“กัญชา–กัญชง” มาแรงหลังปลดล็อก รัฐ-เอกชน พัฒนาคุณภาพรับตลาดใหม่

“กัญชา–กัญชง” มาแรงหลังปลดล็อก  รัฐ-เอกชน พัฒนาคุณภาพรับตลาดใหม่

นับแต่วันที่ 9 มิ.ย.65 ที่มีการปลดล็อกพืชกัญชาพ้นยาเสพติด ทำให้ "ตลาดกัญชา" กัญชง ไทยคึกคักและได้รับความสนใจ เกิดความร่วมมือภาครัฐอย่างกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเอกชน พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานตอบโจทย์ตลาดกัญชา กัญชง ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 10-15% ในอีก 3 ปีข้างหน้า

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีการประเมินมูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมกัญชา โดยจากการประมาณการณ์พื้นที่เพาะปลูก กัญชง-กัญชา ล่าสุด ณ เดือน เม.ย. 2565 ไทย มีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 7,500 ไร่ มีมูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ รวมกว่า 28,000 ล้านบาท

 

และยังมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะโตได้ 10-15% มีมูลค่าสูงถึง 42,800 ล้าน โดยผลิตภัณฑ์ปลายน้ำจะเติบโตเร่งกว่าปัจจุบัน โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรสูงถึง 800,000 บาทถึง 1.2 ล้านบาทต่อไร่ต่อปี หรือเฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อไร่ต่อปี หากเทียบกับการปลูกข้าว เกษตรกรจะมีรายได้จะอยู่ที่ 10,000-15,000 บาทต่อปี

 

ล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2565 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับภาคเอกชนอย่าง “บริษัท ด๊อกเตอร์ เฮลท์ จำกัด” และ “บริษัท ดร.ซีบีดี จำกัด” ในการวิจัยพัฒนาและการสกัดสารจาก กัญชา กัญชง โดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ดำเนินการสนับสนุนนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ มีนวัตกรรม ผลการศึกษาวิจัย ตลอดจนองค์ความรู้ทางวิชาการในเรื่องของกัญชาและกัญชงอย่างต่อเนื่อง

 

ตั้งแต่การปลูก สกัด วิเคราะห์ วิจัย เช่น การพัฒนาสายพันธุ์กัญชาพันธุ์ไทย การสกัดสารมาตรฐาน THC CBD เพื่อใช้ในประเทศ การตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์กัญชากัญชง การพัฒนาชุดตรวจกัญชากัญชง รวมถึงการวิจัยฤทธิ์ของกัญชาในการรักษาโรค ซึ่งที่ผ่านมาได้มีความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กรต่างๆ เพื่อนำผลงานวิจัยใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

 

“กัญชา–กัญชง” มาแรงหลังปลดล็อก  รัฐ-เอกชน พัฒนาคุณภาพรับตลาดใหม่

นวัตกรรม ผลักดันกัญชา

 

"ดร.หอมหวล ทิพย์รอด" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ด๊อกเตอร์ เฮลท์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ว่า จากที่บริษัท ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านการแพทย์และสุขภาพ มากกว่า 20 ปี โดยมีโรงพยาบาลกายภาพบำบัดด๊อกเตอร์เฮลท์ อินเตอร์เนชั่นแนล และ ระบบการแพทย์ทางไกล แอปพลิเคชั่น GetAlarmz การก้าวสู่ตลาดกัญชา มองว่า กัญชามีส่วนในการดูแลสุขภาพโดยเฉพาะผู้สูงอานุนอนไม่หลับ พาร์กินสัน รวมถึงสกินแคร์ โดยมองตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ

 

ในปี 2564 ที่ผ่านมา ได้มีการยื่นเปิดวิสาหกิจชุมชน และนำเข้านวัตกรรมการปลูกพืช ด้วยเครื่องบำบัดน้ำระบบไบโอพาสมา จากประเทศเกาหลี กำจัดเชื้อรา ไรแดง สำหรับการปลูกกัญชา และพืชอื่นๆ ได้แบบปลอดสารเคมี และเริ่มขออนุญาตปลูกกัญชาในปีนี้ ที่ จ.นครปฐม 20 ไร่

