'ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน' รมว.สธ.เชื่อไม่มีล็อกเสเปกเอื้อใคร

ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน “รมว.สธ.” เชื่อสบส.ไม่ล็อกสเปกเอื้อประโยชน์ผู้ร่วมประมูลรายใด รอบแรกตกสเปกทุกราย เล็งปรับลดเงินที่เหลือ40 % หากผลงานไม่เข้าเป้า
KEY
POINTS
- ไทยแลนด์ พาวิลเลียน สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เชื่อไม่ได้มีการไปเอื้อประโยชน์ให้รายใดรายหนึ่ง รอบแรกตกสเปคทุกราย ย้ำอีกรอบเหตุผลปรับเป็นใช้วิธี “เฉพาะเจาะจง”
- รมว.สธ.เชิญผู้เชี่ยวชาญประเมินจัดแสดงไทยแลนด์ พาวิลเลียน ลั่นผลงานไม่เข้าเป้า ไม่สมเหตุสมผล เล็งลดเงินส่วนเหลืออีก 40 % ย้ำสามารถปรับได้ทุกเดือนตลอด 6 เดือน
- ผู้บริหารสธ.นำโดยปลัดสธ.บินด่วนเข้าดู ไทยแลนด์ พาวิลเลียน ก่อนรมว.สธ.เป็นประธานเปิด 24 เม.ย.2568 และนายกรัฐมนตรีมีแผนเดินทางไปช่วงส.ค.2568
จากกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับอาคารนิทรรศการไทย หรือไทยแลนด์ พาวิลเลียน (Thailand Pavilion) ในงาน Expo 2025 Osaka Kansai ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น และมีข้อสงสัยว่ากรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)หน่วยงานที่รับผิดชอบมีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทผู้เสนองาน ผู้ประมูลงานรายหนึ่งนั้น
เชื่อไม่มีการล็อกสเปกเอื้อประโยชน์รายใด
เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2568 ที่กรมอนามัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า การออกสเปกในรอบแรกที่ดูละเอียดแล้ว ผลปรากฏว่าบริษัทที่เข้ามาประมูลตกสเปกทั้งหมด เนื่องจากมีการเขียนระบุว่าจะต้องมีการรับรองงานเอ็กซ์โปจากองค์กรที่จัดเอ็กซ์โปของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งไม่มีบริษัทไหนที่องค์กรนั้นออกรับรองผลงานให้ ทั้งที่ 2 บริษัทที่เข้ามาเสนองานนี้เคยทำเรื่องเอ็กซ์โปทั้งคู่
“เราดูแล้ว ถ้าเขาเอื้อจะไม่มีใครตกสเปกในรอบแรก แต่ผลที่ออกมาคือตกหมดเลย แสดงว่าในชุดแรกๆคงไม่ได้มีการไปเอื้อหรือไปพูดคุยอะไรกับใคร ถ้าดูตามเหตุตามผล ถ้าเอื้ออาจจะเหลือรายเดียว แต่นี่ไม่เหลือสักราย”นายสมศักดิ์กล่าว
กรมบัญชีกลางชี้ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนครั้งที่ 2 ก็ปรับให้เป็นผลงานที่ทำเอ็กโปนอกประเทศ โดยผู้รับรองผลงานเป็นองค์กรในประเทศไทย จึงมีเข้าได้ 2 กลุ่ม เมื่อพิจารณาแล้วกรรมการได้ตัดสินให้กิจการร่วมค้าอาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบเป็นผู้ชนะ และมีการร้องเรียนกันเกิดขึ้น กรมสบส.จึงส่งเรื่องนี้ไปให้กรมบัญชีกลางพิจารณา ผลออกมาว่า ไม่ได้เป็นเรื่องของการกลั่นแกล้ง จึงให้กิจการร่วมค้าอาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบเป็นผู้ชนะได้งานนี้ไป
“ผู้ชนะไม่มาทำสัญญา เพราะอ้างเหตุว่าพ้นระยะเวลาการยืนราคาแล้ว ก็เป็นสิทธิของผู้ประกอบการที่สามารถแย้งได้ว่าไม่ต้องมาเซ็นต์สัญญา ก็ไม่ถูกบังคับให้ตกคุณสมบัติ จากนั้นทางการเมืองก็เปลี่ยนจากรมว.สธ.ท่านหนึ่งเป็นอีกท่านหนึ่ง ซึ่งทั้ง 2 ท่าน ผมดูแล้วไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องอะไร ผมพูดจากตามเนื้อผ้าแล้ว”นายสมศักดิ์กล่าว
