7 ความท้าทาย 5 รูปแบบใหม่ดูแลสุขภาพ ดันไทยสู่ระดับ World Class

7 ความท้าทาย 5 รูปแบบใหม่ดูแลสุขภาพ  ดันไทยสู่ระดับ World Class

คาดปี 68 มูลค่าธุรกิจเวลเนสทั่วโลกสูงถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์  ในไทยคาดแตะ 7.6 แสนล้านบาทในปี 70 ดันไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง เน้นยกระดับบริการด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง-อัตลักษณ์ไทย สู่ World Class ท่ามกลาง 7 ความท้าทาย และ 5 รูปแบบใหม่ดูแลสุขภาพ

เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2568 ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ ในการเปิดการอบรมหลักสูตร Medical Hub Executive Program 2025 (รุ่นที่ 2 ) ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล  ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “New World : New Paradigm in Healthcare Industry”ว่า การเปลี่ยนแปลงของโลกต่อระบบสุขภาพ มีทั้งเรื่องใช้เทคโนโลยี AI ในการบริหารจัดการ/Wearable devices/ Telemedicine , Big Data ในการวิเคราะห์ข้อมูล , สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ,การเปิดกว้างกลุ่มคนข้ามเพศ (LGBTQ+) , ความเป็นเมือง (Urbanization) ,ภาวะเศรษฐกิจในการเข้าถึงบริการสุขภาพ และ นโยบายประเทศในการเข้าถึง บริการสุขภาพ

ส่วนแนวโน้มด้านสุขภาพที่สำคัญ คือ การป่วยด้วยโรค NCD เพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมถึง ประเทศไทย เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ,การให้ความสำคัญกับสุขภาพเชิงป้องกัน ,ความก้าวหน้าของ เทคโนโลยีทางการแพทย์สูงขึ้นมาก และความต้องการบริการสุขภาพมีแนวโน้มสูงขึ้น (High Demand)
7 ความท้าทาย 5 รูปแบบใหม่ดูแลสุขภาพ  ดันไทยสู่ระดับ World Class

7 ความท้าทาย ระบบสุขภาพ

ประเทศไทยทุกรัฐบาลชูนโยบายเรื่องเมดิคัลฮับ แต่ยังมีความท้าทาย 7 เรื่อง ได้แก่ 

1.ทรัพยากรสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และสภาพภูมิอากาศ เช่น PM 2.5

2. การกระจายบริการบุคลากร และเครื่องมือทางการแพทย์ (Accessibility)

3. ค่าใช้จ่ายสุขภาพที่สูงขึ้น และข้อจำกัดงบประมาณภาครัฐ (High Expectation Budget)

4. ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเกิดโรคอุบัติใหม่ และความขัดแย้งระดับโลก

5. ความท้าทายเทคโนโลยี Disruption/การใช้ Big Data

6.การลงทุนใน Healthcare/ ยาพุ่งเป้า

7. Lifestyle Medicine

5 รูปแบบใหม่ ดูแลสุขภาพ  

สำหรับNew Paradigm ที่เป็นรูปแบบใหม่ในการดูแลสุขภาพ  5 รูปแบบที่จะเกิดขึ้น  คือ

1.Holistic Healthcare  มีรายงานว่าสุขภาพคนเราจะหมดไปก่อนเสียชีวิตถึง 9 ปี เช่น มีการเจ็บป่วยด้วยการติดเตียง เป็นต้น  จึงต้องดูแลสุขภาพทั้งเรื่องร่างกาย อารมณ์ จิตใจ จิตวิญญาณ

2. Personalized การดูแลเฉพาะบุคคล  การแยกยีนทำให้รู้ว่าแต่ละคนมียีนแตกต่าง และแพ้ยา หรือได้ผลกับบางสิ่งไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ต้องรู้การให้ยาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล 

3. Digital Healthcare การนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้กับการแพทย์ 

4. Participatory Healthcare การดูแลสุขภาพโดยการมีส่วนร่วม  ผู้ป่วย และญาติร่วมดูแลตัวเอง ญาติพี่น้องช่วยดูแลความเจ็บป่วยของแต่ละคนด้วย

 5. Value-Based Healthcare การรักษาด้วยคุณค่าคือ ต้องทำให้สุขภาพดีขึ้น โดยค่าใช้จ่ายที่เท่าเดิมหรือลดลง 

ไทยพลิกโฉมด้วยการแพทย์มูลค่าสูง

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวด้วยว่า  ประเทศไทยมีการประกาศไว้ชัดเจนว่าจะพลิกโฉม โดยส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ และสุขภาพมูลค่าสูง ประกอบด้วย   

  • มิติภาคการผลิต และบริการเป้าหมาย  ด้วยการที่ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ และสุขภาพมูลค่าสูงเน้นยกระดับบริการทางการแพทย์ และสุขภาพด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง และอัตลักษณ์ไทย  และไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมดิจิทัลของอาเซียน มุ่งเน้นผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในทุกภาคส่วน ต่อยอดอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไปสู่อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
  • มิติความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม  โดยไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียน และสังคมคาร์บอนต่ำ ให้ความสำคัญกับการนำขยะ และของเสียมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์ รวมถึงเพิ่มการใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และไทยสามารถลดความเสี่ยง และผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • มิติปัจจัยผลักดันการพลิกโฉมประเทศ  โดยไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูงมุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต โดยเพิ่มกำลังคนคุณภาพรองรับ ภาคการผลิตเป้าหมาย และพัฒนาระบบนิเวศเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต

คาดปี 70 Medical Tourism ไทยแตะ 7.6 แสนล้าน

การคาดการณ์ไปข้างหน้า  ภาพรวมอุตสาหกรรม Healthcare  ตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหรือWellness Tourism ทั่วโลกเติบโต ปีละ 20% ซึ่งGlobal Wellness Institute คาดปี 2568 มีมูลค่าธุรกิจ Wellness ทั่วโลกสูงถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์  

ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมการแพทย์ของไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) ที่มีศักยภาพในการเสริมความแข็งแกร่งทางสังคม และเศรษฐกิจ มีการคาดการณ์ว่าMedical Tourism ของไทยในปี 2566 จะอยู่ที่ 3.1 แสนล้านบาท และอาจแตะระดับ 7.6 แสนล้านบาทในปี 2570 เนื่องจากไทยนับว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ การท่องเที่ยว ความเชี่ยวชาญของบุคลากร ราคาที่เข้าถึงได้ และความเป็นไทยที่ได้ใจคนทั่วโลก

ดันไทย World Class ด้านการแพทย์ และเวลเนส

“ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ และสุขภาพ 3 เหตุผลทำให้ประเทศไทยเป็นเลิศ ด้านการแพทย์มีชื่อเสียงระดับWorld Class เพราะมีสถานพยาบาลระดับWorld Class ,บุคลากรมีความสามารถเป็นที่ยอมรับ , ค่าใช้จ่ายสมเหตุผล และรัฐบาลไทยประกาศเป็นนโยบายสำคัญทั้ง 4 ด้าน”ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าว

ขณะที่ภาครัฐมีการดำเนินการแล้วในประเทศไทย คือ การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทย ด้วยโมเดลเศรษฐกิจBCG โดยสาขายาและวัคซีน มีเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งตนเองด้วยการวิจัย พัฒนา ผลิต และบริการเพื่อลดการนำเข้าเพิ่มการส่งออกสนับสนุนให้ ประเทศเป็น Medical Hub และเป็นฐานการผลิตเพื่อความมั่นคงด้านสุขภาพของคนไทย

ตั้งเป้าภายในปี 2570  สัดส่วนของการเข้าถึงบริการจากเทคโนโลยีขั้นสูง ด้านสุขภาพของคนไทยเพิ่มขึ้น 1 ล้านคน และลดการนำเข้ายาวัคซีนไม่น้อยกว่า 7,500 ล้านบาทต่อปี

สิ่งที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูงมาก คือ Advanced Therapy Medicinal Products (ATMPs) หรือ ผลิตภัณฑ์การแพทย์ชั้นสูง  เป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับมนุษย์ที่มีส่วนผสมของยีน เซลล์หรือเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตที่มุ่งหมาย สำหรับใช้ในการวินิจฉัย บำบัด บรรเทา รักษาหรือป้องกันโรคหรือความเจ็บป่วยของมนุษย์หรือมุ่งหมาย สำหรับให้เกิดผลแก่สุขภาพโครงสร้างหรือกระทำหน้าที่ใดๆ ของร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นการใช้เฉพาะรายบุคคล
ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านGenomic medicine ระดับอาเซียน ภายใน 5 ปี โดยประชาชนไทยสามารถเข้าถึงบริการ ด้านGenomic medicine อย่างมีคุณภาพ  ซึ่ง ครม. อนุมัติ เมื่อ 26 มีนาคม 2562 เห็นชอบ ในหลักการแผนปฏิบัติการบูรณาการ จีโนมิกส์ประเทศไทย(พ.ศ.2563-2567) งบประมาณรวม 4,470 ล้านบาท ใน 5 ปี เพื่อวิเคราะห์ถอดรหัสยีนคนไทย 50,000 คน
7 ความท้าทาย 5 รูปแบบใหม่ดูแลสุขภาพ  ดันไทยสู่ระดับ World Class

