นักเรียนติดโควิด-19 มีอาการป่วยรักษา 5 วัน กลับมาเรียนได้ ไม่ต้องปิดเรียน

นักเรียนติดโควิด-19 มีอาการป่วยรักษา 5 วัน กลับมาเรียนได้ ไม่ต้องปิดเรียน

ปลัด สธ.ย้ำ "โควิด" โรคเฝ้าระวัง ยังต้องเน้นฉีดวัคซีน หากเข็มสุดท้ายนานเกิน 3-4 เดือนให้มารับเข็มกระตุ้น  กรณีเด็กวัยเรียนติดเชื้อ หากมีอาการป่วย รักษาตัว 5 วันกลับมาเรียนได้ มีการติดเชื้อในโรงเรียน ขอให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสม ไม่ต้องปิดเรียน

    เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมมอบนโยบายการดำเนินงาน สธ. ว่า สถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังแล้ว ซึ่ง นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รายงานว่ายังมีการติดตามสถานการณ์อยู่ โดยจะเร่งรัดการฉีดวัคซีนโควิด 19 ทั้งนี้ ย้ำว่าการฉีดวัคซีนยังมีความจำเป็น ทุกคนถ้าฉีดเข็มสุดท้ายมานานเกิน 3-4 เดือนก็ไปรับเข็มกระตุ้น ซึ่งทุกวันนี้วัคซีนมีเพียงพอ โดยเฉพาะกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ยังมีความเสี่ยงก็ควรฉีดเข็มกระตุ้น ซึ่งตอนนี้เราไม่พูดถึงเข็มสามอย่างเดียวแล้ว ต้องเข็มสี่ด้วย ก็ให้แนวนโยบายไป โดยอธิบดีกรมควบคุมโรคจะวางแผนเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชาชนในระยะต่อไป

        ด้าน นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวโควิดกับชีวิตเด็กๆในวัยเรียน ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. - 30 ก.ย.2565 จะพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อายุ 0-18 ปี มีอัตราลงลดอย่างชัดเจน ส่วนอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มอายุ 0-18 ปี ก็ต่ำมาก บางเดือนแทบจะไม่มีผู้เสียชีวิตเลย ส่วนอัตราการรับวัคซีนโควิด-19 ของนักเรียนนั้น ข้อมูลวันที่ 3 ต.ค. พบว่า กลุ่มอายุ 12-17 ปี ทั้งหมด 5,333,639 คน ได้รับวัคซีนเข็ม 1 จำนวน 4,723,369 คน คิดเป็นร้อยละ 88.56 เข็มที่ 2 จำนวน 4,386,081 คน คิดเป็น 82.23 % เข็ม 3 จำนวน 1,140,580 คน 20.35 % ส่วนอายุ 5-11 ปี ทั้งหมด 5,002,698 คน ได้รับเข็ม 1 จำนวน 3,328,184 คน คิดเป็น 64.6% เข็มที่ 2 จำนวน 2,493,003 คน คิดเป็น 48.4% และเข็ม 3 จำนวน 56,807 คิดเป็น 1.1 %

    สธ.มีคำแนะนำให้นักเรียนควรรับเข็มกระตุ้น กรณีเมื่อมีการติดเชื้อในโรงเรียน ขอให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมโดยไม่ต้องปิดเรียน แต่ผู้เรียน ครู บุคลากร ควรปฏิบัติตามหลักการ Universal Prevention เข้มการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่างในห้องเรียนไม่น้อยกว่า 2 เมตร งดทำกิจกรรมรวมกลุ่ม จัดพื้นที่ให้มีระบบระบายอากาศที่ดี และทำความห้องเรียนชั้นเรียน  ทั้งนี้นักเรียนติดเชื้อและมีอาการ ทั้งที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือรักษาตัวที่บ้าน เป็นเวลา 5 วัน ก็สามารถกลับมาเรียนได้ตามปกติ

       หากโรงเรียนพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนให้รีบแจ้งสาธารณสุขในพื้นที่ทันที ส่วนการสวมหน้ากากอนามัยในโรงเรียนนั้น มีคำแนะนำว่า ควรสวมหน้ากากเมื่อมีการทำกิจกรรมร่วมกันหรือในที่ที่มีคนอยู่จำนวนมาก และการสวมหน้ากากยังสามารถป้องกันโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ได้อีกด้วย  นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำสำหรับผู้ปกครองให้นำเด็กเล็กไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น