อุตสาหกรรม Next Gen 'ผลิตภัณฑ์สุขภาพ' 7 กลุ่ม  มูลค่า 1 ล้านล้าน

อุตสาหกรรม Next Gen 'ผลิตภัณฑ์สุขภาพ' 7 กลุ่ม  มูลค่า 1 ล้านล้าน

เศรษฐกิจสุขภาพ 7 ผลิตภัณฑ์สุขภาพ คลัสเตอร์สุขภาพและความงาม มูลค่า 1 ล้านล้านบาท10 %ของGDP เป็น “อุตสาหกรรม Next Gen” เครื่องยนต์สำคัญ growth engines ใหม่ ตรงเทรนด์โลก

KEY

POINTS

  • “อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next - Gen Industries)”ที่มีศักยภาพในการแข่งขัน คลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม มูลค่า 1 ล้านล้าน คิดเป็น 10 %ของGDP 
  • 7 กลุ่มอุตสาหกรรม ในคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม  เครื่องยนต์สำคัญ growth engines ใหม่ของประเทศ ตรงเทรนด์โลก ท่ามกลางหลายอุตสาหกรรมเก่าที่แข่งขันต่อไม่ไหว
  • กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)-สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ร่วมขับเคลื่อน คลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม 7 กลุ่ม ตั้งคณะกรรมการอำนวยการ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและการลงทุนในประเทศ

"เศรษฐกิจสุขภาพ" กำลังถูกขับเคลื่อนมากขึ้น เพื่อให้เป็นเครื่องยนต์ใหม่สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ประกาศนโยบายมุ่งส่งเสริมสนับสนุน 6 กลุ่มธุรกิจ คาดว่าจะสร้างมูลค่าราว 6.9 แสนล้านบาท คิดเป็น 3.39 %ของGDPประเทศ ประกอบด้วย

ยกระดับภูมิปัญญาไทย ,สมุนไพรไทย ยาไทย และอาหารไทย ,การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ,ศูนย์กลางอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ , ศูนย์กลางด้านการแพทย์ และสุขภาพมูลค่าสูง หรือ ATMPs   และการดูแลสุขภาพบุคคล และความงาม โดยจะมีการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสุขภาพ หน่วยงานระดับกรมขึ้นมาขับเคลื่อน  

ขณะที่ในภาคการผลิตเชิงอุตสาหกรรม ภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) มี 47 กลุ่มอุตสาหกรรม 11 คลัสเตอร์ รวมราว 16,200 บริษัท ได้มีการกำหนด “อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next - Gen Industries)”ที่มีศักยภาพในการแข่งขัน

โดยภาคการผลิตที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสุขภาพ  อยู่ภายใต้คลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม ประกอบด้วย 7 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ สมุนไพร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ
อุตสาหกรรม Next Gen 'ผลิตภัณฑ์สุขภาพ' 7 กลุ่ม  มูลค่า 1 ล้านล้าน

ตั้งคกก.อำนวยการร่วมแก้ปัญหา

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข มีการประชุมเรื่อง “ความร่วมมือขับเคลื่อนส่งเสริมเศรษฐกิจสุขภาพประเทศไทย” ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า  การร่วมมือกันในการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพของสธ. และส.อ.ท.

นับเป็นความร่วมมือที่ส่งเสริมผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งจะช่วยเพิ่มการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพได้เป็นอย่างดี เช่น นวัตกรรมยา เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และเครื่องสำอาง เป็นต้น

จาการรับฟังมีข้อเสนอแนะของสภาอุตสาหกรรมฯ คือ การแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ ซึ่งมีเสียงสะท้อนจากอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างเช่น 

  • อุตสาหกรรมยา มีโรงงานผลิตสามารถแข่งขันได้ในประเทศ หากได้แต้มต่อในเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์ในหน่วยงานรัฐ โดยไม่ใช้กฎระเบียบเคร่งครัด และคล่องตัวก็จะเป็นการสนับสนุน 
  • อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ที่มีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีเร็วมากทำให้เกิดการแข่งขันสูง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ก็อำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่
  • อุตสาหกรรมสมุนไพร นโยบายของสธ.สนับสนุนให้ใช้สมุนไพรในประเทศ โดยงบประมาณการเบิกจ่ายยาสมุนไพรในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในปี 2569 จะเพิ่มจาก 1,000 ล้านบาทเป็น 3,000 ล้านบาท

 แต่จะเน้นหน่วยงานของรัฐใช้สมุนไพรที่รัฐผลิตและซื้อขายกันเอง ถ้าแบ่งสัดส่วนให้ภาคเอกชนได้ก็จะเป็นการสนับสนุน นอกจากนี้ เรื่องการตลาดก็มีความสำคัญ พยายามผลักดันของที่ผลิตในประเทศไทย โดยในงานโอซาก้าเอ็กซ์โป 2025  ก็จะนำของจากประเทศไทยไปจัดแสดง เพื่อส่งเสริมการตลาด

คลายล็อกกฎหมาย กระตุ้นเศรษฐกิจ

“นโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ ที่คาดว่าจะสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 6.9 แสนล้านบาทนั้น ยังไม่ได้ประมาณการจากภาคการผลิตเชิงอุตสาหกรรมมากนัก เพราะอาจต้องใช้เวลาจุดสตาร์ท  สัดส่วนที่มากที่สุดมาจากยกระดับนวดไทยราว 1.9 แสนล้าน  แต่เชื่อว่าหากรวมกับภาคการผลิตอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นอีก พร้อมส่งเสริมสนับสนุน หากมีกฎหมายที่เป็นอุปสรรคสามารถเสนอได้ เตรียมนำไปปรับปรุง รัฐบาลให้การสนับสนุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ”นายสมศักดิ์ กล่าว