จากจีโนมิกส์ไทยแลนด์จะทำให้เกิดการบริการด้านการแพทย์จีโนมิกส์ใหม่ในประเทศไทย โดยมีศูนย์บริการนวัตกรรมทางการแพทย์แห่งอนาคต การดูแล และรักษาสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล มีประสิทธิภาพมากขึ้น การวินิจฉัย และวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุดแบบเฉพาะบุคคล

โดยคนไทยสามารถเข้าถึงการแพทย์แบบจีโนมิกส์อย่างทั่วถึง รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายลง ยกระดับขีดความสามารถทางการแพทย์ของไทยให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาแบบเฉพาะบุคคล หวังสร้างให้ไทยก้าวสู่การเป็นGenomic Center แห่งASEAN

นอกจากนี้ ศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ และนวัตกรรม( ASEAN Center for Active Aging and Innovation) ตั้งอยู่ในประเทศไทย  เป็นศูนย์ที่ระดมความรู้ความชำนาญจากอาเซียน เพื่อการพัฒนาผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ และนวัตกรรม เป็นการแสดงถึงการก้าวไปข้างหน้าเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย และอาเซียน

พลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัล และเอไอเต็มรูปแบบ 

ท้ายที่สุด ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า  อนาคตระบบสุขภาพไทยพลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัล และเอไอเต็มรูปแบบ  โดยการเรียนรู้จากโควิด-19 จะพลิกโฉมระบบสุขภาพไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด  มีการปรับตัวสู่Valued-based  ,คนไทยสุขภาพดีมีความรอบรู้ ด้านสุขภาพ ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ร่วมดูแลสุขภาพของตนเอง ,บริการสาธารณสุขมุ่งเน้น ส่งเสริม ป้องกัน บริการสุขภาพปฐมภูมิ และใช้เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล ,บูรณาการ การทำงาน และกระจายอำนาจ , บุคลากรทางการแพทย์มีการกระจายที่ดี ปริมาณพอเพียง มีคุณภาพชีวิตที่ดี และนวัตกรรมทางการแพทย์พัฒนาอย่างก้าวกระโดด และมีความเป็นเลิศ

“อนาคตประเทศไทย เราต้องการความเข้มแข็งด้านสุขภาพ โดยประชาชนชาวไทยจัดการ สุขภาพและคุณภาพชีวิต ได้อย่างทรงพลัง มีการแพทย์ก้าวหน้า การค้ากว้างไกล และสร้างเศรษฐกิจไทยสู่เวทีโลก”ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าว

จุดเด่น Big 4 Innovation

ด้าน นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ  กล่าวว่า  หลักสูตร Medical Hub Executive Program 2025 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้บริหารทั้งภาครัฐ และภาคธุรกิจ ให้มีองค์ความรู้ทางวิชาการที่ทันสมัย เป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านธุรกิจการดูแลสุขภาพ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นหมุดหมายที่สำคัญของโลก ประกอบกับรัฐบาลไทยได้ประกาศนโยบายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ซึ่งผู้ที่เข้าอบรมในหลักสูตรจะมีการจัดทำรายงานวิชาการกลุ่ม ที่เป็นสุดยอดข้อเสนอเชิงนโยบายต่ออุตสาหกรรม Health and Wellness ที่จะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ภายใต้นโยบาย Medical Hub
7 ความท้าทาย 5 รูปแบบใหม่ดูแลสุขภาพ  ดันไทยสู่ระดับ World Class

สำหรับจุดเด่นของหลักสูตร ได้ออกแบบผ่านแกนกลาง หลักสูตรที่มีเนื้อหาทันสมัย เพื่อให้ผู้เข้าอบรมดำเนินธุรกิจที่ถูกต้องตาม กฎหมาย และพร้อมก้าวเข้าสู่เวทีโลก กล่าวคือ Big 4 Innovation Module ”G for D H S S”  ประกอบด้วย

  • G for D (Domestic and International Laws & Regulations in Healthcare Industry) เป็นการบรรยาย และ Open House ที่มุ่งเน้นกฎหมายที่เกี่ยวข้องสำหรับการดำเนินธุรกิจสุขภาพ
  • G for H (Health and Wellness Industry) เน้นกรณีศึกษาของกิจการด้านสุขภาพชั้นนำ ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ ทั้งใน และต่างประเทศ ทั้งบริการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ ภาคการศึกษา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ รวมถึงความก้าวหน้าในงานวิจัย และนวัตกรรมสมัยใหม่
  • G for S (Global Strategy and Potential Agenda) มุ่งเน้นการเสนอทิศทางนโยบายรัฐบาล สภาพสังคม เศรษฐกิจ ทั้งใน ปัจจุบันและอนาคต รองรับความเป็นสากล
  • G for S (Sustainable and Seeking business matching) แสวงหาความร่วมมือในการประกอบธุรกิจที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อน เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และยกระดับอุตสาหกรรมสุขภาพให้มีมูลค่าสูง รองรับระดับนานาชาติ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์