'กาชาด' โต้ 'กสม.' ปมรับบริจาคเลือด ยันไม่ปิดกั้น

'กาชาด' โต้ 'กสม.' ปมรับบริจาคเลือด ยันไม่ปิดกั้น

ปมรับบริจาคเลือด กาชาดโต้ กสม. ให้ข่าวคลาดเคลื่อน ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความเสียหายต่องานบริการโลหิตของประเทศไทย ยันไม่ปิดกั้นกลุ่มบุคคลหลากหลายทางเพศ

     จากที่ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยแพร่ข่าวผ่านสื่อต่างๆ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา กล่าวถึง ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จำกัดสิทธิการบริจาคโลหิตในผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ทำให้ผู้บริจาคโลหิตและประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และการดำเนินงานบริการโลหิตของประเทศ

     รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ตระหนักถึงหลักการความเท่าเทียมกันของมนุษย์และมาตรฐานสากลในการคัดเลือก ผู้บริจาคโลหิต ที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริจาคและผู้ป่วยผู้รับโลหิตเป็นสำคัญ จากกรณีที่ กสม. เผยแพร่ข่าวว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย

      ระบุว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้หญิงข้ามเพศที่ไปบริจาคโลหิต กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ถูกปฏิเสธการบริจาคโลหิตจากเพศสภาพนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากเหตุผลที่ไม่ผ่านการคัดเลือกครั้งนั้น คือ การให้ประวัติว่ามีเพศสัมพันธ์แบบชายกับชาย ซึ่งเป็นความเสี่ยงด้านพฤติกรรมทางเพศสัมพันธ์ที่จำเป็นต้องงดบริจาคโลหิตตามเกณฑ์สากลที่หลายประเทศยังคงยึดถือปฏิบัติ โดยมิได้ปิดกั้นกลุ่มบุคคลหลากหลายทางเพศ

       กรณีที่ปรากฏในคำร้องเรียนเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2562 ที่ผู้ร้องเรียนถูกปฏิเสธการบริจาคโลหิตจากพฤติกรรม เป็นไปตามเกณฑ์คัดเลือกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดยที่ กสม. ไม่ได้พิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าเป็นกรณีเดิมที่ กสม. เคยสอบถาม  มายังศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2564 ซึ่งศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้ออกหนังสือตอบอธิบายไปแล้ว 2 ครั้ง และประเด็นนี้ยังอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

     ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้มีการทบทวนเกณฑ์ ปรับคำถามในการคัดกรองและประชาสัมพันธ์มาอย่างสม่ำเสมอ ให้ประชาชนมีความเข้าใจในสถานการณ์และเกณฑ์ต่างๆ ที่ปรับใหม่ให้ตรงกัน (ติดตามได้ทางเว็บไซต์ www.blooddonationthai.com) นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2564 ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ยังได้ริเริ่มและอยู่ระหว่างดำเนินโครงการวิจัยความเสี่ยงของการถ่ายทอดเชื้อทางโลหิตในชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย โดยได้รับทุนจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และความร่วมมือจากสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทยเป็นอย่างดี

       จากข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นการยืนยันว่า ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มิได้มีการเลือกปฏิบัติหรือตีตราผู้มีความหลากหลายทางเพศแต่อย่างใด หากแต่มุ่งมั่นในการให้บริการโลหิตที่ปลอดภัยทั้งผู้ให้และผู้รับ ตามมาตรฐานทางวิชาการระดับสากล การแถลงข่าวของ กสม. ทำให้สภากาชาดไทยในฐานะที่เป็นศูนย์กลางหลัก      ของงานบริการโลหิตของประเทศ เสื่อมเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์องค์กร ขอให้ กสม. ทบทวนและแถลงแก้ข่าวที่คลาดเคลื่อนดังกล่าวด้วย