เตือน 'ไข้เลือดออก' ระบาดหนัก! เดือนเดียวป่วยพุ่ง 8 พันคน เสียชีวิตแล้ว 13 ราย

เตือน 'ไข้เลือดออก' ระบาดหนัก! เดือนเดียวป่วยพุ่ง 8 พันคน เสียชีวิตแล้ว 13 ราย

ระบาดหนัก! กรมควบคุมโรค เผยตัวเลขผู้ป่วย 'ไข้เลือดออก' เดือนเดียวพบป่วยพุ่งกว่า 8 พันคน เพิ่มขึ้น 1.9 เท่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโรค 'ไข้เลือดออก' แล้ว 8,197 ราย มากกว่าปี 2566 ที่พบผู้ป่วย 4,286 ราย หรือเพิ่มขึ้นถึง 1.9 เท่า และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

โดย ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก สูงสุดในกลุ่มอายุ 5-14 ปี พบมากทางภาคใต้ และภาคกลาง เสียชีวิตแล้ว 13 ราย กระจายใน 11 จังหวัด และเสียชีวิตมากสุดในกลุ่มที่อายุมากกว่า 65 ปี

 

จึงขอเน้นย้ำให้สถานพยาบาลทุกแห่งจ่าย 'ยาทากันยุง' ให้ผู้ป่วย 'โรคไข้เลือดออก' ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในแผนกผู้ป่วยนอก ป้องกันการกระจายเชื้อไข้เลือดออกในตัวผู้ป่วยสู่ชุมชน เพราะผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกหากถูก ยุงลายกัด สามารถส่งต่อเชื้อให้ผู้อื่นได้

 

 

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า ผู้ที่ไม่ป่วยแต่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก หรืออาศัยอยู่ในละแวกบ้านเดียวกับผู้ป่วยก็ต้องทายากันยุงเช่นกัน เพื่อป้องกันยุงกัด หากมีอาการ เช่น ไข้สูงลอย ร่วมกับอาการปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา หน้าแดง กระหายน้ำ หรือมีจุดเลือดออกที่ลำตัว แขน ขา ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน, ไดโคลฟีแนค, แอสไพริน รวมถึงยาชุด เพราะจะทำให้เลือดออกมากในทางเดินอาหารและยากต่อการรักษา เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

 

ทั้งนี้หากรับประทานยาลดไข้ หรือเช็ดตัวแล้วไข้ไม่ลด หรือลดแล้วไข้กลับมาสูงอีก ควรรีบพบแพทย์ทันที ซึ่งโรคไข้เลือดออกหากได้รับการรักษาเร็วจะสามารถป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้