ชงตั้งหน่วยงานภายนอก ตรวจสอบการบริหารเงิน บัตรทอง 30 บาท

ชงตั้งหน่วยงานภายนอก ตรวจสอบการบริหารเงิน บัตรทอง 30 บาท

ประธานบอร์ดสปสช.ชงตั้งหน่วยงานภายนอก ตรวจสอบการเงิน บัตรทอง 30 บาท เตรียมนำเข้าการพิจารณา 4 มิ.ย.นี้ ทุกฝ่ายหนุนแต่ยังมีข้อห่วงใยในเรื่องหน่วยงานตรวจสอบ

KEY

POINTS

  • ประธานบอร์ดสปสช.ชงตั้งหน่วยงานภายนอก ตรวจสอบการเงิน บัตรทอง 30 บาท เตรียมนำเข้าการพิจารณา 4 มิ.ย.นี้
  • ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายโรงพยาบาล กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย หรือ ยูฮอสเน็ต (Uhosnet) สนับสนุนตรวจสอบการเงินและการบริหารงบประมาณของกองทุนบัตรทอง 30 บาท แต่ห่วงความเป็นอิสระหน่วยงานตรวจสอบ 
  • ประธานอนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค หนุนการตรวจสอบการเงินบัตรทอง  30 บาท แนะตั้งกก.ตรวจสอบต้นทุนจริงค่ารักษาพยาบาลควบคู่ด้วย

จากกรณีมีการสะท้อนปัญหาการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ กองทุนบัตรทอง 30 บาท อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาฟชน และการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งช (บอร์ดสปสช.) ได้ทำหนังสือมีข้อสั่งการถึงเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)เพื่อให้การดำเนินงานเกี่ยวกับกองทุนฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล จึงขอให้พิจารณาดำเนินการ ดังต่อไปนี้

ชงตั้งหน่วยงานภายนอก ตรวจสอบบัตรทอง 30 บาท

1.จัดจ้างหน่วยงานภายนอกที่มีความเป็นอิสระ และมีความเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบทางการเงินและการบริหารจัดการ เพื่อเข้าดำเนินการตรวจสอบการบริหารและการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนฯ ในรอบระยะเวลาที่เหมาะสม

2.รายงานผลการตรวจสอบต่อผู้มีอำนาจในการกำกับดูแลกองทุนฯ และเสนอแนวทางการปรับปรุงแก้ไขในกรณีที่พบข้อบกพร่อง หรือมีความเสี่ยงต่อการบริหารจัดการ

และ 3.เร่งดำเนินการในเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว พร้อมรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ

ห่วงความเป็นอิสระหน่วยงานตรวจสอบ

ขณะที่ รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายโรงพยาบาล กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย หรือ ยูฮอสเน็ต (Uhosnet) กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดีและสนับสนุนข้อสั่งการของ รมว.สาธารณสุข ให้มีการตรวจสอบการเงินและการบริหารงบประมาณของกองทุน

โดยเฉพาะข้อที่ระบุว่า ต้องเป็นหน่วยงานภายนอกที่มีความเป็นอิสระ และมีความเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบทางการเงินและการบริหารจัดการ เนื่องจากระบบการเงินของกองทุนค่อนข้างซับซ้อนมาก ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจระบบอย่างแท้จริง

โดยหลักการ 1.สนับสนุนทิศทางการตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อให้ชัดเจนทุกฝ่าย 2.ผู้ที่เข้ามาตรวจสอบต้องเป็นกลาง เป็นอิสระ และต้องมีความเชี่ยวชาญ เข้าใจบริบทเรื่องการบริหารงบประมาณของกองทุนสุขภาพจริงๆ ต้องรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับกระบวนการ เนื่องจากมีหลายส่วนที่ไม่ชัดเจน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเงินอย่างเดียว

“การจัดจ้างหน่วยงานภายนอก หากให้สปสช.เป็นผู้ดำเนินการจัดจ้าง  ห่วงว่าการให้ผู้รับจ้างมาตรวจสอบนายจ้าง จะมีขอบข่ายการตรวจสอบอย่างไร และผู้รับจ้างมาตรวจสอบจะสามารถตรวจสอบได้มากน้อยแค่ไหน จะอิสระแค่ไหน ผลการตรวจสอบที่ออกมา จะมีคนเชื่อสักเพียงใด” รศ.นพ.สุรศักดิ์กล่าว

รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เมื่อรมว.สาธารณสุขเน้นเรื่องธรรมาภิบาล จึงควรต้องดูให้ครบถ้วนทุกมิติ ทั้งความโปร่งใส ความคุ้มค่า ความมีส่วนร่วม ควรเน้นว่าการดำเนินการของ สปสช. ในมุมมองถูกกฎหมาย ถูกคุณธรรม มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และความมีส่วนร่วม เป็นต้น  ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของธรรมาภิบาล และกรณีนี้ไม่ใช่แค่สปสช.เท่านั้น แต่ต้องหมายถึงคนที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อย่างสัดส่วนกรรมการก็ต้องเป็นธรรม 

หนุนตั้งกก.ตรวจสอบบัตรทอง 30 บาท 

ด้านน.ส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา  กรรมการนโยบายสัดส่วนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านบริการสุขภาพ และประธานอนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี เนื่องจาก รมว.สาธารณสุข เป็นประธานบอร์ดสปสช. รวมถึง พิจารณาเรื่องงบประมาณและการบริหารงบประมาณมาโดยตลอด เท่ากับเป็นการตั้งหน่วยงานภายนอกมาพิจารณาและตรวจสอบตัวเอง  สังคมก็จะต้องติดตามดูไป

อย่างไรก็ตาม จะมีการตั้งหรือไม่ตั้งไม่ใช่ประเด็นเรื่องการบริหารงบประมาณของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตรงไปตรงมาโดยตลอด แต่ปัญหาเรื่องรพ.รัฐไม่มีเงินบำรุงเหลือน่าจะมีหลายสาเหตุ จากรพ. 700-800 แห่งมีไม่เกิน 10 % ที่มีปัญหา และรพ.สังกัดมหาวิทยาลัย ซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยอยากจะให้ความร่วมมือกับสปสช.มาตั้งแต่ต้น  ตลอดเวลา 23 ปีมีการสะท้อนเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ไม่ได้หมายความรพ.สังกัดมหาวิทยาลัยไปไม่รอด เพราะได้ประโยชน์จากทั้งผู้ป่วยบัตรทอง ประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการ  

“จะตั้งใครเข้ามาตรวจสอบก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะประชาชนอยากจะเห็นว่ากระบวนการตรวจสอบจะได้อะไรขึ้นมา และบางทีอาจจะทำให้เห็นว่างบประมาณที่รัฐจัดสรรมาให้ในบางส่วนอาจจะไม่พอ บางส่วนอาจจะเกิน รวมถึงการบริหารในระดับรพ.อาจจะมีปัญหาของตัวเองด้วย ไม่ใช่แค่ว่าสปสช.มีเงินให้เท่าไหร่ เพราะแต่ละรพ.รับเงินจากหลายส่วนอยู่แล้ว จะนำโจทย์ใหญ่มาไว้ที่บัตรทองอย่างเดียวไม่ได้”น.ส.สุรีรัตน์กล่าว

แนะตั้งกก.ตรวจสอบต้นทุนจริงค่ารักษาพยาบาล

น.ส.สุรีรัตน์ กล่าวอีกว่า การคำนวณค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะผู้ป่วยในของกองทุนบัตรทอง ที่ต้องให้ค่าน้ำหนักของโรค เหตุผลหลักเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเรียกเก็บเงินแบบไม่เกณฑ์หรือมาตรฐาน ขณะเดียวกันก็ใช้ในการควบคุมคุณภาพในการรักษาโรคนั้นๆ ว่าจะต้องรักษาตามเกณฑ์นี้ แนวนี้ถึงจะได้รับเงินตามนี้ ไม่เหมือนกับกรณีรพ.เอกชนที่ไม่สามารถควบคุมราคาได้  จะตั้งราคารักษาแต่ละโรคเท่าไหร่ก็ได้ เพียงแค่ประกาศราคาหน้าเว็บไซต์ของรพ.

ส่วนค่าแรงของแพทย์รพ.รัฐทั้งหมดอยู่ในงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวของกองทุนบัตรทองและถูกตัดที่สำนักบัญชีและโอนเงินเดือนให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนแล้ว จึงไม่มีใครไม่ได้เงินเดือน ไม่ได้บำนาญราคาต้นทุนที่แท้จริงอยู่ที่ไหน 

"ควรหาทางตรวจสอบราคาต้นทุนที่แท้จริงของการให้การรักษาเทียบกันระหว่างการใช้ทรัพยากรของรัฐและเอกชน ที่เอกชนมาดึงดูดเอาไปจากโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐเตรียมการไว้ น่าจะมีการตรวจสอบตรงจุดนี้ควบคู่ไปด้วย”น.ส.สุรีรัตน์กล่าว   

อนึ่ง  ในการประชุมบอร์ดสปสช.ในวันที่ 4 มิ.ย.2568  จะมีการพิจารณาวาระการจัดตั้ง “คณะกรรมการหน่วยงานภายนอก ตรวจสอบงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ”ด้วย