู้ว่าในฐานะรมว.สาธารณสุข จะทำอะไรทำไป วันนี้คุณก้าวล่วงอำนาจเกินอำนาจที่คุณมีอำนาจอยู่แล้ว กำลังทำผิดกฎหมายบางตัวอยู่ จึงมาเตือนให้คุณรู้ว่าอำนาจของคณะกรรมการแพทยสภามีอำนาจแค่ไหนที่ถูกต้อง หากไม่ถูก คนเดือดร้อนก็ไปร้องศาลปกครอง ไม่ใช่คุณสมศักดิ์ต้องมาปกป้องรักษานายตัวเอง
เตือน “สมศักดิ์” อีก 2 สัปดาห์ยื่นป.ป.ช.สอบ
“คุณสมศักดิ์ถ้าแน่จริง บอกคุณทักษิณให้เอาเวชระเบียนผู้ป่วยทั้งหมดที่มีอยู่ ออกมาชี้แจงสังคม ให้ศาลประชาชนได้เห็นว่าคุณไปรักษาแล้วมีอาการป่วยต้องนอนรักษา 180 วัน ผมมีใบเสร็จที่ยื่นให้ศาลไปแล้ว 26 ฉบับและหลีกฐานอื่นๆยื่นให้ศาลไปแล้ว จึงเตือนคุณสมศักดิ์เพื่อไปถึงคุณทักษิณที่คุณที่ต้องการปกป้อง จะทำอะไรทำไป อีก 2 สัปดาห์ ผมจะยื่นเรื่องป.ป.ช.ให้ดำเนินการพวกคุณ“ นายชาญชัยกล่าว
แชทหลุดไร้สาระอย่างสิ้นเชิง
นายประสาร มฤคพิทักษ์ กล่าวว่า การลงมติแพทยสภาในวันที่ 12 มิ.ย.2568จะเป็นการลงมติประวัติศาสตร์ที่สังคมจะจารึกไว้นานเท่านั้น ซึ่งการที่สภานายกสภาพิเศษ แพทยสภาวีโต้มติแพทยสภาที่ให้ลงโทษแพทย์ 3 คนไปนั้น ทำให้เกิดผล 2 อย่าง คือ 1.เส้นแบ่งชัดเจนระหว่างถูกกับผิด จริงกับเท็จ ส่วนตัวกับส่วนรวม ภักดีส่วนตัวกับผลประโยชน์ประเทศ 2.เป็นผลทดสอบภูมิต้านทานแพทยสภา ที่ลงมติไปแล้วยังยืนหยัด มั่นคงหรือไม่
“ฝากแพทยสภาดำรังหลักความมั่นคง จริยธรรมในวิชาชีพเวชกรรม และจะไม่ไหวเอนไปตามแรงลม การเมืองใดๆทั้งสิ้น ที่ว่ามีแชทหลุดแต่พยายามอ่านแล้ว ไม่มีอะไรมากเพียงแต่พุดถึงคน1คนและมีอีกคนส่งสติ๊กเกอร์ไลน์ตอบว่าเยส ซึ่งมีการพยายามหยิบมาเป็นน้ำหนักและเหตุผล แต่ผมดูแล้วไร้สาระอย่างสิ้นเชิง และมีคำตามมาว่าแพทยสภาไม่มีจริยธรรม ก็อยากฝากถามว่าใครไม่มีจริยธรรม คนที่ออกมาพูดว่าแพทยสภานั้น ต้องทบทวนตัวเองเรื่องจริยธรรม"นายประสาร กล่าว
ปลุกคนสธ.ปลดแอกจากรัฐบาล

นายจตุพร กล่าวว่า ในอดีตกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เป็นกระทรวงแรกที่ประกาศไม่ขึ้นกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แพทย์แต่ละ รพ.ทั้งกระทรวง เป็นจุดเริ่มต้น หลังจากนั้นแต่ละกระทรวงก็เรียงกันไปจนสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานสุดท้าย รัฐบาลสั่งใครไม่ได้แม้แต่คนเดียว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาขอให้มีการวีโต้ เพราะรู้จักธรรมเนียมของพรรคการเมืองนี้ ถ้าไม่วีโต้ กลับไปพรรคก็โดยอีโต้ แต่เพื่อแสดงให้สุด วันนี้ก็ไม่ได้มาห้าม ที่ท่านจะเข้าไปนั่งในแพทยสภา พรุ่งนี้ เข้าไปนั่งเลย เพียงแต่ออกมา ขอให้หน้าเกิน 2 นิ้วออกมาก็แล้วกัน เพราะอย่างไรก็รู้ว่ามันเปลี่ยนผลใดๆ ไม่ได้ แต่ก็ทำให้เห็น ว่าได้พยายามอย่างสุดความสามารถ ประเพณีที่นั้นเขาชอบกันแบบนี้
“วิบากกรรมวันนี้กลับมาที่กระทรวงสาธารณสุข ท่านเคยปลดแอกกับรัฐบาลที่ชั่วร้ายอย่างไร วันนี้ท่านควรจะเริ่มต้นอย่างเช่นในอดีต วันนี้อย่าห้ามรัฐมนตรี ยุเลย อย่าเปลี่ยนใจ พรุ่งนี้ไปนั่งร่วมประชุมในแพทยสภา และหลังจากนี้ขอให้ท่านโชคดี” นายจตุพรกล่าว