‘สมศักดิ์’คืนหมาก ‘แพทยสภา’ ? 2 ใน 3 ยืนมติฟันแพทย์ ก็ยาก!

‘สมศักดิ์’คืนหมาก ‘แพทยสภา’ ? 2 ใน 3 ยืนมติฟันแพทย์ ก็ยาก!

ยืน-ยับยั้ง “ลงโทษ 3 แพทย์รักษาทักษิณ” วัดใจ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” วีโต้มติบอร์ดแพทยสภา? ไม่แจ้งเหตุผลได้  คืนหมากก็ยากจะได้ 47 เสียงยืนมติเดิม อาจไม่เกี่ยว “คดีทักษิณ”

KEY

POINTS

  • ปมแพทย์รักษาทักษิณ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” มีเวลา 15 วันในการพิจารณามติแพทยสภา จะยืนหรือยับยั้ง มีสิทธิวีโต้ได้แบบไม่ต้องแจ้งเหตุผล
  • ปมแพทย์รักษาทักษิณ หาก “สมศักดิ์” ยับยั้ง เป็นเรื่องยากมากๆๆ ที่บอร์ดแพทยสภา จะได้คะแนนเสียง 47 คนเพื่อยืนตามมติเดิมในการลงโทษแพทย์
  • ปมแพทย์รักษาทักษิณ จะจบที่ลงโทษหรือไม่ลงโทษแพทย์ อาจไม่ได้เกี่ยวเสียทีเดียวกับ “พยานหลักฐานในการรักษาพยาบาล” ที่ศาลอาจจะเรียกไปใช้ในคดี 

สังคมต่างกำลังจับจ้องไปยังท่าที “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา ผู้ที่พิจารณาขั้นสุดท้ายในการที่จะ “ลงโทษ” แพทย์ 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการรักษา “ทักษิณ ชินวัตร” 

1 คนโดนว่ากล่าวตักเตือน และอีก 2 คนให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามมติกรรมการแพทยสภา ด้วยเหตุว่า “กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง”
เป็นการพิจารณาใน  “เชิงวิชาชีพเวชกรรม” พยาน หลักฐานก็คงจะเป็นเวชระเบียนและอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการรักษาคนไข้เป็นสำคัญ

ก็เป็นเรื่องยากที่จะหาเหตุผลว่า “เหตุใดจึงให้รมว.สาธารณสุข” ที่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็น “แพทย์” เข้ามาเกี่ยวกับการ “ตัดสินลงโทษแพทย์” อาจเป็นเรื่องของการ “ให้เกียรติ”
เพราะตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม ที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 มาตรา 25  กำหนดไว้เช่นนั้น และเช่นเดียวกันกับกฎหมายวิชาชีพอื่นๆในสายสาธารณสุข ก็ล้วนกำหนดไว้

เมื่อ “สมศักดิ์” มีสิทธิตามกฎหมายในการพิจารณา 15 วัน หากไร้ความเห็นใดก็จะเท่ากับ “เห็นด้วยกับมติแพทยสภาลงโทษแพทย์ 3 คน”

แพทยสภาก็จะออกคำสั่งแพทยสภาที่เป็นคำสั่งทางปกครอง ขณะที่แพทย์ผู้ถูกลงโทษ มีสิทธิร้องศาลปกครองได้ หากไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว

แต่หากใช้ “สิทธิ วีโต้” ยับยั้งมติดังกล่าว ซึ่งสามารถดำเนินการได้ และในทางกฎหมายไม่ได้ระบุให้ต้องแจ้ง “เหตุผลของการยับยั้ง” และที่ผ่านมา “รมว.สธ.”ก็เคยใช้สิทธินี้มาแล้ว 

ก็จะมีผลให้ “บอร์ดแพทยสภา” ต้องกลับมาพิจารณาใหม่ และการจะยืนตามมติเดิมให้ลงโทษแพทย์นั้น จะเพิ่มความยากมากยิ่งขึ้น เพราะต้องใช้เสียง 2 ใน 3 หรือ 47 คน จาก 70 คน จึงจะถือเป็นมติ

ตรงจุดนี้นับว่า “ยากอย่างยิ่ง” แม้ดูเหมือน 47 คน จะเป็นจำนวนไม่มาก ทว่า ในความเป็นจริงของการประชุมบอร์ดแพทยสภาแต่ละครั้ง ก็ใช่ว่าจะมี “กรรมการเข้าประชุมครบทุกคน”