 

สอดรับกับงานวิจัยที่ทำร่วมกับ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในเรื่องของสกัดสาร จากรากกัญชา นำมาผลิตเป็นเครื่องดื่ม ที่มีฤทธิ์ในการป้องกันฟื้นฟู บำบัด สภาพปอดจากการติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงคนทั่วไปก็สามารถดื่มได้ โดยคาดว่าจำหน่ายได้ภายในปลายปีนี้ ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล ขณะเดียวกัน ยังเป็นโอกาสของไทยที่ได้รับความสนใจจากต่างชาติ สร้างเศรษฐกิจให้ประเทศอีกด้วย

 

ขณะนี้ เบื้องต้นทางบริษัทได้มีการผลิตภัณฑ์ยาดม ยาหม่อง จำหน่ายภายในโรงพยาบาลกายภาพบำบัดด๊อกเตอร์เฮลท์ อินเตอร์เนชั่นแนล และอีกหนึ่งเป้าหมาย คือ สร้างให้เกษตรกร ให้เป็นนักธุรกิจเกษตรกรรมจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่นำเข้ามาและการวิจัยร่วมกับกรมวิทย์ฯ

“แต่เดิม คำว่าเกษตรกร คือ หลังสู้ฟ้าหน้าสู่ดิน แต่ปัจจุบัน มีเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการปลูกพืช เป็นสิ่งเราอยากจะนำเทคโนโลยีไปพัฒนาตรงนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ดังนั้น ไม่ได้มองแค่กัญชา แต่มองงานวิจัยไปถึงการทำเกษตรกรรม โดยใช้เทคโนโลยีงานวิจัยกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งอาจไม่ใช่แค่กัญชา เป็นการต่อยอดสร้างโอกาสในการพัฒนาร่วมกัน นำความรู้สู่ประชาชนฐานรากเพื่อให้เกิดเกษตรกรยุคใหม่”

 

“กัญชาสามารถพัฒนาได้หลายผลิตภัณฑ์ แต่สิ่งที่สร้างมูลค่ามากที่สุด คือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากงานวิจัย ที่สามารถส่งออกได้ในอนาคต” ดร.หอมหวล กล่าว

 

พัฒนาการสกัดคุณภาพสูง

 

สำหรับ บริษัท ดร.ซีบีดี จำกัด ที่มีโรงงานเพาะปลูกจากต้นน้ำสู่การสกัดไปจนถึงปลายน้ำที่เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ ปลูกด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงในโรงเรือนระบบปิด 100% ซึ่งช่วยให้สามารถเฝ้าการเจริญเติบโตและควบคุมคุณภาพ ปราศจากสารกำจัดศัตรูพืช สารเคมีที่เป็นพิษเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพที่บุคคลากรทางการแพทย์ให้การยอมรับ เช่น นวัตกรรมอาหารเสริม ยารักษาโรค ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง

 

“พรชัย ปัทมินทร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดร.ซีบีดี จำกัด เผยว่า การร่วมมือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยอย่างดี ในฐานะบริษัทที่พยายามผลักดันธุรกิจนี้ และสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ต้องคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่ไม่เป็นพิษต่อผู้บริโภคและมีนวัตกรรมการผลิตที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพที่ชัดเจน ทุกขั้นตอนมีที่มาที่ไปโดยเฉพาะการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ การพัฒนาสารสกัดต้องได้รับการการันตีจากนักวิจัยที่เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ จากองค์กรที่มีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือ

 

ดังนั้น การร่วมมือกับ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อวิจัยพัฒนา ตลอดจนการให้คำแนะนำด้านกรรมวิธีหรือเทคโนโลยีที่ถูกต้อง ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับมาตรฐานการสกัดสารจาก กัญชา กัญชง ตั้งแต่การเตรียมวัตุดิบด้วยต้นทุนที่เหมาะสมและกรรมวิธีในการสกัดแบบ Co2 กับวิธีการแยกสารด้วยวิธี Winterization เพื่อผลผลิตที่มีคุณภาพสูงประโยชน์ด้านการแพทย์ ด้านสาธารณสุข หรือด้านอื่นๆ ที่จำเป็นในอนาคต เพื่อสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค

