'10 รพ.สธ.' Q 1 ปี 68 เงินติดลบมากที่สุด รวมกว่า 1.9 พันล้าน

'10 รพ.สธ.' Q 1 ปี 68 เงินติดลบมากที่สุด รวมกว่า 1.9 พันล้าน

เปิดข้อมูลQ 1 ปี 68 รพ.สธ.เงินติดลบกว่า 4,000 ล้านบาท โดย รพ. 10 อันดับแรกเงินติดลบรวมราว 1,917 ล้านบาท คิดเป็น 45.4 % ของเงินบำรุงที่ติดลบทั้งหมด

ในงานเสวนา เรื่อง “ทิศทางการดำเนินงานระบบบัตรทองในปัจจุบัน และอนาคต” จัดโดยสมาคมคลินิกชุมชนอบอุ่น ร่วมกับคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย หรือ ยูฮอสเน็ต (Uhosnet) ชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป(รพศ.รพท.) และชมรมโรงพยาบาล/สถาบัน กรมการแพทย์ ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์  เมื่อเร็วๆนี้

นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ อดีตประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป(รพศ./รพท.) กล่าวตอนหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาการบริหารงบบัตรทอง ส่งผลต่อหน่วยบริการระดับต่างๆ ว่า  โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข(รพ.สธ.)มีทั่วประเทศ ดูแลคนไข้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท กว่า 40 ล้านคน

จ่ายเงินไม่ตรงตามต้นทุน รพ.

นพ.อนุกูล ย้ำว่า ในนามของชมรม รพศ.รพท. เกิดคำถามเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณที่ไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่ หรืออาจผิดวัตถุประสงค์หลักของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 หรือไม่ นี่เป็นคำถาม ซึ่งวัตถุประสงค์ของพ.ร.บ. คือ ครัวเรือนที่วิกฤติทางการเงินจากการรักษาพยาบาลต้องลดลง อันนี้แน่ชัด แต่ยังมีวัตถุประสงค์ตามมาตรา 46(1) คือ กรรมการต้องกำหนดอัตราค่าใช้จ่าย โดยอาศัยราคากลางที่เป็นจริงของทุกโรค และเป็นไปตามคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมคุณภาพ และมาตรฐาน
'10 รพ.สธ.' Q 1 ปี 68 เงินติดลบมากที่สุด รวมกว่า 1.9 พันล้าน

“ต้องถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ หากจ่ายน้อย ไม่ตรงตามต้นทุนจะได้คุณภาพบริการที่ดี ประชาชนไม่ทราบเรื่องนี้ แต่หน่วยบริการรู้ดี แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร ผมยังไม่ทราบว่าสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช).มีการคำนึงจุดนี้หรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นต้นทุน” นพ.อนุกูล กล่าว

ที่ผ่านมามีการวิจัยจาก รพ.ทั่วประเทศ พบว่า ต้นทุนของ รพ.สธ.ถูกที่สุด จ้างแพทย์ จ้างพยาบาลถูกที่สุดวันละ 350 บาท นี่คือต้นทุน ไม่ได้พูดถึงกำไร เพราะไม่ได้มีผู้ถือหุ้นใดๆ โดยต้นทุนผู้ป่วยในของ รพ.สธ.อยู่ที่ประมาณ 13,000 บาทต่อ adjRW  ถือว่าถูกมาก แต่ สปสช.  ประกาศปี 2568 จะจ่ายให้ใกล้เคียงตัวเลข 8,350 บาท ทั้งที่ต้นทุนถูกที่สุดแล้ว และยังมีแนวทางการจ่ายว่า หากเงินไม่พอก็จะจ่ายลดตามส่วน ยกตัวอย่าง สปสช.มีข้อเสนอว่า คำนวณเงินแล้วไม่พอ จึงประกาศ 1 เมษายน ขอจ่าย 7,100 บาทต่อ adjRW เป็นไปตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ด สปสช.)

“ต้นทุนประมาณ 13,000 บาทต่อ adjRW  แต่ สปสช.จ่าย 8,350 บาท และหากเงินไม่พอลดลงเหลือ 7,100 บาท อยากให้ สปสช.จัดตั้งโรงพยาบาล และลองไปบริหารเอง  ซึ่งทุกครั้งที่พูดถึงปัญหาต้นทุนผู้ป่วยในของ รพ.สธ. ภาคประชาสังคม กลุ่มเอ็นจีโอบางท่านมองว่า รพ.ไม่ควรคิดเรื่องกำไร  แต่นี่ไม่ได้พูดกำไร เราเน้นเรื่องต้นทุน ซึ่งไม่ใช่ราคาขาย เพราะยังมีค่าแรง ค่าวัตถุดิบ” นพ.อนุกูล กล่าว

