แกะรอย ‘โรคแอนแทรกซ์’ เข้าไทย ขุดถึง ‘ไขกระดูก’  ลอยตามแม่น้ำโขง?

แกะรอย ‘โรคแอนแทรกซ์’ เข้าไทย ขุดถึง ‘ไขกระดูก’  ลอยตามแม่น้ำโขง?

แกะรอยเส้นทางเชื้อโรค ที่ทำให้งานบุญผ้าป่าที่มีการชำแหละวัว แจกจ่ายบริโภคในหมู่บ้าน จนนำมาสู่การระบาดของโรคแอนแทรกซ์ ที่ไม่เจอในไทยมาถึง 8 ปี

KEY

POINTS

  • อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร ถูกประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมโรค เนื่องจากเกิดการระบาดของโรคแอนแทรกซ์ ล่าสุด ผู้ป่วยสะสม 4 ราย ในจำนวนนี้ เสียชีวิต 1 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 3 ราย เฝ้าระวังอีก 98 ราย 
  • ทีมเจ้าหน้าที่ เร่งสอบสวนโรค ค้นหาต้นสายที่ทำให้เชื้อโรคแอนแทรกซ์เข้ามาระบาดในไทย  ที่ไม่เจอมานาน 8 ปี  ขุดดินนำกระดูกตรวจไขกระดูกวัวที่ถูกชำแหละ เบื้องต้นสงสัยเชื้อลอยมาตามแม่น้ำโขง 
  • โรคแอนแทรกซ์ ไม่ได้พบเฉพาะในวัวเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดได้ในสัตว์กินหญ้าอื่นๆ ด้วย  และเชื้อสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน 10-20 ปี 

โรคแอนแทรกซ์ที่ระบาด อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร มาจากไหนเมื่อประเทศไทยไม่เจอมานานเกือบ 10 ปี เป็นคำถามที่จะต้องเร่งหาคำตอบ ควบคู่กับการดูแลรักษาผู้ป่วย เบื้องต้นมีการขุดดินขุดฝังกระดูก นำ “ไขกระดูก” มาตรวจ และสงสัยว่า “เชื้อจะลอยมาตามแม่น้ำโขง”

สถานการณ์แอนแทรกซ์ อ.ดอนตาล 

จุดเริ่มต้นของการตรวจพบการระบาดของโรคแอนแทรกซ์ครั้งนี้ มาจากที่ผู้ป่วยเป็นเพศชาย อายุ 53 ปี โรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน อาชีพรับจ้างก่อสร้าง เริ่มมีตุ่มแผลขึ้นบริเวณมือข้างขวาเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลวันที่ 27 เมษายน 2568

ด้วยอาการแผลที่มือเริ่มมีสีดำชัดเจนขึ้น ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ข้างขวาโต และมีอาการหน้ามืด ชักเกร็ง ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ทว่า ขณะเข้ารับการรักษา “นพ.นนชยา ใจตรง แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป นายแพทย์ชำนาญการ รพ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร” สงสัยว่าจะเป็นโรคแอนแทรกซ์  จึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสถาบันบำราศนราดูรก่อนผลจะออกมายืนยันพบเชื้อแบคทีเรียบาซิลัส แอนทราซิส (Bacillus anthracis) ซึ่งก่อโรคแอนแทรกซ์
แกะรอย ‘โรคแอนแทรกซ์’ เข้าไทย ขุดถึง ‘ไขกระดูก’  ลอยตามแม่น้ำโขง?

