'แอนแทรกซ์' มุกดาหารไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม ควบคุมโรคได้แล้ว

มุกดาหารไม่พบผู้ป่วยแอนแทรกซ์เพิ่ม ควบคุมโรคได้แล้ว เดินหน้าเข้มการชำแหละวัว โค ยกระดับโรงเชือดให้มีมาตรฐาน รณรงค์ไม่ให้กินเนื้อดิบ ไม่เชือดสัตว์ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2568 นพ.ณรงค์ จันทร์แก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(นพ.สสจ.)มุกดาหาร ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าสถานการณ์ โรคแอนแทรกซ์ จ.มุกดาหาร ว่า ไม่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ รวมมีผู้ป่วยสะสม 4 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย และไม่มีรายงานผู้ป่วยเฝ้าระวังเพิ่ม ส่วนผู้สัมผัสที่ต้องเฝ้าระวัง 98 คนครบกำหนดการเฝ้าระวังโรคในวันที่ 7 พ.ค.2568 จะออกจากกระบวนการเฝ้าระวัง วันที่ 8 พ.ค. สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งสถานการณ์ในพื้นที่ถือว่าดีขึ้นและสามารถควบคุมโรคได้แล้ว
สำหรับอาการของผู้ป่วยรายที่ 4 ซึ่งเป็นรายล่าสุดที่ได้รับการยืนยันเมื่อวันที่ 6 พ.ค. เป็นผู้ป่วยหญิง ทำมีดบาดมือในขณะปรุงอาหารทำให้เกิดการติดเชื้อ มีโรคประจำตัวคือเบาหวาน อาการในวันที่ 7 พ.ค. มีไข้ 38.2 วัดออกซิเจนในปอดได้ 98% ส่วนแผลที่ติดเชื้ออาการบวมลดลง ขณะนี้อาการไม่น่าเป็นห่วง แต่เนื่องจากมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน แพทย์จึงต้องการดูแลอย่างใกล้ชิด ได้ย้ายตัวมารักษาที่โรงพยาบาลมุกดาหาร ซึ่งมีแพทย์อายุรกรรมที่ดูแลได้โดยตรง
“จะต้องระวังไม่ให้มีการติดเชื้อเข้ากระแสเลือด และเบื้องต้นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 10 วัน จนกว่าจะไม่มีไข้ คุมระดับน้ำตาลได้ดี แผลแห้งและขูดแผลไปเพาะเชื้อ หากไม่พบเชื้อก็สามารถกลับบ้านได้”นพ.ณรงค์กล่าว
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ถือว่าควบคุมสถานการณ์ได้ดี ไม่มีคนไข้รายใหม่แล้ว บทเรียนที่ได้จากการระบาดครั้งนี้ คือ หลังจากนี้จะต้องมีการควบคุมการชำแหละวัว โค หรือ ยกระดับโรงชำแหละให้มีมาตรฐาน การชำแหละในสวนยาง บนพื้นดินที่ไม่มีภาชนะรองรับเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ได้ จำเป็นต้องมีโรงชำแหละที่มีมาตรฐาน สะอาด ป้องกันเชื้อโรคต่างๆ รวมทั้ง รณรงค์ประชาชน ไม่ให้กินเนื้อดิบ ไม่เชือดวัว โค ที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ และออกตรวจหาสัตว์ป่วยอย่างเข้มข้น







