สธ. แนะฉีด "วัคซีนโควิด" กระตุ้นภูมิ ปลอดภัยรับ "ปีใหม่"

สธ. แนะฉีด "วัคซีนโควิด" กระตุ้นภูมิ ปลอดภัยรับ "ปีใหม่"

สธ. เผย แนวโน้ม "โควิด" เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ แนะหากฉีดกระตุ้นเข็ม 3 เกิน 4 เดือนแล้ว ให้ฉีดเข็ม 4 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน รองรับสถานการณ์ช่วงปลายปีที่คาดจะมีการระบาดเพิ่มขึ้น และกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทย ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา (20-26 พฤศจิกายน 2565) แนวโน้มการระบาดเพิ่มขึ้น มีผู้ป่วยรายใหม่เข้ารักษาในโรงพยาบาล 4,914 ราย เฉลี่ยวันละ 702 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 553 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 319 ราย และเสียชีวิต 74 ราย เฉลี่ยวันละ 10 ราย โดยเฉพาะช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบการระบาดเพิ่มในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยวภาคตะวันออก และภาคใต้

 

ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ว่าจะมีการระบาดเพิ่มขึ้นช่วงปลายปี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว ประชาชนมีการผ่อนคลายมาตรการ และมีกิจกรรมรวมตัวกันมากขึ้น ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์

 

วันนี้ (28 พฤศจิกายน 2565) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า ข้อมูลผู้เสียชีวิตที่ผ่านมา พบว่า เป็นการติดเชื้อครั้งแรก และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวเรื้อรัง ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ ไม่ได้รับวัคซีน รับวัคซีนไม่ครบ หรือได้รับเข็มสุดท้ายนานเกินกว่า 3 เดือน

 

 

วัคซีนโควิด-19 เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดการเสียชีวิตได้ ซึ่งหลังจากฉีดวัคซีนไประยะหนึ่งแล้ว ภูมิคุ้มกันที่มีจะลดลง จึงต้องมีการฉีดเข็มกระตุ้น ดังนั้น หากยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย ขอให้รีบมาฉีด และหากฉีดกระตุ้นเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือนแล้ว ขอให้มาฉีดเพิ่ม ซึ่งจากข้อมูลพบว่าการรับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 4 ช่วยลดการป่วยรุนแรง และเสียชีวิตได้ เพื่อเร่งเสริมภูมิคุ้มกันให้ทันช่วงปลายปีที่จะมีกิจกรรมเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่"

 

"โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประสานให้เพิ่มสถานที่ฉีดวัคซีน โดยเฉพาะ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว และกำชับโรงพยาบาลในสังกัดทุกจังหวัดให้เปิดจุดบริการฉีดวัคซีน รวมถึงจัดบริการเชิงรุกในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่เป็นกลุ่มเสี่ยงด้วยแล้ว" นพ.โอภาส กล่าว

 

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า แม้จะมีการฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังต้องให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันส่วนบุคคล โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ สำหรับกลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับนานเกิน 6 เดือน ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น หรือร่วมกิจกรรมที่คนจำนวนมากโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย

 

ส่วนคนในครอบครัวที่ไปสถานที่เสี่ยง หรือมีกิจกรรมรวมกลุ่มคนจำนวนมากในช่วง 5 วัน ควรงดการใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ และหากพบว่ามีการติดเชื้อ ขอให้รีบพามาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาได้ทันเวลา ซึ่งได้จัดยา และเวชภัณฑ์ไว้เพียงพอ รวมถึงเตียงระดับ 2-3 ทั่วประเทศ สำหรับรองรับผู้ป่วยอาการปานกลางถึงรุนแรง ยังมีเพียงพอรองรับสถานการณ์เช่นเดียวกัน

 

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคโควิด – 19 ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยและเน้นย้ำให้ประชาชนไปรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุข ได้หารือกันแล้วเห็นว่าประชาชนคนไทยต้องได้รับวัคซีน 4 เข็ม จึงปลอดภัย และวันนี้เรามีวัคซีนเพียงพอ จึงขอให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์