หลังยืนยันพบเชื้อมีการสอบสวนโรค และเฝ้าระวังผู้ป่วยเพิ่มเติม  ณ วันที่ 6 พ.ค.2568 พบผู้ป่วยสะสม 4 ราย ในจำนวนนี้ เสียชีวิต 1 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 3 ราย รวมถึง การเฝ้าระวังผู้สัมผัสทั้งการชำแหละ การบริโภค และอยู่ร่วมบ้านกับผู้เสียชีวิตแทบทั้งหมู่บ้านใน อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร กว่า 600 คน ซึ่งทุกคนได้รับยากินป้องกันเป็นเวลา 7 วัน และครบกำหนดเฝ้าระวังอาการป่วยทางผิวหนัง และทางเดินอาหารแล้วจำนวนหนึ่ง เหลือเฝ้าระวังอีก 98 ราย 

ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้ป่วยรายแรกเสียชีวิต เนื่องจากมีประวัติดื่มสุราหนักเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่ม สูบบุหรี่หนัก อาชีพเป็นช่างก่อสร้างทำให้ร่างกาย โดยเฉพาะมือ มีรอยบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ เมื่อสัมผัสกับเนื้อวัว หรือสิ่งแวดล้อมที่มีเชื้ออยู่ก็ทำให้ติดเชื้อทางผิวหนังได้ง่าย และเมื่อเข้ามารักษาก็ตรวจพบว่ามีเบาหวาน จึงทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงขึ้น

ขุดดิน ตรวจไขกระดูก หาแอนแทรกซ์ 

ไม่เพียงการเฝ้าระวังผู้ป่วยเท่านั้น ที่ต้องดำเนินการเพื่อหยุดการระบาด การสอบสวนโรคเพื่อให้ทราบแหล่งที่มาของเชื้อก็สำคัญอย่างมาก

ปศุสัตว์จังหวัดได้กักกันสัตว์ในพื้นที่ 124 ตัวเป็นเวลา 30 วัน มีการฉีดยาปฏิชีวนะยาฆ่าเชื้อในสัตว์ทุกตัว และภายในรัศมี 5 กิโลเมตร ก็มีการฉีดวัคซีน ให้กับวัว ควายจำนวน 1,222 ตัว
นพ.ณรงค์ จันทร์แก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(นพ.สสจ.)มุกดาหาร ให้สัมภาษณ์ว่า  เบื้องต้นจากการสอบสวนโรค พบมีการชำแหละเนื้อวัวใน 2 วง คือ วันที่ 12 เม.ย.2568 และ 28 เม.ย.2568  พื้นที่ ที่ใช้ชำแหละวัวไม่ได้เป็นโรงชำแหละที่ชัดเจน แต่มีทั้งสวนยาง และอีกจุดหนึ่งคือหมู่บ้านโคกสว่าง ซึ่งเป็นจุดที่เราตรวจเจอเชื้อแอนแทรกซ์ในดิน

การชำแหละเนื้อวัวในวันที่ 28 เม.ย.68 ได้ไปขุดกระดูกของวัวที่ถูกชำแหละแล้วชาวบ้านนำไปต้มกิน ก่อนนำกระดูกไปฝังดิน เพื่อตรวจสอบไขกระดูกก็พบเชื้อโรคแอนแทรกซ์ จึงคิดว่าเชื้อน่าจะมีอยู่ที่ดิน และวัวที่ชำแหละเมื่อวันที่ 28 เม.ย.68

“พื้นที่ ที่ตรวจเจอนั้นถือว่ามีความปลอดภัยเพราะสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด ได้นำโซดาไฟไปฉีดพ่น ดิน และหญ้าในบริเวณ ซึ่งตามหลักการสามารถฆ่าเชื้อสปอร์แอนแทรกซ์ได้ นอกจากนี้ยังมีการจำกัดวง และตีเส้นไม่ให้เข้าพื้นที่ และนำดิน 2 คันรถไปถมบริเวณดังกล่าว คิดว่าน่าจะ กำจัด และควบคุมเชื้อได้ดี” นพ.ณรงค์ กล่าว 

อาจเป็นได้วัวตายไหลตามแม่น้ำโขง

เส้นทางของเชื้อโรคแอนแทรกซ์เข้ามาในประเทศไทยนั้น  จากที่ประเทศไทยไม่เจอเชื้อมาร่วม 8 ปี ครั้งหลังสุดเมื่อปี 2560 ที่ จ.ตาก ไม่เคยเจอในโซนนี้  กำลังอยู่ระหว่างค้นหาเส้นทาง เบื้องต้นสงสัย 