โดยเฉพาะกรรมการในฝั่งของการแต่งตั้งโดยตำแหน่งที่มีอยู่ 35 คน  และล้วนเป็น “ระดับท็อปของการบริหาร” อาทิ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมอนามัย เจ้ากรมแพทย์ 3 เหล่าทัพ  นายแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆทั่วประเทศ

ที่อาจจะติดภารกิจต่างๆมากมาย จนไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ แม้จะมีการนัดล่วงหน้าว่าเป็น “พฤหัสที่ 2 ของเดือน”ก็ตาม

อย่างการประชุมที่มีมติ ลงโทษแพทย์ 3 คนนั้น ก็ว่ากันว่า กรรมการเข้าประชุมและเมื่อเชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียออก ก็เหลือกรรมการลงมติ แบบเกิน 47 คนอยู่แบบไม่มาก
ฉะนั้น หากสภานายกพิเศษ “ยับยั้ง” ก็เป็นเรื่องยาก มากๆๆๆ ที่ “บอร์ดแพทยสภา” จะมีมติยืนตามมติเดิมในการลงโทษแพทย์ด้วยคะแนน 47 เสียง เพราะไม่แน่ว่า “จำนวนทั้งหมดของกรรมการที่เข้าประชุม”จะถึงจำนวนนี้เสียด้วย

และปัจจุบันก็ยังมีกรณีที่หลัง “สภานายกพิเศษยับยั้ง” แล้วบอร์ดแพทยสภายังไม่ได้มีมติ เพราะกฎหมายไม่ได้ “กำหนดเวลาในการนำกลับมาพิจารณาของบอร์ดแพทยสภา”
ทว่า แม้การพิจารณา “ลงโทษแพทย์ 3 คน” จะยังไม่ถึงที่สิ้นสุด แต่ในส่วนของพยานหลักฐานต่างๆที่อนุกรรมการฯแพทยสภา ได้รับมาใช้ประกอบการพิจารณาและนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดแพทยสภานั้น “ก็มีสิทธิเป็นไปได้ที่ศาลจะเรียกไปเป็นพยานหลักฐาน ประกอบการพิจารณาของคดีคุณทักษิณ”
ท้ายที่สุด การลงโทษ หรือ ไม่ลงโทษแพทย์ที่รักษาคุณทักษิณ ก็เป็นเรื่องของแพทย์ที่ถูกกล่าวโทษ อาจไม่ได้เกี่ยวเสียทีเดียวกับการ “ตัดสินของศาล” มากไปกว่าการได้ “พยานหลักฐาน”

"เราต้องยึดมั่นในกระบวนการ ระเบียบ และกฎหมาย ต้องให้เวลาผมศึกษาข้อมูลด้วย เพราะเท่าที่ผมอ่านข่าวแพทยสภา ก็ไม่มีการลงรายละเอียดเชิงลึก    ก็ต้องรอรายละเอียดที่จะส่งตามมาจากนี้ จึงขอสังคม อย่าเพิ่งคาดเดา หรือ ชี้นำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพราะทำแบบนั้น จะถือว่า ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” นายสมศักดิ์ กล่าวเมื่อ 9 พ.ค.2568

อีก 15 วันต้องรอดูว่า “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สธ. สภานายกพิเศษแพทยสภา ผู้เก๋าเกมทางการเมือง จะพิจารณาเรื่องนี้ออกมาทางใด ไว้ลาย ส.ส.10 สมัย และรัฐมนตรี 16 สมัยมากแค่ไหน เพราะ “สีแดง”ก็เพื่อน  “สีน้ำเงิน”ก็เพื่อน ตำแหน่งรัฐมนตรีก็สำคัญ และ “สมศักดิ์ ไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน”

หากใช้สิทธิ “วีโต้” แม้ตามกฎหมายอาจไม่ต้องแจ้งเหตุผล แต่กับสังคมก็คงต้องแจ้งถึงเหตุที่ “นักการเมือง ยับยั้งมติกรรมการวิชาชีพแพทย์” ท่ามกลางสังคมที่รับรู้ไปแล้วว่า "ป่วยไม่วิกฤติ"