 

“อีกทั้งเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรทั้งทางตรงและทางอ้อม เราจะส่งเสริมสนับสนุนทางด้านการศึกษาและการถ่ายทอดองค์ความรู้ พัฒนาบุคลากร ให้นำองค์ความรู้พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ” พรชัย กล่าว

 

เอกชน รุกตลาดกัญชา กัญชง

 

ปัจจุบัน จะเห็นว่า ภาคธุรกิจเดินหน้าสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตอบรับอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตทั้งกัญชา และ กัญชง “เนตรนภา สิงห์สถิตย์” กรรมการบริหาร บริษัทรักษ์กัญ 420 จำกัด ผู้ร่วมก่อตั้งร้าน กัญชา RG420 cannabis store ที่ถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า ก้าวเข้าสู่ตลาดกัญชาได้ราว 1 ปีเศษ โดยหวังว่าจะเป็นจุดกระจายและช่วยเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนได้ทางหนึ่ง สำหรับ ร้าน RG420 cannabis store ปักหมุด 10 จังหวัดท่องเที่ยว

 

โดยสาขาแรกที่ถนนข้าวสาร และต่อไปคือ ภูเก็ต 2 สาขา และพัทยาอีก 1 สาขา สำหรับช่อดอกที่ใช้ในร้านมาจากฟาร์มเกษตรอินทรีย์เพชรล้านนา และรับซื้อจากเครือข่ายเกษตรกร ต้องผ่านการตรวจตามมาตรฐานของร้าน ตั้งแต่สายพันธุ์ สาร THC CBD การตรวจโลหะหนัก สารปนเปื้อน หากไม่ผ่านมาตรฐานจะไม่มีทางนำมาขายเด็ดขาด ทุกตัวสินค้าไม่ว่าจะช่อดอก และอาหารต้องมีผลตรวจทั้งหมด สินค้าทุกตัวผ่านการตรวจสอบ และทำตามกฏกระทรวงทุกประการ

 

ขณะที่ “กัญชง” นับเป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจใหม่ “ยิ่งยศ จารุบุษปายน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด ในฐานะธุรกิจด้านการผลิต และสกัดสาร CBD จากกัญชง เผยว่า มีการคาดการณ์ว่า การเติบโตของตลาด CBD จากกัญชงทั่วโลกในอีก 5 ปี หรือราวปี 2570 จะมีมูลค่าสูงถึง 1.86 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลจาก www.theshelbyreport.com)

 

ส่วนในประเทศไทยปี 2565 คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ราว 3,800 – 7,200 ล้านบาท ยิ่งหากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ความเข้าใจในข้อมูลที่ถูกต้อง ชี้แจงถึงสิ่งที่ทำได้ ทำไม่ได้ หรือชี้ให้เห็นข้อดีของกัญชงแก่ภาคประชาชน จะยิ่งช่วยยกระดับให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่แห่งอนาคตได้รวดเร็วและเชื่อว่าไปได้ไกล"

 

นอกจากนี้ ในปี 2566 มั่นใจว่าคนไทยจะเห็นภาพคุณประโยชน์ของ “กัญชง” ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ในภาพการแข่งขันและการลงทุนจะเห็นโอกาสทางธุรกิจกัญชงในตลาดอาหารเสริม และตลาดเฮลธ์แคร์ที่ชัดเจนมาก ซึ่งประเทศไทยตอนนี้เป็น Medical Hub ของโลกและเอเชีย มีการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบ มีอุตสาหกรรมการแพทย์ที่ก้าวหน้า และเชื่อว่าจะได้เห็นการแข่งขันจากธุรกิจต่างๆ ที่เข้ามาในตลาดนี้อย่างคึกคักแน่นอน