"หมอธีระ" ชี้ยอดโควิดวันนี้ ขาลงชัดเจน ลุ้นปะทุใหม่ช่วงเดือนธันวาคม

"หมอธีระ" ชี้ยอดโควิดวันนี้ ขาลงชัดเจน ลุ้นปะทุใหม่ช่วงเดือนธันวาคม

"หมอธีระ" เผยสถานการณ์โควิดในไทยวันนี้ ขาลงชัดเจน หวังว่าจะดีไปอย่างต่อเนื่อง ลุ้นปะทุใหม่ช่วงเดือนธันวาคม

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ "หมอธีระ" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat" ถึงประเด็น โควิดวันนี้ ระบุว่า 

698 --> คาดประมาณ 23,267 ขาลงชัดเจน

ระลอกก่อนๆ ไทยเรามักอยู่ในช่วงสงบราว 6-10 สัปดาห์ หวังว่าจะดีไปอย่างต่อเนื่อง หากปะทุใหม่แบบระลอกก่อนๆ ก็จะเป็นช่วงธันวาคม

ปัจจุบันทั่วโลก ยังไม่มีสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดรุนแรงวงกว้าง แต่ที่ต้องเฝ้าระวังมากคือ สายพันธุ์ BA.2.75, BA.4.6, และ BJ.1

ขอให้ใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีสติ ระมัดระวัง ป้องกันตัวสม่ำเสมอ

การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

พร้อมกันนี้ยังระบุอีกว่า 12 กันยายน 2565 เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 285,152 คน ตายเพิ่ม 603 คน รวมแล้วติดไป 613,694,480 คน เสียชีวิตรวม 6,516,263 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุด คือ

  1. ญี่ปุ่น
  2. รัสเซีย
  3. ไต้หวัน
  4. เกาหลีใต้
  5. ฝรั่งเศส

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 93.79 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 88.72

สถานการณ์ระบาดของไทย

จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และอันดับ 5 ของเอเชีย แม้สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.จนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม

ประเด็นที่น่าพิจารณาเกี่ยวกับนโยบายยาต้านไวรัสระดับชาติ

ยาต้านไวรัสนั้นใช้เพื่อหวังผลอะไรกันแน่?

ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ทางคลินิก (Desired clinical endpoints) คือ ลดโอกาสป่วยรุนแรง ลดการเสียชีวิต ลดหรือกำจัดปริมาณไวรัสในร่างกาย

ดังนั้นปัจจัยเหล่านี้จึงควรเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาสรรพคุณของยาต้านไวรัสมิใช่หรือ?

ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของไข้ ชีพจร ความดันโลหิต การหายใจ ซึ่งเป็นตัวแปรทางคลินิกที่ไม่ตรงกับผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ที่เราเรียกมันว่า surrogate outcomes

ทั้งนี้ตัวแปรทางอ้อมเช่นนี้ อาจสัมพันธ์หรือไม่สัมพันธ์เลยกับผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ก็ได้ โดยอาจมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อตัวแปรทางอ้อมนั้นเช่นกัน

ที่น่าสนใจคือ นโยบายสำหรับคนในสังคมนั้น น่าจะชี้แจงให้กระจ่างว่า สุดท้ายแล้วยานั้นหวังผลอะไรกันแน่ และทางเลือกอื่นๆ ที่ให้ผลดีกว่า เท่ากับ หรือแย่กว่า มีอะไรบ้าง โดยสำแดงให้เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ใช้ในการพิจารณาทั้งหมด และนำไปสู่การแจ้งให้รับทราบว่า สุดท้ายแล้วเหตุใดจึงใช้ยานั้นๆ

หากเราทำเช่นนี้ได้ ความกระจ่างก็จะเกิดขึ้น ทรัพยากรของชาติก็จะถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความคุ้มค่า และคนในสังคมก็จะสามารถตัดสินใจประพฤติปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

สุดท้ายแล้ว เชื่อว่าทุกคนหวังใจไว้มิใช่หรือ ที่จะปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของคน

ดังนั้น หากคิดว่าเป็นตัวเรา เราจะทำอย่างไร และจะตัดสินใจใช้อะไรบ้าง อย่างไร นั่นคือสิ่งที่น่าจะเป็นคำตอบ