จับตาพิรุธ 'ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมทารก' ล็อกสเปกหรือไม่

สส.ประชาชน จับตาพิรุธ “ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมทารก” กรมวิทย์ฯ-สปสช. เร่งรัดแถมล็อกสเปกหรือไม่ ขณะที่สปสช. ยันไม่เอื้อประโยชน์บริษัท แจงอยู่ระหว่างปรับประกาศมาให้ปิดกั้นรายอื่นๆ
จากที่ น.ส.กัลยพัชร รจิตโรจน์ สส.พรรคประชาชน แถลงข่าวตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดสิทธิประโยชน์ตรวจหาความเสี่ยงของกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรมในทารก (Non-Invasive Prenatal Testing: NIPT) (ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมทารก)ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งมอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดซื้อจัดจ้างภายใต้งบประมาณ 500-600 ล้านบาท หรือคิดเป็นราว1,700 บาทต่อคน มีการกำหนดคุณสมบัติในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างว่าขั้นตอนในการจำลองตัวเองของ DBA ต้องดำเนินการภายในตัวเครื่อง
ตั้งข้อสงสัยการจัดซื้อจัดจ้าง
น.ส.กัลยพัชร ระบุว่าเป็นที่น่าสังเกตว่าคุณสมบัติเฉพาะ ที่กรมวิทย์ฯ กำหนดไว้ มีเพียงบริษัทเดียวในตลาดที่ตอบโจทย์ โดยผลการประมูลมีผู้เข้าร่วม 2 ราย ผู้ที่ชนะเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเพียง 100,000 บาท
และต่อมาทางสปสช.ได้ปรับค่าหัวในการตรวจดังกล่าวเพิ่มเป็น 2,700 บาท ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่เจาะเลือด ขนส่ง วิเคราะห์ผลไปจนถึงรายงานผล แต่ป็นราคาที่ต่ำมาก จึงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณภาพ จนต้องมีการรับฟังความเห็นและยังไม่มีการสรุป
ขณะที่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กลับระบุว่า ผ่านปีงบประมาณ 2568 มาแล้วครึ่งปี เพื่อไม่ให้เสียโอกาสควรเริ่มดำเนินการ
น.ส.กัลยพัชร มองว่า เหตุใดต้องเร่งรีบ จึงขอตั้งข้อสงสัยต่อกรมวิทย์ฯ และสปสช. ในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการนี้ ในฐานะ สส.พรรคประชาชน และรองประธานคณะกมธ.การสาธารณสุข คนที่ 1 จะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในการประชุมกมธ.ครั้งถัดไป และจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
เร่งปรับประกาศไม่ปิดกั้นใคร
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 เม.ย.2568 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. ให้สัมภาษณ์ว่า สิทธิประโยชน์ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการเขียนร่างประกาศใช้จริง โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เรียบร้อยแล้ว เดิมอนุมัติเป็นสิทธิประโยชน์ มีอัตราการจ่ายเท่านั้น เท่านี้ แล้วไปหารือกับกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เพื่อจัดระบบบริการ และกำลังเขียนร่างประกาศ ระหว่างนี้ก็เอาร่างประกาศดังกล่าวขึ้นบนเว็บไซต์ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดูว่าจะปรับตรงไหน เพิ่มตรงไหน ปรากฏว่ามีความเห็นกลับเข้ามาจำนวนมาก
“เรื่องนี้สปสช.มีเป้าหมายดำเนินการ 2 แสนราย ซึ่งในจำนวนนี้ปรากฏว่ามีหลายหน่วยงานที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งมหาวิทยาลัยแพทย์ สถานพยาบาลเอกชนก็ทำได้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ทำได้ ดังนั้น ทางสปสช.จึงมองว่า ถ้าเช่นนั้นก็ควรเปิดรับฟังอย่างรอบด้าน จึงเชิญมหาวิทยาลัยต่างๆ เอกชน สภาเทคนิคการแพทย์ รวมทั้งกรมวิทย์ฯ มาประชุมเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา”ทพ.อรรถพรกล่าว
ทพ.อรรถพร กล่าวด้วยว่า สปสช.ได้รับความเห็นที่หลากหลายว่า ในส่วนของมาตรฐานนั้นควรยึดตามที่กรมวิทย์ฯ กำหนด หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเคียง ซึ่งเป็นความเห็นคณะแพทย์ รามาฯ ซึ่งมีศูนย์จีโนมิกส์ และสภาเทคนิคการแพทย์ ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการเอาความเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มารวมกัน เพื่อจะคุยกันในสปสช.ว่าจะปรับร่างประกาศอย่างไร เพื่อที่จะไม่เป็นการปิดกั้นแล้วให้เพียงหน่วยเดียว แต่เปิดให้หน่วยอื่นที่มีศักยภาพ มีคุณภาพเข้ามาได้ และเมื่อเข้ามาได้ก็จะจัดเครือข่ายของการตรวจดังกล่าวต้องทำให้ครบ ไม่ใช่ทำครึ่งๆ กลาง
สปสช.ปัดเอื้อประโยชน์ใคร
เรื่องนี้ได้มีการหารือกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ได้ย้ำว่าต้องมีการเปิดกว้าง ก็ไปดูมาตรฐานทั้งมาตรฐานหลัก มาตรฐานเทียบเคียง หากเขาได้มาตรฐานก็ต้องเปิดโอกาสให้ทุกๆ หน่วยเข้ามา ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ทางพรรคประชาชนเอาไปพูด หรือมหาวิทยาลัย หรือใครที่แนะนำมารับฟังหมด ไม่ได้ปิดกั้นใคร
“การตรวจดังกล่าวเป็นมาตรฐานที่มีราคาแพง หลักหลายพันบาท ส่วน 2,700 บาท รวมทุกอย่าง ถือว่าเป็นราคาที่ต่ำเกินไป แต่ยืนยันว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ใคร หากกรรมาธิการสาธารณสุขจะเชิญสปสช. เข้าไปให้ข้อมูลพร้อมที่จะชี้แจงอยู่แล้ว ชี้แจงได้หมด ไม่มีปัญหา ที่มีกระแสว่ามีบริษัทหนึ่งแห่ง สองแห่งอะไรนั้นยืนยันว่าสปสช.ไม่เกี่ยว”ทพ.อรรถพรกล่าว