เหตุต้องใช้วิธีเฉพาะเจาะจง-เงินเพิ่ม
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า จึงต้องมีการเป็นครั้งที่ 3 ตนได้ดูระยะเวลาและเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนวิธีมาเป็นเฉพาะเจาะจง เนื่องจากราว 20 ก.ย.2566 มีการประชุมที่ญี่ปุ่นมีรายงานประชุมว่าหากประเทศไทยไม่สามารถหาผู้ประกอบการญี่ปุ่นมาสร้างพาวิลเลียนตรงนี้ได้จนถึงวันที่ 31 ต.ค.2566 ระยะเวลา 40 วัน คนที่ดำเนินการจึงต้องใช้วิธีประหยัดเวลา ทำให้ประเทศไทยไม่ตกผู้ประกอบการจากไทป์เอ มาเป็นไทป์เอ็กซ์ จึงมีการจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจง
“ส่วนครั้งที่ 3 ที่มีเงินเพิ่มประมาณ 7 ล้านบาท ก็ไปตรวจดูเหตุผล ก็เป็นเพราะเขาต้องใช้ผู้ประกอบการญี่ปุ่น สร้างที่ญี่ปุ่นเป็นแนวทาง ข้อกำหนดหรือกฎหมายของญี่ปุ่น ต้องใช้ผู้ประกอบการก่อสร้างญี่ปุ่น สเปกญี่ปุ่น อุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นของญี่ป่น จึงต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของญี่ปุ่น ต้องได้ผู้ประกอบการญี่ปุ่นมาทำต่อจากสัญญาของคนไทย ภายในวันที่ 31 ต.ค.2566 เวลาค่อนข้างจำกัดจำเขี่ย ตัวเงินก็เพิ่มขึ้นมาราว 6-7 ล้านบาท“ นายสมศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่มีข้อมูลระบุว่าก่อนกำหนดTORนั้น สบส.ได้เชิญบริษัทที่ได้งานมานำเสนอรายละเอียดต่างๆและนำข้อมูลนั้นกำหนดในTOR นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพียงแต่ว่ากรมสบส.จะต้องเดินไปให้ตามเวลา
ถ้าหากไม่ได้ผู้ประกอบการไปทำงานให้กับประเทศไทย ก็เหมือนกับว่าไม่มีความสามารถในการจัดซื้อจัดจ้างให้ทันตามเวลาได้ ซึ่งไม่ได้เสียหายเพียงแค่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แต่เสียหายภาพรวมของประเทศว่าไม่สามารถผู้รับเหมาได้ ไทยมีเศรษฐกิจที่ไม่ดีหรือไม่ คิดว่าคงมีการคำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดกับประเทศ
ถามต่อว่านอกจากสัญญามูลค่ากว่า 800 ล้านบาทแล้วมีการทำสัญญาย่อยเพิ่มเติมอีก 2 สัญญา วงเงินรวมกว่า 12 ล้านบาท นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เป็นขั้นตอนของทางราชการ ตนดูภาพรวมว่าเป็นเหตุเป็นผลหรือไม่
เล็งลดเงินอีก 40 %ที่เหลือ
“เรื่องการจัดจ้างสร้างไทยแลนด์พาวิลเลียน ผมไม่ได้สงสัยอะไร แต่ในเรื่องของโชว์ที่จัดแสดงที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ผมได้บอกว่าไปรับแก้ให้ดีเพราะในสัญญาระบุให้มีการปรับแก้ได้ตลอดระยะเวลาทุกเดือนใน 6 เดือน แต่ของที่สูญเสียไปเท่าไหร่ คณะกรรมการตรวจจ้าง ต้องพิจารณาว่าเสียหายเท่าไหร่ จะต้องปรับเงินหรือไม่ ก็ต้องไปคิดกัน”นายสมศักดิ์กล่าว
ตนจะเดินทางไปไทยแลนด์ พาวิลเลียน ในวันที่ 23 เม.ย.2568 และจะเป็นประธานเปิดในวันที่ 24 เม.ย.2568 โดยตนได้เชิญคุณวินิจ เลิศรัตนชัยที่คิดว่าเป็นผู้รู้และเชี่ยวชาญเรื่องครีเอทีพดี ให้ช่วยดูเรื่องความเหมาะสม และรายละเอียดในแต่ละเดือนว่ากิจการร่วมค้าอาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบต้องทำอะไรอย่างไร เพื่อตรวจสอบดูว่าสมเหตุสมผลกับเงินทองที่ต้องโชว์ออกมาหรือไม่ อย่างไร
