5 โรคที่เกือบลืม แต่หวนกลับมาแพร่ระบาดใหม่

5 โรคที่เกือบลืม แต่หวนกลับมาแพร่ระบาดใหม่

มีหลายโรคที่คนไทยเกือบลืมไปแล้ว แต่กลับมีสถานการณ์โรคระบาดเกิดขึ้นในต่างประเทศหรือในประเทศไทยมาใหม่ จนทำให้ต้องตระหนักเรื่องการป้องกันโรคมากยิ่งขึ้น

KEY

POINTS

  • มีหลายโรคที่คนไทยเกือบลืมไปแล้ว แต่กลับมีสถานการณ์โรคระบาดเกิดขึ้นในต่างประเทศหรือในประเทศไทยมาใหม่ จนทำให้ต้องตระหนักเรื่องการป้องกันโรคมากยิ่งขึ้น
  • 5 โรคติดต่อ ไข้หวัดนก อหิวาตกโรค ไอกรน วัณโรค และฝีดาษ(วานร) ล้วนเป็นโรคที่กลับมาพบผู้ป่วยมากขึ้นและระบาด จากที่คนไทยไม่ได้มีความตระหนักในโรคเหล่านี้มานาน
  • ไทยมีระบบติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์ระบาดได้โดยเร็ว กำหนดโรคติดต่ออันตราย 13 โรคและโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังกว่า 50 โรค

โรคบางโรคที่เคยเกิดการระบาดในประเทศไทย แต่เงียบสงบไปนาน จนคนไทยเกือบลืมนึกถึง แต่ไม่นานมานี้กลับมีสถานการณ์ที่น่ากังวล เกี่ยวกับการระบาด หวนกลับมาให้ต้องตระหนักในการป้องกันโรคมากยิ่งขึ้น 

หรืออาจจะเรียกว่า “โรคอุบัติซ้ำ” ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่เคยระบาดแล้วในอดีต แต่กลับมาระบาดซ้ำในปัจจุบัน หรือในอนาคตอันใกล้ ซึ่งการเกิดขึ้นของโรคอุบัติซ้ำ จะเป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทย ทำให้เกิด ผลกระทบต่อสุขภาพ เกิดโรคเรื้อรัง พิการ หรือเสียชีวิตได้ ,ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ในด้านการท่องเที่ยว การค้า และการผลิต และผลกระทบทางสังคม สร้างความตื่นตระหนกและความไม่มั่นคงในสังคม

สาเหตุที่โรคกลับมาระบาด

  • การกลายพันธุ์ของเชื้อ จึงมีความสามารถในการปรับตัว มีความสามารถในการต้านทานยา รวมถึง แพร่กระจายได้ง่ายขึ้นและหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ที่เคยติดเชื้อ หรือได้รับวัคซีน อาจไม่สามารถรับมือกับสายพันธุ์ใหม่ได้ ทำให้เกิดการระบาดซ้ำขึ้นได้
  •  การเดินทางและการขนส่ง โดยการที่คนสามารถเดินทางข้ามประเทศได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ทำให้เชื้อโรคสามารถแพร่กระจายไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึง การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทำให้เชื้อโรคสามารถติดมากับสินค้าต่างๆ และแพร่กระจายไปยังประเทศปลายทางได้
  •  การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ตั้งแต่เรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จนเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิดมากขึ้น ,การทำลายป่าทำให้สัตว์ป่าที่เป็นพาหะนำโรคต้องอพยพและสัมผัสกับมนุษย์มากขึ้น
  •  ความต้านทานยาปฏิชีวนะ  เนื่องจากมีการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่ถูกต้องหรือมากเกินไป ทำให้แบคทีเรียดื้อยาและเชื้อดื้อยาสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คนได้
  • ปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจ อย่างความยากจน  ผู้ที่มีฐานะยากจนมักขาดแคลนอาหารและน้ำสะอาด ทำให้มีภูมิคุ้มกันต่ำและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ,การขาดการเข้าถึงบริการสาธารณสุขทำให้การตรวจหาและรักษาโรคเป็นไปอย่างล่าช้า และพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง เชื้อโรคสามารถแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น

โรคที่คนไทยเกือบลืม แต่กลับมาระบาด

สำหรับในประเทศไทย โรคที่หลายคนอาจเกือบลืมไปแล้ว เนื่องจากไม่พบผู้ป่วยหรือไม่มีเหตุการณ์ระบาดมานาน แต่ปัจจุบันกลับมีการระบาดในบางประเทศ รวมถึง ไทยด้วย

1.ไข้หวัดนก ประเทศไทยมีรายงานพบผู้ป่วยล่าสุดเมื่อปี 2549 และมีผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2547 - 2549 จำนวนทั้งสิ้น 25 ราย เสียชีวิต 17 ราย  แต่ในต่างประเทศมีรายงานการพบผู้ป่วยและเกิดการระบาดเป็นระยะๆ

โดยเฉพาะในปี 2567 ที่มีรายงานการพบผู้ป่วยไข้หวัดนกที่ไม่ได้มาจากการสัมผัสสัตว์ปีก โดยมาจากสัมผัสสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อย่างสุกรและโคนม  ซึ่งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศในแถบอาเซียนก็มีรายงานการพบผู้ป่วยด้วยทั้งลาว เวียดนาม กัมพูชา รวมถึง จีน 

