โควิด-19 ป่วยพุ่ง ยังไม่ถึงจุดพีก 5 จังหวัดผู้ป่วยสูงสุด

กรมควบคุมโรค เตือนโรคทางเดินหายใจระบาดคู่ โควิด-19 อยู่ช่วงขาขึ้น คาดระบาดต่ออีก 2-3 เดือน ขณะที่ไข้หวัดใหญ่ยังทรงๆ
KEY
POINTS
- กรมควบคุมโรค เตือนโรคทางเดินหายใจระบาดคู่ โควิด-19 อยู่ช่วงขาขึ้น สัปดาห์ก่อนป่วยเกือบ 50,000 ราย ปี 68 เสียชีวิตสะสม 29 ราย คาดระบาดต่ออีก 2-3 เดือน ขณะที่ไข้หวัดใหญ่ยังทรงๆ ป่วยสะสมกว่า 3 แสนราย เสียชีวิต 33 ราย
- มาตรการป้องกันโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ ช่วงเปิดเทอมเน้นย้ำการคัดกรองนักเรียน-บุคลากรสถานศึกษา พบป่วยให้หยุดพักอยู่บ้าน ส่วนมาตรการทั่วไปเน้นสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่หน้ากากอนามัย-ล้างมือบ่อยๆ-เว้นระยะห่างจากคนป่วยอย่างน้อย 1 เมตร
- ผู้ป่วย 1 คนติดเชื้อพร้อมกัน 2 ตัวได้ทั้งโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ บางรายอาจอาการรุนแรงขึ้น ขณะที่ไวรัส 2 ตัวนี้จะไม่แลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมข้ามตระกูลจนเกิดสายพันธุ์ใหม่
เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2568 พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การระบาดของ โรคโควิด-19 และ ไข้หวัดใหญ่ ว่า โควิด-19 ยังอยู่ในช่วงของขาขึ้น ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา(11-17 พ.ค.68) มีผู้ป่วยรายใหม่ 49,065 ราย ส่วนสัปดาห์นี้ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. - ปัจจุบัน มีผู้ป่วยรายใหม่ 12,524 ราย
ส่วนไข้หวัดใหญ่สถานการณ์ยังทรงๆ ผู้ป่วยรายใหม่รอบสัปดาห์ 11-17 พ.ค.68 อยู่ที่ 6,837 ราย ส่วนสัปดาห์นี้ ประมาณ 1,447 ราย ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยรายใหม่น้อยกว่าโควิด-19 เนื่องจากช่วงก่อนสงกรานต์มีการระบาดมากแล้ว หลังสงกรานต์แนวโน้มทรงๆ แต่ไม่ได้ลดลงยังอยู่ราว 6,000-8,000 รายต่อสัปดาห์
อัตราป่วยตายโควิด-ไข้หวัดใหญ่
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา และสัปดาห์นี้ จะเห็นได้ว่าไข้หวัดใหญ่มีผู้ป่วยรายใหม่น้อยกว่าโควิด-19 เนื่องจากช่วงก่อนสงกรานต์มีการระบาดมากแล้ว หลังสงกรานต์แนวโน้มทรงๆ แต่ไม่ได้ลดลงยังอยู่ราว 6,000-8,000 รายต่อสัปดาห์ ส่วนโควิด-19 ยังอยู่ในช่วงของขาขึ้น
“แม้โควิด-19 จะอยู่ในขาขึ้น แต่เมื่อมาดูอัตราการป่วยเสียชีวิตของโควิดในรอบของปีนี้ ไม่ได้สูงมากเหมือนช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิดเกิดขึ้นใหม่ๆ ซึ่งอยู่ที่ 0.14 % ปัจจุบันอยู่ที่ 0.02 % สูงกว่าอัตราป่วยตายของไข้หวัดใหญ่เล็กน้อยอยู่ที่ 0.01 % อาจเป็นเพราะไข้หวัดใหญ่มียาต้านไวรัส และมีวัคซีน” พญ.จุไร กล่าว
มาตรการชะลอการระบาด
สำหรับเรื่องโควิด-19 ที่ต้องการเน้นย้ำอย่างมาก เพื่อชะลอการระบาด โดยเฉพาะการปกป้องในกลุ่ม 608 ที่มีความเสี่ยงอาการอาจจะรุนแรง ได้แก่ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ โรคธาลัสซีเมีย ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
รวมถึง โรคอ้วนผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือ ดัชนีมวลกาย (BMI > 35) ตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ,หญิงมีครรภ์อายุครรภ์ และเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เป็นกลุ่มที่ต้องปกป้องเป็นพิเศษไม่ให้ป่วยทั้งโควิด และไข้หวัดใหญ่
มาตรการตอนนี้โดยเฉพาะช่วงนี้มีการเปิดภาคการศึกษา จึงอยากเน้นย้ำเรื่องการคัดกรองเด็กป่วย รวมถึงบุคลากรในสถานศึกษา หากพบว่ามีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ควรจะต้องหยุดพักอยู่กับบ้าน หาชุดทดสอบมาตรวจ หากพบว่ามีการติดเชื้อให้ไปพบแพทย์