“ถ้าไม่สมเหตุสมผล เงินที่ยังไม่ได้เบิกราว 40 % ก็ควรจะต้องทำอะไรกันบ้าง อย่างการลดเงินถ้าเกิดทำงานไม่พอ ก็เป็นความชอบธรรมที่จะดำเนินการได้ หากงานเขาทำไม่เต็มตามที่ระบุไว้ในสัญญา”นายสมศักดิ์กล่าว
นวดไทยได้รับความนิยม
ถามถึงส่วนที่มองว่าจะต้องปรับปรุงเร่งด่วน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ดู เพราะเพิ่งเริ่มจัดแสดงเมื่อวันที่ 13 เม.ย.2568 แต่สิ่งที่ดีใจในส่วนที่นำนวดไทยเฉพาะทางเข้าไปก้ได้รับความนิยม เป็นเรื่องของกึ่งวัฒนธรรมได้รับความสนใจ อย่างน้อยคนญี่ปุ่นที่เข้ามาให้ความสนใจจำนวนมาก ก็จะเป็นแนวทางในการเสริมให้ธุรกิจสปา นวดไทยดีขึ้น และตั้งใจจะทำเรื่องทักษะให้หมอนวดมากขึ้นและหลากหลายขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าของมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ 1.9 แสนล้านบาท โดยเฉพาะการได้ลูกค้าญี่ปุ่นเพิ่มมาอีกประเทศ
ปัดเป็นเกมการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล
“ผมมีหน้าที่ทำเรื่องต่างๆให้ชัดเจน เพราะเป็นการใช้จ่ายเงินของประเทศ ซึ่งแม้ว่าจะเริ่มต้นโครงการในปี 2562 ไม่ใช่ช่วงที่ผมเป็นรมว.สธ. แต่ในวันนี้อยู่ที่สธ. ผมก็ดูไม่ให้เสียหาย”นายสมศักดิ์กล่าว
ถามว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการเล่นการเมืองหรือความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย(พท.) กับพรรคภูมิใจไทย(ภท.) หรือพรรคร่วมรัฐบาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่เอางานราชการไปเป็นเรื่องการเมืองเด็ดขาด ในชีวิตตนปฏิบัติมาตั้งแต่เริ่มเล่นการเมือง ซึ่งตนจะเอาคุณภาพของงานของราชการเป็นเรื่องสำคัญ ไม่อยากให้มีความเสียหายทั้งสิ้น และใครจะมาเอาเปรียบราชการ ตนไม่ยอม
“มันเป็นเรื่องระหว่างประเทศและเท่าที่ผมดูกรมสบส.ได้มีการปรึกษาองค์กรกลางอย่างกรมบัญชีกลางมาตลอด ทั้งการเปิดรับผู้เสนองานครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ก็ได้ปรึกษาหมด อย่าไปสงสัยมาก เพราะมีหน่วยงานที่ 3 ได้วินิจฉัยไว้แล้ว ต้องให้ความเป็นธรรม”นายสมศักดิ์ กล่าว
ถามต่อว่ามีเงินทอนในโครงการหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มาถามตนได้อย่างไร ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้จ่ายเงินอีกราว 40 % ก็จะดูว่างานทำออกมาดีหรือไม่ดี ใครไปจ่ายใครไม่สามารถจับมือใครดมได้ อย่าไปคิดมาก
ผบ.สธ.ยกทีมไปไทยแลนด์ พาวิลเลียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2568 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วยผู้บริหารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) ได้เดินทางไปยังงานดังกล่าว ก่อนที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข จะเดินไปในวันที่ 23 เม.ย. และเป็นประธานเปิดไทยแลนด์ พาวิลเลียนในวันที่ 24 เม.ย.2568 ขณะที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางไปในช่วงเดือนส.ค.2568