WHO เตือนเฝ้าติดตามโอไมครอนลูกผสม 3 สายพันธ์ย่อย XBB.1.5-XBB.1.16-XBB.1.9

WHO เตือนเฝ้าติดตามโอไมครอนลูกผสม 3 สายพันธ์ย่อย XBB.1.5-XBB.1.16-XBB.1.9

องค์การอนามัยโลก แถลงเตือนให้ทั่วโลกเฝ้าติดตามโอไมครอนลูกผสม 3 สายพันธุ์ คือ XBB.1.5, XBB.1.16 และ XBB.1.9 อย่างใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2566 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล (รพ.)รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุ องค์การอนามัยโลก แถลงเตือนให้ทั่วโลกเฝ้าติดตามโอไมครอนลูกผสม 3 สายพันธุ์คือ XBB.1.5, XBB.1.16 และ XBB.1.9 อย่างใกล้ชิด

ดร.มาเรีย ฟาน เคอร์โคฟ หัวหน้าด้านเทคนิคขององค์การอนามัยโลกสำหรับโควิด-19 ได้แถลงอัปเดตเกี่ยวกับโอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสม โดยเน้นที่โอไมครอน 3 สายพันธุ์ลูกผสม คือ XBB.1.5, XBB.1.16 และ XBB.1.9 ซึ่งมีความโดดเด่นในด้านการแพร่ระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้

ดร. เดโบราห์ เบิร์กซ์ (Deborah Birx) อดีตแพทย์ผู้ประสานงานโควิด-19 ของทำเนียบขาวในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เชื่อว่าในที่สุดแล้วโควิด-19 จะกลายพันธุ์ดื้อต่อยา “แพกซ์โลวิด (Paxlovid)” อันอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างรวดเร็ว

ปรับปรุง 30/4/2566 เวลา 8:30

WHO เตือนเฝ้าติดตามโอไมครอนลูกผสม 3 สายพันธ์ย่อย XBB.1.5-XBB.1.16-XBB.1.9

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

องค์การอนามัยโลก กล่าวว่าการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดมีความสำคัญสูงสุดในการติดตามการแพร่กระจายของโอไมครอนตระกูล XBB เพื่อสามารถปรับมาตรการด้านสาธารณสุขในแต่ละประเทศได้ทันท่วงทีหากเกิดแพร่ระบาดอย่างฉับพลัน (Outbreak)

องค์การอนามัยโลกกล่าวต่อว่าในแต่ละสัปดาห์ยังมีผู้คนหลายล้านคนกำลังติดเชื้อ (ซ้ำ) โดยมีผู้ป่วยหลายแสนคนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และอีกหลายพันคนที่เสียชีวิตจากโควิด-19 ในช่วงเวลาแห่งความท้าทายขณะนี้ องค์การอนามัยโลกยังคงทำงานอย่างแข็งขันเพื่อสนับสนุนและแนะนำประเทศต่าง ๆ ในความพยายามที่จะต่อสู้กับโควิด-19

จากการถอดรหัสพันธุกรรมโควิด-19 ทั้งจีโนมในประเทศสหรัฐอเมริกาพบการระบาดของโอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสม XBB 3 สายพันธุ์ย่อย คือ XBB.1.5, XBB.1.16 และ XBB.1.9.1 คิดเป็นร้อยละ 68.8,11.7 และ 9.0 โดยพบการระบาดรวมคิดเป็นร้อยละ 89.5 ของโควิดทุกสายพันธุ์ที่ระบาดภายในประเทศ

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดีได้นำรหัสพันธุกรรมโควิด-19 ทั้งจีโนมในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 15 มีนาคม-29 เมษายน 2566 ที่มีการอัปโหลดขึ้นบนฐานข้อมูลโควิดโลก จีเสส (GISAID) จากหลายหน่วยงาน มาวิเคราะห์พบการระบาดของโอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสม ตระกูล XBB สามสายพันธุ์ย่อย คือ XBB.1.5, XBB.1.16 และ XBB.1.9.1 คิดเป็นร้อยละ 23, 16 และ 19 โดยพบการระบาดรวมคิดเป็นร้อยละ 58 ของโควิดทุกสายพันธุ์ที่ระบาดภายในประเทศ

WHO เตือนเฝ้าติดตามโอไมครอนลูกผสม 3 สายพันธ์ย่อย XBB.1.5-XBB.1.16-XBB.1.9

เมื่อมีการระบาดของโอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสมตระกูล XBB สามสายพันธุ์ย่อย คือ XBB.1.5, XBB.1.16 และ XBB.1.9.1 เพิ่มขึ้นย่อมหมายถึง

