กาง(ร่าง)ประกาศ “ช่อดอกกัญชา”(ฉบับใหม่) ข้อห้ามมากกว่าเดิม

กาง(ร่าง)ประกาศ “ช่อดอกกัญชา”(ฉบับใหม่) ข้อห้ามมากกว่าเดิม

กาง(ร่าง)ประกาศ “ช่อดอกกัญชา”(ฉบับใหม่) กำหนดข้อห้ามมากกว่าเดิม ทั้งเรื่องการจำหน่าย-โฆษณา-ส่งออก-สถานที่  

KEY

POINTS

  • ประเทศไทยกำลังปรับปรุงกฎหมายควบคุม "ช่อดอกกัญชา" ให้เข้มงวดขึ้น โดยกำหนดให้ผู้ซื้อกัญชาต้องมีใบรับรองแพทย์ การจำหน่ายต้องผ่านมาตรฐาน GACP ยังมีการควบคุมปริมาณที่ใช้รักษาอาการให้เหมาะสม ไม่เกิน 30 กรัมต่อ 30 วัน
  • ช่อดอกกัญชา มีข้อห้ามสำคัญ เช่น ห้ามโฆษณา ห้ามจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์หรือเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ และห้ามขายในสถานที่เฉพาะ รวมถึงกำหนดให้ผู้ที่ต้องการส่งออกต้องมีใบอนุญาต 
  • ร่างประกาศเกี่ยวกับ ช่อดอกกัญชาฉบับนี้อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย LAW ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ถึง 5 มิถุนายน 2568 ก่อนจะนำไปปรับปรุงและประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไป

ปัจจุบัน ในประเทศไทย “ช่อดอกกัญชา”  ถือเป็นสมุนไพรควบคุม ตามพ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 อย่างไรก็ตาม การจะส่งออกไปต่างประเทศสามารถทำได้ แต่ต้องขออนุญาตจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีความผิดทั้งจำและปรับ

ลักลอบส่งออกช่อดอกกัญชาจากไทย

การลักลอบนำช่อดอกกัญชาออกจากประเทศไทย ส่งผลกระทบกับประเทศปลายทางที่มีกฎหมายควบคุมเรื่องกัญชาอย่างเข้มงวด เช่น อังกฤษ อินเดีย ปากีสถานและฮ่องกง โดยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมารัฐบาลได้รับข้อมูลเรื่องการลักลอบขนส่งกัญชาออกไปต่างประเทศ ผ่านช่องทางสนามบินทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิ มีรายงานจับกุมการลักลอบนำกัญชาออกนอกประเทศได้ประมาณ 72 กิโลกรัม จากผู้กระทำความผิด 3 ราย

เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมแก้ปัญหาการลักลอบส่งออกกัญชา มีปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานฯ ร่วมกับกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก 15 คน

“จะต้องมีการพัฒนากฎเกณฑ์ในการใช้กัญชาใหม่ ให้เกิดความเรียบร้อยขึ้น โดยเฉพาะการสูบในสถานที่ต่างๆ หรือขออนุญาตสูบกัญชา เดิมทีไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์ที่รัดกุม ก็จะต้องมีการปรับปรุงเรื่องนี้ให้ชัดเจน โดยจะต้องเพิ่มข้อกำหนดว่าผู้จะใช้กัญชาจะต้องมีใบรับรองแพทย์ การสั่งจ่ายกัญชาจากแพทย์ในทุกวิชาชีพ ซึ่งกฎหมายจะครอบคลุมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ขณะเดียวกันกัญชาที่นำมาจำหน่ายเพื่อการแพทย์ก็จะต้องมีมาตรฐานควบคุม" นายสมศักดิ์ กล่าว

รื้อกฎหมายคุมช่อดอกกัญชา

การควบคุมกัญชาด้วย พ.ร.บ.กัญชานั้น ต้องใช้เวลานาน กฎหมายบางฉบับใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าจะเสร็จ  นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จึงมอบหมายให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ดำเนินการปรับปรุงประกาศสมุนไพรควบคุมให้รัดกุมขึ้น ภายใน 40 วัน อาทิ

1.ผู้จะใช้กัญชาทางการแพทย์ หรือผู้ซื้อกัญชา จะต้องมีใบรับรองแพทย์และใบสั่งจ่ายยากัญชาจากแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนไทย แพทย์เวชกรรมทั่วไป ซึ่งจะครอบคลุมโรคที่บ่งชี้ในการใช้กัญชา เช่น โรคชักเกร็ง นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ เป็นต้น