10 รพ.สธ.เงินติดลบมากที่สุด

นพ.อนุกูล กล่าวด้วยว่า  เมื่อเป็นเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อการที่ รพ.ขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยไตรมาส 1 ปี 2568  มีรพ.ขาดสภาพคล่องทางการเงินติดลบ 4,219.4 ล้านบาท โดย 10 อันดับแรกติดลบรวมราว 1,917.868 ล้านบาท คิดเป็น 45.4 % ของเงินบำรุงที่ติดลบทั้งหมด ได้แก่

  • รพ.ขอนแก่น ติดลบกว่า 848.32 ล้านบาท
  • รพ.ชัยภูมิ ติดลบ 180.02 ล้านบาท
  •  รพ.พระนครศรีอยุธยา 147.45 ล้านบาท
  •  รพ.ระนอง 123.49 ล้านบาท
  • รพ.ฝาง จ.เชียงใหม่ 117.77 ล้านบาท
  •  รพ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี 113.84 ล้านบาท
  • รพ.เพชรบูรณ์ 108.08 ล้านบาท
  • รพ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ 102.92 ล้านบาท
  • รพ.พระพุทธบาท (สระบุรี) 102.12 ล้านบาท
  • และรพ.ปากช่องนานา จ.นครราชสีมา 73.28 ล้านบาท

นพ.อนุกูล กล่าวอีกว่า  ในเดือนมี.ค.2568 รพ.ที่มีเงินบำรุงหลังหักหนี้ติดลบ 218 แห่ง จาก 902 แห่ง ,รพ.ที่มีเงินบำรุงหลังหักหนี้แล้วน้อยกว่า 5 ล้านบาท  91 แห่ง และข้อมูลเดือนเมษายน 2568 มี รพ.ที่ไม่ได้รับเงินค่ารักษาผู้ป่วยใน 82 แห่ง จากการเรียกเก็บ 119 ล้านบาท

เพิ่มสิทธิประโยชน์ต้องมาพร้อมเงินที่พอ

“นี่คือ ปัญหาจากการบริหารจัดการงบฯ การเงินของสปสช.เหมาะสมหรือไม่  อย่างงบที่เกี่ยวข้องกับหน่วยบริการนวัตกรรม ทั้งรับยาฟรีที่ร้านยา เจาะเลือดที่บ้าน มีการจัดสรรแบบงบปลายเปิด ขณะที่งบผู้ป่วยในของ รพ.ที่ต้องนอน รพ. หรือรอในไอซียู กลับให้งบดูแลเป็นงบปลายปิด และสิ่งสำคัญการพิจารณาสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่มองว่าแม้จะส่งผลดีต่อประชาชน แต่ต้องถามว่ามีสิทธิประโยชน์ แต่งบประมาณเพียงพอหรือไม่” นพ.อนุกูล กล่าว 

4 กลุ่มผู้ป่วย และจัดงบแบบปิด-เปิด

นพ.อนุกูล กล่าวว่า การจัดกลุ่มผู้ป่วยตามระดับของ สปสช. แยกเป็นกลุ่มที่ 1 ยังไม่ป่วย ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ลดโอกาสเกิดโรคในอนาคต เน้นการบริการปฐมภูมิ จัดสรรด้วยงบประมาณปลายปิด

กลุ่มที่ 2 ป่วยเล็กน้อย ไปร้านยา คลินิก ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล โดยสปสช. ออกหน่วยบริการนวัตกรรมของภาคเอกชนต่างๆ ร้านยา ตู้ห่วงใย งบประมาณมหาศาล และเป็นงบปลายเปิด

กลุ่มที่ 3 ผู้ป่วยปานกลางถึงรุนแรง จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล เช่น ผู้ป่วยใน ไอซียูกรณีอาการหนัก รักษาให้หายหรือควบคุมอาการ กรณีนี้จะเป็นส่วนของโรงพยาบาลรัฐ เอกชน คลินิกชุมชนอบอุ่นให้บริการ แต่เป็นงบประมาณแบบปลายปิด แบบปิดสนิท

กลุ่มที่ 4 โรคซับซ้อน เป็นงบแบบเปิดๆ ปิดๆ ค่ารักษาสูง ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีที่สุด จะเป็นส่วนบริการของโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลศูนย์ เป็นงบปลายปิดไม่สนิท ถ้ามีเงินก็เปิดได้

'10 รพ.สธ.' Q 1 ปี 68 เงินติดลบมากที่สุด รวมกว่า 1.9 พันล้าน

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์