1. วัคซีนรุ่นแรกผลิตจากไวรัสอู่ฮั่น และรุ่นที่สองผลิตจากไวรัสสองสายพันธุ์ (bivalent vaccine booster) จะด้อยประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19

2. จะมีแอนติบอดีสำเร็จรูปเพียงชนิดเดียวคือ โซโทรวิแมบ (sotrovimab) ที่สามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนของโอไมครอน XBB.1.5, XBB.1.16 และ XBB.1.9.1 ในร่างกายผู้ติดเชื้อ

3. จะมีการใช้ยาต้านไวรัส โมลนูพิราเวียร์ แพกซ์โลวิด (Molnupiravir & Paxlovid) เพิ่มขึ้นอันอาจส่งผลให้เกิดเชื้อไวรัสโควิด-19 ดื้อยาขึ้นได้ในลักษณะเช่นเดียวกับที่เกิดกับเชื้อเอชไอวีที่ดื้อต่อยาต้านไวรัสในอดีต

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม (คลิกที่นี่)

WHO เตือนเฝ้าติดตามโอไมครอนลูกผสม 3 สายพันธ์ย่อย XBB.1.5-XBB.1.16-XBB.1.9

ดร. เดโบราห์ เบิร์กซ์ (Deborah Birx) อดีตแพทย์ผู้ประสานงานโควิด-19 ของทำเนียบขาวในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างเดือนมีนาคม 2020 ถึงมกราคม 2021 ดร. เบิร์กซ์ ดูแลการพัฒนานวัตกรรมที่นำมาใช้ต่อสู้กับโรคโควิด-19 การแจกจ่ายชุดตรวจ กระจายยาแอนติบอดีสำเร็จรูป ยาต้านไวรัส และวัคซีนในการต่อสู้กับโควิด-19

ดร. เบิร์กซ์ ได้ให้สัมภาษณ์ในงานประชุม Brainstorm Health ที่นิตยสารฟอร์จูนเป็นผู้จัด เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2566 โดยท่านเชื่อว่าในที่สุดแล้วโควิด-19 จะสามารถกลายพันธุ์หลบเลี่ยงการรักษาที่มีเหลืออยู่ไม่กี่วิธี กล่าวคือจะสามารถหลบเลี่ยงการทำลายจากแอนติบอดีสำเร็จรูปและยาต้านไวรัสที่ใช้กับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือประชาชนกลุ่มเปราะบาง เธอได้กล่าวเสริมว่า “หากไวรัสโคโรนา 2019 เกิดกลายพันธุ์ดื้อต่อยา “แพกซ์โลวิด (Paxlovid)” จะทำให้มีผู้เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างรวดเร็ว โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (US-CDC) แจ้งว่าปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาประมาณ 1,000 คนต่อสัปดาห์

ดร. เบิร์กซ์ อยากให้รัฐบาลกลาง(สหรัฐ) ให้ความสำคัญกับการเร่งผลิต “วัคซีนรุ่นต่อไป (next-generation vaccine)” ที่ทนทานต่อเชื้อโควิดกลายพันธุ์มากกว่าวัคซีนในรุ่นปัจจุบัน เร่งผลิต “โมโนโคลนอลแอนติบอดีรุ่นต่อไป” โดยเฉพาะโมโนโคลนอลแอนติบอดีที่ออกฤทธิ์ได้นาน (long-acting monoclonal antibodies) และ “ยาต้านไวรัส (antiviral drugs)” หลากหลายชนิดเพิ่มขึ้น เพื่อใช้ร่วมกันในลักษณะของค็อกเทล (Cocktail therapy) อันหมายถึงการใช้ยาต้านไวรัสหลายชนิดพร้อมกัน) เพื่อลดการเกิดเชื้อดื้อยาของไวรัสโควิด-19 (covid drug resistance) เหมือนกับที่เคยเกิดกับเชื้อไวรัสเอสไอวีในอดีต ที่ในช่วงแรกของการรักษาเราใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีในรูปแบบของยาเดี่ยว (monotherapy)

WHO เตือนเฝ้าติดตามโอไมครอนลูกผสม 3 สายพันธ์ย่อย XBB.1.5-XBB.1.16-XBB.1.9

ที่มา : ทวิตเตอร์ Maria Van Kerkhove , fortune