สิ่งแวดล้อมในดิน เพราะมีวัวตายอย่างผิดปกติ และปีที่ผ่านมา มีการระบาดของโรคแอนแทรกซ์ในประเทศเพื่อนบ้าน อาจจะมีกรณีที่วัว ที่มีเชื้อตายแล้วไหลมาตามแม่น้ำโขง ทำให้สปอร์ของเชื้อติดอยู่ตามธรรมชาติ ริมแม่น้ำโขงโดยเฉพาะพื้นที่ ที่มีน้ำขัง

“ทางปศุสัตว์สงสัยว่าอาจจะมีวัวตายแล้วไหลมาตามแม่น้ำโขงหรือไม่ แล้วบริเวณนั้นอาจจะมีน้ำท่วมขังอยู่เดิม หากมีเชื้ออยู่จริงก็จะทำให้สปอร์ของเชื้ออยู่ในสิ่งแวดล้อม โดยจะฝังตัวอยู่ในดิน หญ้า เมื่อคนไปสัมผัส สูดดมสปอร์เข้าไป ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อ”

ทั้งนี้ ทีมสอบสวนโรค และปศุสัตว์ได้ลงพื้นที่เพื่อนำดินจากบริเวณดินโขงที่เคยประสบเหตุน้ำท่วม และมีวัวตายลอยมาตามน้ำโขงมาตรวจ ซึ่งอาจมีเชื้อมาตกตะกอนแถวนั้นด้วยหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล คาดว่าไม่เกิน 4 วันนับจากวันที่ 5 พ.ค.68 ที่มีการส่งตรวจ 

ส่วนที่คนกังวลว่าจะมีการลักลอบนำเข้าเนื้อวัวมาจากประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน ทางปศุสัตว์กำลังสืบสวนข้อมูลเพิ่มเติม และยังไม่เจอหลักฐานอะไร เกี่ยวกับการลักลอบนำเข้าเนื้อวัว จากประเทศเพื่อนบ้าน

นอกจากพื้นที่ จ.มุกดาหาร แล้ว ได้มีการเฝ้าระวังโรคแอนแทรกซ์ เชื่อมโยงไปที่จ.อำนาจเจริญ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.กาฬสินธุ์ แม้ว่าจะไม่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง แต่เป็นจังหวัดที่ติดกับมุกดาหาร แต่ต้องเฝ้าระวังในแง่ของการอาจนำเนื้องานบุญช่วงวันเดียวกันจาก อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร ไปรับประทาน อาจเป็นเครือญาติ ซึ่งได้มีการประสานติดตามเฝ้าระวังแล้ว

จึงต้องเฝ้าระวัง ป้องกันไม่ให้มีการการเคลื่อนย้ายเนื้อวัวที่มีการติดเชื้อออกนอกพื้นที่

แกะรอย ‘โรคแอนแทรกซ์’ เข้าไทย ขุดถึง ‘ไขกระดูก’  ลอยตามแม่น้ำโขง?

แอนแทรกซ์ ไทยไร้ 8 ปี-เพื่อนบ้านระบาด

สำหรับสถานการณ์ของโรคแอนแทรกซ์ ข้อมูลจาก กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระบุว่า  พบผู้ป่วยในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2543 รวม 15 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต (พิจิตร 14 ราย และพิษณุโลก 1 ราย)

ล่าสุดในปี พ.ศ.2560 พบผู้ป่วย 2 ราย ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทั้งคู่ได้ชำแหละซากแพะที่นำมาจากประเทศเมียนมาโดยถลกหนังแพะด้วยมือเปล่า

ส่วนในประเทศที่มีพื้นที่ติดชายแดนไทย เมื่อปี พ.ศ.2567 ประเทศลาวพบผู้ติดเชื้อแอนแทรกซ์รวม 129 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ประเทศเวียดนาม พบการระบาดโรคแอนแทรกซ์ จำนวน 3 เหตุการณ์ พบผู้ป่วยรวม 13 ราย และผู้สัมผัสอีก 132 ราย จากการรับประทานเนื้อโค และกระบือเช่นกัน