2.ควบคุมปริมาณที่ใช้ในการรักษาอาการ

 และ 3.กัญชาที่สั่งจ่ายต้องมีมาตรฐาน GACP(Good Agricultural and Collection Practices)  ที่ออกโดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2568   คณะอนุกรรมการกฎหมายตามพ.ร.บ.) คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) และขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย LAW    ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.- 5 มิ.ย.2568

กาง(ร่าง)ประกาศกัญชา(ฉบับใหม่)

สำหรับ สารสำคัญของ (ร่าง)ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา)พ.ศ. ...ที่เปิดรับฟังความคิดเห็น

1.ให้กัญชา ซึ่งเป็นพืชในสกุล Cannabis วงศ์ Cannabaceae เฉพาะส่วนของช่อดอกเป็นสมุนไพรควบคุม

2.ผู้ใดประสงค์จะศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาต และผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

  •  ผู้รับใบอนุญาตให้ศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าต้องจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มา การนำไปใช้ และจำนวนที่เก็บไว้ ณ สถานประกอบการ และให้รายงานข้อมูลนั้น ต่อนายทะเบียนตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด
  •  ผู้รับใบอนุญาตให้ส่งออกสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ต้องแจ้งรายละเอียดการส่งออกต่อผู้อนุญาตเป็นรายครั้ง ตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด
  • ผู้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ต้องจำหน่ายสมุนไพรควบคุมให้กับผู้รับใบอนุญาต เท่านั้น
  • การจำหน่ายและส่งออกสมุนไพรควบคุมของผู้ได้รับใบอนุญาต ต้องมาจากแหล่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดีจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
    กาง(ร่าง)ประกาศ “ช่อดอกกัญชา”(ฉบับใหม่) ข้อห้ามมากกว่าเดิม
  • ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุมเพื่อการสูบในสถานที่ประกอบการ เว้นแต่การจำหน่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทยผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ และผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพทันตกรรม ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยของตนหรือผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการสัตวแพทย์ ที่ใช้ในการรักษาสัตว์
  • ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุม หรือสินค้าที่แปรรูปจากสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์
  • ห้ามโฆษณาสมุนไพรควบคุมในทุกช่องทางเพื่อการค้า
  •  ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุม หรือสินค้าที่แปรรูปจากสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ใน

(ก) วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา

(ข) หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก

(ค) สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก

ทั้งนี้ การจำหน่ายสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ไม่รวมถึงกรณีการจำหน่ายสมุนไพรควบคุมให้กับบุคคลใดๆที่มีใบสั่งจ่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพตามที่กำหนด เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ โดยการสั่งจ่าย ให้กำหนดจำนวนหรือปริมาณการใช้ตามความจำเป็นเพื่อการรักษาตัวเป็นการเฉพาะที่ใช้ได้ไม่เกิน 30 วัน

3. ให้ผู้รับใบอนุญาต อยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ เฉพาะในส่วนที่เป็นสมุนไพรควบคุมตามประกาศนี้ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ของประกาศฉบับนี้ด้วย

4. แบบการรายงาน แบบการแจ้งรายละเอียดการส่งออกสมุนไพรควบคุมรายครั้งและแบบใบสั่งจ่ายให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด

5. ประกาศนี้ให้เป็นตันตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ร่างประกาศฉบับนี้ เน้นในเรื่องการควบคุมช่อดอกกัญชาที่เป็นสมุนไพรควบคุม โดยร้านจำหน่ายต้องมีใบอนุญาตจำหน่าย และส่งออกช่อดอกกัญชา ต้องมีใบสั่งแพทย์จึงจะจำหน่ายได้ และต้องมาจากแหล่งปลูกที่ได้ตามมาตรฐาน ของกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปัจจุบันมีแหล่งปลูกกัญชาผ่านมาตรฐานดังกล่าว 47 แห่ง

“ปัจจุบันกรมการแพทย์แผนไทยฯ  ออกใบอนุญาตไปแล้วกว่า 17,000-18,000  ใบ ส่วนใหญ่เป็นรายย่อย ส่วนผู้ที่จะซื้อหรือผู้ป่วยต้องมีใบรับรองแพทย์ คล้ายๆใบสั่งจ่ายยา ซึ่งหากไม่มีก็ไม่สามารถซื้อ และร้านขายก็ขายให้ไม่ได้เช่นกัน” นพ.สมฤกษ์กล่าว