"หน้ากากอนามัย" เราจะต้องใส่ไปอีกนานแค่ไหน?

"หน้ากากอนามัย" เราจะต้องใส่ไปอีกนานแค่ไหน?

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ (หมอยง) โพสต์เฟซบุ๊กประเด็น "หน้ากากอนามัย" กับคำถามที่ว่า เราจะใส่หน้ากากอนามัยไปนานแค่ไหน

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กประเด็น "หน้ากากอนามัย" กับคำถามที่ว่า เราจะใส่หน้ากากอนามัยไปนานแค่ไหน

มีการตั้งคำถามว่า เราจะใส่หน้ากากอนามัยไปนานแค่ไหน ขอช่วยกันตัดสินใจเอง

ในยามปกติ หน้ากากอนามัยจะมีไว้สำหรับให้ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเป็นผู้ใส่ เพื่อป้องกันการกระจายของโรค คนปกติไม่มีความจำเป็นต้องใส่ ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบ ถ้ารู้ว่าป่วยควรจะใส่และมีระเบียบวินัย

การใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคโควิด-19

การใส่หน้ากากอนามัย ถ้าใสไม่ถูกวิธีหรือไม่ดูแลเรื่องสุขอนามัย ประสิทธิภาพในการป้องกันจะลดน้อยลงอย่างมากๆ มีการศึกษามาสนับสนุนชัดเจน เช่น ใส่ไม่ถูกวิธี การจัดต้องหน้ากากหลังใส่แล้วโดยไม่ได้ล้างมือ มีการศึกษาว่าในแต่ละชั่วโมงจะมีการจัดหน้ากากเป็นจำนวนมากหลายครั้ง ทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมากเนื่องจากการปนเปื้อน

การศึกษาที่น่าสนใจ โรงพิมพ์ในวารสาร PNAS ศึกษาคนที่ใส่หน้ากากอนามัยและไม่ใส่หน้ากากอนามัยแข่งขันหมากรุก จะพบว่าการใส่หน้ากากอนามัยจะมีผลต่อ ความนึกคิด (cognitive) ในช่วงแรกของการแข่งขัน และถ้าใส่ไปนานๆก็จะมีการปรับตัว หน้ากากอนามัยอาจมีผลต่อการนึกคิดคำนวณระดับสูง แต่ในภาวะปกติคงไม่เห็นความแตกต่าง

ในเด็กเล็กโดยเฉพาะเด็กอนุบาล การเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา จะมีทั้งภาษาพูด (verbal) และภาษาท่าทาง (non verbal) เช่น การสังเกตจากริมฝีปาก ดังนั้นในเด็กเล็ก การใส่หน้ากากอนามัยให้ถูกต้องก็ทำได้ยากอยู่แล้ว และยังมีผลต่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก ดังนั้นจึงมีความเห็นว่าในชั้นเรียนของเด็กเล็ก การใส่หน้ากากอนามัยจะขัดขวางต่อการเรียนรู้ และการปฏิบัติตัวของเด็กในการดูแลหน้ากากอนามัยก็ทำได้ยากที่จะให้มีประสิทธิภาพ ความจำเป็นในการใส่หน้ากากอนามัยจึงน้อยลง ในภาวะที่ความรุนแรงของโรคลดน้อยลง เด็กก็มีการเรียนรู้จากครูด้วย

นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่ง คือ การกำจัดขยะหน้ากากอนามัย เพราะการใช้หน้ากากอนามัยจำนวนมากที่เป็นหน้ากากอนามัยสังเคราะห์ จะทำให้เกิด micro plastic เพิ่มขึ้น ในสิ่งแวดล้อม

ในขณะนี้ ถ้าอยู่ในที่โล่งแจ้ง เช่น ชายทะเล สวนสาธารณะ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัย

หวังว่า หลังเดือนกุมภาพันธ์ไปแล้ว ส่วนใหญ่จะมีภูมิต้านทานจากการฉีดวัคซีนหรือติดเชื้อแล้ว โรคจะลดน้อยลง และมีการปรับตัวได้มากขึ้น ความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัย ก็จะน้อยลง จะใส่เมื่ออยู่ในกลุ่มคนหมู่มาก เช่นในรถประจำทาง เครื่องบิน รถไฟฟ้า และผู้ที่ต้องใส่ ก็น่าจะอยู่ในกลุ่มของ ผู้ป่วยหรือมีอาการทางโรคทางเดินหายใจ