ส่วนมาตรการทั่วๆ ไป ช่วงนี้หน้ากากอนามัยอยากให้ใส่อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อต้องออกสู่ชุมชน สถานที่สาธารณะที่มีคนอยู่อย่างแออัด ระบบอากาศไม่ได้มีการระบายที่เพียงพอ และในสถานที่เสี่ยงอย่าง รพ. ร่วมกับการล้างมือบ่อยๆ
ระบาดต่อเนื่องอีก 2-3 เดือน
“สถานการณ์น่าจะมีการระบาดต่อเนื่องทรงๆ ไปอีกราว 2-3 เดือน แต่หากประชาชนร่วมมือในการมีมาตรการป้องกันเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคล ก็จะสามารถดึงจำนวนผู้ป่วยให้ลดลงได้เร็วขึ้น ซึ่งกรมควบคุมโรคได้มีการพยากรณ์ว่าหากประชาชนมีมาตรการล้างมือใส่หน้ากากอนามัย และการเว้นระยะห่างจากผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจอย่างน้อย 1 เมตรได้ดี จะสามารถลดจำนวนผู้ป่วยลงได้อย่างดี” พญ.จุไร กล่าว
เรื่องของการรับวัคซีน พญ.จุไร กล่าวว่า สำหรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ระหว่างเดือนพ.ค.- ส.ค.2568 อยู่ในช่วงรณรงค์ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 608 เข้ารับการฉีดวัคซีนได้ฟรี ที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน หรือสถานพยาบาลเอกชนที่ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)
ส่วนวัคซีนโควิด-19 ในภาครัฐไม่ได้มีวัคซีน แต่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงแนะนำว่าหากไม่ได้ฉีดวัคซีนมานาน หรือไม่เคยฉีดวัคซีนโควิดเลย ในสถานการณ์เช่นนี้อาจจะต้องมีการฉีดกระตุ้น แต่ควรจะต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อน ว่าสภาพร่างกายมีความพร้อม ส่วนหากไม่ต้องการรับวัคซีนก็จะต้องมีมาตรการปกป้องตัวเองอย่างเคร่งครัด และต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดในช่วงฤดูฝน
ไวรัส 2 ตระกูลไม่ผสมเกิดพันธุ์ใหม่
ถามถึงโอกาส 1 คนจะติดเชื้อพร้อมกันทั้งโรคโควิด และไข้หวัดใหญ่ พญ.จุไร กล่าวว่า เกิดขึ้นได้ เนื่องจากเมื่อมีการติดเชื้อไวรัสชนิดไหนก็จะมีภูมิคุ้มกันต่อเฉพาะเชื้อตัวนั้น เพราะฉะนั้น ในพื้นที่ ที่มีไวรัสก่อโรคระบบทางเดินหายใจระบาดอยู่ในชุมชนมากกว่า 1 ตัวขึ้นไป ซึ่งเป็นสภาวะที่เจอเป็นประจำในช่วงฤดูฝน เคยเจอผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดร่วมกับไข้หวัดใหญ่ หรือไข้หวัดใหญ่กับอาร์เอสวี โดยอาการอาจจะรุนแรงขึ้น ส่วนรายที่ร่างกายแข็งแรงดีก็ไม่ได้ชัดเจน
เรื่องที่ว่าเมื่อคนเดียวติดไวรัส 2 ตัวที่ก่อโรคโควิด และไข้หวัดใหญ่พร้อมกันแล้วจะทำให้ไวรัสผสมจนเกิดการกลายพันธุ์นั้น ในส่วนของไวรัสโรคโควิด และไวรัสโรคไข้หวัดใหญ่เป็นไวรัสคนละตระกูล จะไม่สามารถผสมข้ามตระกูลได้ จะไม่มีการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมกัน
“แต่ที่กังวล และอยู่ในการเฝ้าระวังคือ การผสมระหว่างไวรัสก่อโรคไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดนกที่จะผสม และเกิดการกลายพันธุ์ เช่น เกษตรกรที่เลี้ยงดูสัตว์ปีก หรือโคนม เกิดป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ และสัตว์ที่ดูแลมีเชื้อไข้หวัดนกอยู่ สามารถผสม และเกิดการกลายพันธุ์ อาจจะแพร่กระจายได้ และมีอาการรุนแรงขึ้น” พญ.จุไร กล่าว
อนึ่ง 5 จังหวัดที่พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 42,418 ราย นครราชสีมา 19,299 ราย ชลบุรี 13,296 ราย อุบลราชธานี 12,996 ราย และเชียงใหม่ 11,602 ราย
ส่วนโควิด-19 จังหวัดที่มีผู้ป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ 36,580 ราย ชลบุรี 9,931 ราย นนทบุรี 7,241 ราย ปทุมธานี 5,374 ราย และสมุทรปราการ 5,327 ราย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