อุตสาหกรรมแห่งอนาคต Next Gen

ขณะที่ เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า   จากสภาพการแข่งขัน  การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็วและการเมืองระหว่างประเทศที่มีความเข้มข้นมาก ส่งผลให้เกิดการแข่งขันอย่างรุนแรงไปทั่วโลก ประเทศไทยในภาคอุตสาหกรรมก็เช่นกัน หลายอุตสาหกรรมไม่สามารถแข่งขันได้ หรือขีดความสามารถการแข่งขันลดลง

เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่ทำมา 40-50 ปี และเป็นอุตสาหกรรม OEM รับจ้างผลิต จึงได้เฉพาะส่วนต่างของค่าแรง  แต่สภาวะของประเทศไทยจำนวนแรงงานลดลง ขณะเดียวกันก็มีราคาค่าแรงที่แพงขึ้น  ส่วนเพื่อนบ้านมีจำนวนแรงงานมากกว่าและราคาถูกกว่า หลายอุตสาหกรรมจึงเริ่มมีการย้ายฐานการผลิต บวกกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาถูกเข้ามาถล่มประเทศไทย

ส.อ.ท.ได้มีการกำหนดนโยบายอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สามารถแข่งขันได้ เรียกว่า “อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next - Gen Industries)” ประกอบด้วย  S-curve ใช้นวัตกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพิ่มมูลค่า ประมาณ 12 อุตสาหกรรม  รวมถึง BCG เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว 
อุตสาหกรรม Next Gen 'ผลิตภัณฑ์สุขภาพ' 7 กลุ่ม  มูลค่า 1 ล้านล้าน

อุตสาหกรรม growth engines ใหม่

และอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม โดยส.อ.ท.ได้ตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมนี้รวมที่เกี่ยวเนื่องจาก 7 กลุ่มอุตสาหกรรม มองเป้าว่าจะเป็นอุตสาหกรรม growth engines ใหม่ ที่ตรงเทรนด์โลก จากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และสถานการณ์โควิด 19 เป็นตัวเร่งให้คนดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมนี้ทั่วโลกมีการเติบโตก้าวกระโดด

“นี่จะเป็นจุดสำคัญของประเทศไทย เพราะว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีมูลค่าอุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์สุขภาพราว 1 ล้านล้านบาท เป็นการนำเข้าราว 537,000 ล้านบาท และส่งออก 543,000 ล้านบาท นับเป็น 10 % ของGDPประเทศไทย อุตสาหกรรมนี้จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนGDPของไทยให้เป็นไปตามเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ให้ได้ 5 %ในอนาคต ”เกรียงไกรกล่าว 

สำหรับสถานการณ์ภาพรวมของ 7 กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพ คือ

1.ยาสำเร็จรูป ผลิต 83,000 ล้านบาท นำเข้า 190,000 ล้านบาท ส่งออก 2,800 ล้านบาท  2.สมุนไพร  ผลิต 83,000 ล้านบาท นำเข้าสมุนไพร 427 ล้านบาท สารสกัด 4,800 ล้านบาท ส่งออก สมุนไพร 169 ล้านบาท   สารสกัด 380 ล้านบาท

3.เครื่องมือแพทย์ ผลิต 168,000 ล้านบาท นำเข้า 90,000 ล้านบาท ส่งออก 118,000 ล้านบาท

4.อาหาร นำเข้า 190,000 ล้านบาท ส่งออก 320,000 ล้านบาท

5.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร นำเข้า 7,700 ล้านบาท ส่งออก 974 ล้านบาท

6.เครื่องสำอาง ผลิต 320,000 ล้านบาท  นำเข้า 42,000 ล้านบาท ส่งออก 90,000 ล้านบาท

และ 7.เทคโนโลยีชีวภาพ ผลิต  120,000 ล้านบาท

ดัชนีอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพรายไตรมาส

ด้านนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม ส.อ.ท.กล่าวเสริมว่า คลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม มีการดำเนินงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด ทั้งในเชิงกฎระเบียบและมาตรฐานการผลิต การพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ การสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรม และการส่งเสริมระบบสาธารณสุขของประเทศ เพื่อให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

โดยขับเคลื่อนผ่าน  4 นโยบายสำคัญ คือ 1. การสร้างความเข้มแข็งในเครือข่ายภาคอุตสาหกรรม  2. การยกระดับสู่อุตสาหกรรมใหม่  3. การปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย/กฎระเบียบ เพื่ออำนวยความสะดวก ในการดำเนินธุรกิจ  และ 4. การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย

ทั้งนี้ ภายใต้คณะกรรมการอำนวยการ ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และ ส.อ.ท. เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและการลงทุนในประเทศ จะดำเนินการใน 3 เรื่องใหญ่ ได้แก่  1. การส่งเสริมนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ เพื่อส่งเสริมประเทศไทยเป็น Medical & Wellness Hub พร้อมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ

2. การสร้างกลไกความร่วมมือในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ระหว่างภาครัฐและเอกชน แบ่งออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นนวัตกรรม ,เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ ,การส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่วิจัย พัฒนาขึ้นในประเทศ และส่งเสริมให้มีการใช้มากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ในสถานบริการของรัฐ  และ3. แถลงข่าวดัชนีอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพรายไตรมาส