หนุน ‘ประกันสังคม-กรมบัญชีกลาง’ ใช้สิทธิรักษาพื้นฐานร่วม ‘บัตรทอง’

หนุน ‘ประกันสังคม-กรมบัญชีกลาง’ ใช้สิทธิรักษาพื้นฐานร่วม ‘บัตรทอง’

ประธานอนุฯด้านบริการสุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค ขอบอร์ดประกันสังคม-กรมบัญชีกลาง ร่วมใช้สิทธิประโยชน์พื้นฐานรักษาพยาบาล ตามประกาศสปสช. ย้ำไม่ใช่เป็นการรวมกองทุนเดียวประกันสุขภาพภาครัฐ

จากกรณีทีมีการเสนอแนวทางในการปรับปรุงหลักประกันสุขภาพภาครัฐทั้งหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทอง 30 บาท ,ประกันสังคม และสิทธิสวัสดิการข้าราชการ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โดยดำเนินเรื่องแพ็คเกจสุขภาพ 3 ชั้น คือ ชั้นที่ 1 สิทธิประโยชน์พื้นฐานด้านการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันควบคุมโรค รักษาพยาบาล และฟื้นฟูสภาพ ที่จำเป็นและคุ้มค่า เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้เท่าเทียมกัน

ชั้นที่ 2 บริการทางการแพทย์อื่นๆ ที่เป็นส่วนเสริมที่กองทุนแต่ละกองทุนสามารถเลือกนำมาเสริมให้แก่กลุ่มเป้าหมายของตนได้ตามความเหมาะสม

และชั้นที่ 3 บริการอื่นๆที่เป็นส่วนเสริมตามความต้องการของคน รวมถึงความสะดวกสบาย เช่น การขอใช้ห้องพิเศษ อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือยาที่เกินกว่ากลุ่มที่กำหนดว่าจำเป็นและคุ้มค่า

น.ส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา  กรรมการนโยบายสัดส่วนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านบริการสุขภาพ และประธานอนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค ให้สัมภาษณ์ว่า  แนวทางนี้เป็นการเสนอให้นำข้อกำหนดในมาตรา 5  พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 มาดำเนินการ ซึ่งเป็นอำนาจของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.) ที่จะประกาศได้ เนี่องจากในมาตรานี้ กำหนดว่าบุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพตามที่กําหนดโดยพระราชบัญญัตินี้

ดังนั้น แนวทางตามข้อเสนอนี้จึงขึ้นอยู่กับคณะกรรมการประกันสังคม(บอร์ดประกันสังคม)และกรมบัญชีกลางที่ดูเรื่องของสวัสดิการข้าราชการว่าจะเอาด้วยกับสิทธิประโยชน์ที่บอร์ดสปสช.ประกาศหรือไม่ ถ้าเอาด้วยก็นำสิทธิประโยชน์นั้นไปดำเนินการให้กับผู้ประกันตนและสิทธิข้าราชการ แต่ถ้าไม่เอาด้วย ก็คงไปบังคับไม่ได้

“เรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์กับผู้ป่วยว่า มาตรฐานพื้นฐานในทุกโรค ทุกอาการที่ประชาชนหรือมนุษย์สมควรได้ ควรจะได้เป็นแบบนี้เป็นเรื่องที่ทำได้  แต่จะให้กองทุนบัตรทอง ประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการ มาเกลี่ยงบประมาณกัน บริหารจัดการร่วมกัน ต่อรองสิทธิประโยชน์กับรพ.รัฐและรพ.เอกชนด้วยกัน น่าจะยังไปไม่ถึงขั้นนั้น ”น.ส.สุรีรัตน์กล่าว 

ถามย้ำว่าการใช้มาตรา 5 ที่กำหนดสิทธิประโยชน์ร่วมกัน  เป็นการรวม 3 กองทุนประกันสุขภาพภาครัฐเป็นกองทุนเดียวหรือไม่ น.ส.สุรีรัตน์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการรวมเป็นกองทุนเดียว ซึ่งการดำเนินการแนวทางนี้ จะทำให้สิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานของทุกคนในแต่ละกองทุนเท่ากัน

ทั้งนี้ การเสนอแนวทางนี้ เนื่องจากสิทธิประโยชน์ประกันสังคมตามหลังบัตรทอง จากที่ไม่มีระบบมาพิจารณาว่าสิทธิประโยชน์ของประชาชนอยู่ตรงไหน  กฎหมายประกันสังคมระบุเพียงสิทธิประโยชน์ในการรักษาจะให้คณะกรรมการการแพทย์(บอร์ดแพทย์)ดำเนินการ ซึ่งไม่มีการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่มีประชาชนเข้าไปเป็นคณะกรรมการหรือแม้แต่การร้องทุกข์ ร้องเรียนก็น้อยมาก ทำให้สิทธิประโยชน์ประกันสังคมล้าหลังไป  จึงเป็นหน้าที่ตามมาตรา 3และ5 ของพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯที่ระบุไว้ว่าประชาชนมีสิทธิต้องได้รับอะไร

ขณะที่สิทธิสวัสดดิการข้าราชการ ก็ต้องกลับมาพิจารณาดูว่าสิทธิประโยชน์ที่ให้ไปนั้นมีส่วนไหนที่โอเวอร์ไปหรือไม่ เพื่อจะได้ประกาศให้สังคมรับรู้ว่าข้าราชการได้รับสิทธิประโยชน์อะไรที่โอเวอร์ ออน เดอะ ท็อป โดยที่ไม่จำเป็นเกินไปหรือไม่ เช่น การใช้ยาอย่างไม่บันยะบันยัง  หรือการสามารถวอล์กอินไปเข้ารับการรักษาที่รพ.ใดก็ได้โดยกรมบัญชีกลางจะตามไปจ่ายเงิน เป็นต้น สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เกิดปัญหาเรื่องคอรัปชั่นในเรื่องวนรับยาตามรพ.ต่างๆได้

น.ส.สุรัรตน์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ต้องใช้เสียงของประชาชนให้มากขึ้น และทำให้ผู้ประกันตนเข้าใจสถานะของตัวเองให้มากขึ้น ต้องมีพลังของประชาชน  จะใช้เฉพาะเสียงประชาชนสิทธิบัตรทองก็ยาก ดังนั้น ผู้ประกันตนและข้าราชการควรจะมองประเด็นนี้ในสายตาของความเป็นมนุษยธรรมร่วมกันถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่ไม่ควรอ้างเหตุผลใดๆว่า รับราชการเป็นลูกจ้างรัฐ ควรได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่รัฐสัญญา แต่จริงๆรัฐเป็นของประชาชน

“หากทุกคนมองปัญหานี้ร่วมกันในฐานะมนุษย์ทุกคน ควรได้รับสิทธิที่เสมอภาคกันและเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขกันจริงๆ นำเงินมาบริหารร่วมกัน ต่อรองในการซื้อประกันสุขภาพจากรพ.รัฐ รพ.เอกชนและรพ.มหาวิทยาลัยร่วมกัน น่าจะมีระบบที่ดีขึ้น ทุกคนน่าจะเข้าถึงและได้รับบริการที่มีคุณภาพ”น.ส.สุรีรัตน์กล่าว 

น.ส.สุรีรัตน์ กล่าวด้วยว่า เมื่อการดำเนินการสิทธิประโยชน์ชั้นพื้นฐานเหมือนกันทั้ง 3 กองทุนประกันสุขภาพภาครัฐแล้ว ในการขยับไปสู่สิทธิประโยชน์ขั้นที่ 2 นั้น ผู้ประกันตนสามารถนำไปใช้เจรจากับบอร์ดประกันสังคมในการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นได้ เพราะผู้ประกันตนมีการจ่ายเงินตัวเองสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม แต่ปัจจุบันผู้ประกันตนไม่ค่อยลุกออกมาเรียกร้อง

ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากผู้ประกันตนที่อยู่ในบริษัทต่างๆนั้น มีการซื้อประกันสุขภาพเอกชนเพิ่มเติมให้กับพนักงาน ทำให้ผู้ประกันตนไปใช้สิทธิรักษาพยาบาลตรงส่วนนั้นเป็นหลัก จึงไม่ค่อยสนใจสิทธิประกันสังคมและไม่ได้ส่งเสียงสะท้อนปัญหาระบบประกันสังคมที่จะนำไปสู่การมองหาแนวทางแก้ปัญหา หากมีผู้ประกันตนมาช่วยขยับเรื่องเหล่านี้มากขึ้นจะช่วยคลี่คลายปัญหาได้เร็วขึ้น