แอนแทรกซ์ อยู่ในสิ่งแวดล้อม 10-20 ปี

ข้อมูลของกรมปศุสัตว์ ระบุว่า โรคแอนแทรกซ์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียบาซิลัส แอนทราซิส (Bacillus anthracis) ซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือ เมื่อเชื้อสัมผัสกับอากาศภายนอกร่างกาย เชื้อจะสร้างสปอร์ห่อหุ้ม จึงมีความทนทานต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถอยู่ในธรรมชาติได้ เป็นระยะ เวลานาน เช่น อยู่ในดินได้นานกว่า 10-20 ปี

แอนแทรกซ์ ไม่ได้เกิดเฉพาะ “วัว”

ส่วนสัตว์ที่ไวต่อการเกิดโรค จะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด โดยเฉพาะในสัตว์เคี้ยวเอื้องที่กินหญ้าเป็นอาหาร ได้แก่ โค กระบือ แพะ แกะ เนื่องจากกินสปอร์ที่ปนเปื้อนมากับหญ้าหรือดิน ในสัตว์อื่นๆ เช่น ม้า พบการเกิดโรคค่อนข้างน้อย ส่วนในสุกร สุนัข แมว และสัตว์ป่าก็มีโอกาสติดเชื้อได้

แกะรอย ‘โรคแอนแทรกซ์’ เข้าไทย ขุดถึง ‘ไขกระดูก’  ลอยตามแม่น้ำโขง?

วิธีการป้องกันโรคแอนแทรกซ์ 

โรคแอนแทรกซ์ เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่สัตว์ สัตว์สู่คน ไม่ใช่โรคติดต่อจากคนสู่คน ซึ่งการติดต่อมาสู่คน

1. ทางผิวหนัง จากการสัมผัสเชื้ออผ่านผิวหนังที่มีบาดแผล รอยถลอก หรือรอยขีดข่วน การชำแหละซากสัตว์หรือสัมผัสหนัง ขน เลือดสัตว์ที่เป็นโรค

2. ทางปาก ด้วยการกินอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อน โดยเฉพาะอาหาร ที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบลู่

3. ทางการหายใจ โดยการหายใจ เอาสปอร์ของเชื้อเข้าไป มักพบในคนงานที่ทำงานในโรงงาน ฟอกหนัง ขนสัตว์ หรือปุ๋ยที่ทำจากกระดูกสัตว์ป่น

กรมควบคุมโรค แนะนำวิธีการป้องกันโรคแอนแทรกซ์  ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสโค กระบือ แพะ แกะ

2. ล้างมือ ชำระล้างร่างกายหลังสัมผัสสัตว์

3. เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่ได้รับการรับรองอาหารปลอดภัย

4. หากพบสัตว์ป่วยตายผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันที

5. หากมีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์

แอนแทรกซ์ ไม่มีวัคซีนคน แต่รักษาหายได้

ขณะที่ นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ในฐานะโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า  โรคแอนแทรกซ์ยังไม่มีวัคซีนป้องกันในคน จะเน้นในเรื่องของการป้องกันตัวเป็นหลัก หากเกิดการติดเชื้อก็จะทำการรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด ซึ่งกรณีการติดเชื้อปกติสามารถรักษาให้หายได้

หากเป็นการติดเชื้อผ่านการสูดดมเข้าไป หรือเรียกว่าการติดเชื้อทางเดินหายใจ จะทำให้อาการรุนแรง แต่โอกาสติดเชื้อ ลักษณะนี้จะเกิดน้อย แต่การติดเชื้อทางผิวหนังอาการจะไม่รุนแรง ยกเว้นคนไข้มาพบแพทย์ช้า แล้วเชื้อลามเข้าสู่กระแสเลือด  เพราะเส้นทางของเชื้อจะเกิดจากแผลแล้วลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง ก่อนเข้ากระแสโลหิต อาการหนัก ดังนั้น เมื่อเริ่มมีอาการต้องรีบมาพบแพทย์ ถ้าหากได้ยาฆ่าเชื้อเร็วก็จะไม่เสียชีวิต

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์