ทั้งนี้ การพบเชื้อกลายพันธุ์มาติดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและมาสู่คนนี้ เป็นสิ่งที่ต้องจับตา และเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่มีความเสี่ยง  อาจจะมีการกลายพันธุ์ และเกิดการผสมพันธุ์ระหว่างไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ และไข้หวัดคนเกิดขึ้น จนมีความสามารถในการแพร่กระจายเชื้อจากคนไปสู่คนได้ จากเดิมที่ไม่มีคุณสมบัตินี้เป็นเพียงการติดต่อจากสัตว์สู่คน

2.อหิวาตกโรค  เกิดการระบาดที่ทำให้คนไทยหันมาสนใจโรคนี้มากขึ้น เมื่อปลายปี 2567 เกิดการระบาดในประเทศเมียนมา พื้นที่ชายแดนติดต่อกับจ.ตาก ในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 2567   พบรายงานผู้ป่วยยืนยัน จำนวน 11 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต ในนี้เป็นการระบาดในจังหวัดตาก 6 ราย ปัจจุบันประเทศไทยแนวโน้มผู้ป่วยลดลงแต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

ส่วนปี  2568 พบผู้ป่วยแล้ว 2 ราย เป็นคนไทยเพศหญิงอายุ 51 ปี พื้นที่กรุงเทพฯ และคนไทยเพศชายอายุ 90 ปี จ.ตาก ยังไม่มีผู้เสียชีวิต

ขณะที่เมื่อปลายเดือนธ.ค.2567 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ “อหิวาตกโรค” เป็น “ภาวะฉุกเฉินครั้งใหญ่” หรือ Major Emergency

3.โรคไอกรน ถึงจะมีการกำหนดให้เด็กเกิดใหม่ทุกคนต้องฉีดวัคซีนป้องกันคอ ตีบ ไอกรน บาดทะยัก ซึ่งจัดเป็นวัคซีนพื้นฐานที่รัฐจัดให้มีการฉีดฟรี แต่หลายๆคนก็คงนึกว่าโรคนี้ไม่มีในประเทศไทยไปนานแล้ว

แต่ในความเป็นจริงโรคไอกรนยังคงมีการระบาดเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีอัตราความครอบคลุมในการฉีดวัคซีนซ้ำ  และล่าสุดเมื่อปลายปี 2567  พบการระบาดของโรคนี้ในโรงเรียนมัธยมฯแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ
เรื่องนี้คณะกรรมการโรคต่อต่อแห่งชาติ เน้นเรื่องความครอบคลุมการได้รับวัคซีนไอกรนในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ทุกพื้นที่ให้ได้มากกว่า 90% และเน้นการให้วัคซีนไอกรนชนิดไร้เซลล์ในหญิงตั้งครรภ์ทุกราย เพื่อให้เด็กแรกคลอดมีภูมิคุ้มกันต่อโรคไอกรน รวมถึงเฝ้าระวังอาการสงสัยโรคไอกรน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียน หากพบผู้ที่มีอาการสงสัยให้รีบพบแพทย์
5 โรคที่เกือบลืม แต่หวนกลับมาแพร่ระบาดใหม่
4.วัณโรค ถึงจะไม่มีการปรากฎการระบาดเป็นกลุ่มก้อนชัดเจน แต่ก็เรียกได้ว่าเป็น “โรคที่แทรกซึมอยู่ในสังคม” และยังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย โดยมีการตั้งเป้าลดวัณโรคลงให้ได้ 80-90% ในช่วง 10 ปี นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่มีเชื้อวัณโรคแฝงอีกจำนวนไม่น้อย คือมีเชื้ออยู่ในร่างกาย แต่ร่างกายยังแข็งแรงจึงไม่แสดงอาการป่วย 
5.ฝีดาษ(วานร) ฝีดาษหรือไข้ทรพิษเป็นโรคที่เคยเกิดการระบาดใหญ่ในประเทศไทยเมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลับพบเชื้อในกลุ่มฝีดาษ ปรากฎการระบาดขึ้นทั่วโลกอีกครั้ง เพียงแต่คนละสายเป็นการระบาดที่เกิดจากเชื้อไวรัส monkeypox
ปัจจุบันสถานการณ์โรคฝีดาษวานรว่า ทั่วโลกคนไข้ลดน้อยลง  สำหรับประเทศไทยปี 2567  คนไข้ทั้งหมด 176 ราย ลดลงจากปี 2566 ที่มี 676 ราย 3 เท่ากว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย วัยกลางคน

โรคติดต่ออันตราย - เฝ้าระวังในไทย

แม้จะกล่าวว่าคนไทยอาจเกือบลืมโรคเหล่านี้ไปแล้ว แต่การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงมีระบบติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์ระบาดได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ ประเทศไทย กำหนดโรคติดต่ออันตราย หมายความว่า โรคติดต่อที่มีความรุนแรงสูงและ สามารถแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว  ขณะนี้มี 13 โรค ได้แก่ กาฬโรค,  ไข้ทรพิษหรือฝีดาษ,ไข้เลือดออกไครเมียนคองโก, ไข้เวสต์ไนล์, ไข้เหลือง, โรคไข้ลาสซา, โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์, โรคติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์ก, โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา, โรคติดเชื้อไวรัสเฮนดรา, โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือโรคซาร์ส, โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส  และวัณโรคดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรงมาก  

และกำหนดโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หมายความว่า โรคติดต่อที่ต้องมีการติดตาม ตรวจสอบ หรือจัดเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันกำหนดไว้กว่า 50  โรค โดยไข้หวัดนก อหิวาตกโรค  ไอกรน  วัณโรคและฝีดาษวานร จัดอยู่ในกลุ่มนี้