ถอดรหัส 6 เสาหลัก Longevity เพื่อมีชีวิตยืนยาวและมีคุณภาพ

แนวคิด Longevity จาก Peter Attia หนึ่งในผู้นำด้านเวชศาสตร์อายุยืนระดับโลก มองการมีชีวิตยาวอย่างมีคุณภาพผ่านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งกาย ใจ และชีวิตประจำวัน
KEY
POINTS
- นพ. ปีเตอร์ แอตเทีย นำเสนอแนวคิด 6 เสาหลักเพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพ (Healthspan) โดยเปลี่ยนจากการ "รักษาเมื่อป่วย" เป็น "ป้องกันก่อนเกิดโรค"
- เสาหลักด้านกายภาพประกอบด้วยการออกกำลังกายที่ครอบคลุม 4 ด้าน (ความมั่นคง, ความแข็งแรง, แอโรบิก, แอนแอโรบิก), โภชนาการที่เน้นสุขภาพเมตาบอลิซึม และการนอนหลับที่มีคุณภาพ
- เสาหลักด้านจิตใจและพฤติกรรมให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตและอารมณ์, การใช้ยาและอาหารเสริมอย่างเหมาะสม และการสร้างนิสัยที่ดีอย่างสม่ำเสมอเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
ในโลกของสุขภาพและ Longevity ที่ข้อมูลใหม่ๆ เกิดขึ้นแทบทุกวัน ชื่อของ ปีเตอร์ แอตเทีย (Dr. Peter Attia) กลายเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะเขาพูดถึงสิ่งที่เรียกว่า healthspan หรือ ช่วงเวลาของชีวิตที่เรายังแข็งแรง มีพลัง และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ
แนวคิดหลักของเขาอยู่ภายใต้สิ่งที่เรียกว่า Medicine 3.0 โมเดลการแพทย์ที่เปลี่ยนโฟกัสจาก “รักษาเมื่อป่วย” ไปสู่ “ป้องกันก่อนเกิดโรค” และ “ออกแบบสุขภาพเฉพาะบุคคล” โดยผสานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดเข้ากับพฤติกรรมการใช้ชีวิตจริง
ดร. ปีเตอร์ แอตเทีย เป็นแพทย์ผู้ก่อตั้งคลินิก Early Medical พิธีกรพอดแคสต์ชื่อดัง The Peter Attia Drive และผู้เขียนหนังสือขายดีระดับ #1 New York Times อย่าง Outlive: The Science and Art of Longevity เส้นทางของเขาครอบคลุมตั้งแต่ Stanford, Johns Hopkins ไปจนถึง National Institutes of Health และทำให้เขาเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน longevity medicine ในปัจจุบัน
‘กรุงเทพธุรกิจ จุดประกาย’ ชวนผู้อ่านร่วมทำความรู้จัก และถอดรหัส 6 เสาหลักของ Longevity ตามแนวคิดของ ปีเตอร์ แอตเทีย เพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาว ควบคู่ไปกับการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว
ปีเตอร์ แอตเทีย อธิบายว่า การมีชีวิตยืนยาวไม่ใช่เรื่องของอาหาร หรือการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยระบบสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งประกอบด้วย 6 เสาหลักสำคัญดังนี้
1. การออกกำลังกาย และสุขภาพกาย (Exercise & physical health)
สำหรับ ปีเตอร์ แอตเทีย การออกกำลังกายคือ “ยาที่ทรงพลังที่สุด” ต่ออายุทั้ง lifespan และ healthspan เขาออกแบบการฝึกโดยคิดถึงสิ่งที่เรียกว่า Centenarian Olympics คือ การเตรียมร่างกายให้ยังเคลื่อนไหวได้ดีเมื่ออายุ 90 - 100 ปี
การฝึกแบ่งออกเป็น 4 ด้านหลัก ดังนี้
- Stability: เสริมความมั่นคงของข้อต่อและแกนกลาง ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหว ลดความเสี่ยงบาดเจ็บในชีวิตประจำวัน
- Strength: สร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อการเคลื่อนไหว การทรงตัว และการมีอิสระเมื่ออายุมากขึ้น
- Zone 2 (Aerobic): ออกกำลังกายระดับปานกลาง เพื่อดูแลหัวใจ ระบบเผาผลาญ และความอึดของร่างกายในระยะยาว
- Zone 5 (Anaerobic): การออกแรงสั้นแต่เข้มข้น ช่วยรักษาพลัง ความเร็ว และความว่องไวที่มักลดลงตามวัย
2. โภชนาการเชิงชีวเคมี (Nutritional Biochemistry)
ปีเตอร์ แอตเทีย ไม่ยึดติดกับ “ไดเอตที่เป็นกระแส” แต่เน้นการดูแล metabolic health หรือ สุขภาพเมตาบอลิซึม เป็นหลัก เขาเชื่อในโภชนาการที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล และใช้เครื่องมืออย่าง CGM (Continuous Glucose Monitor) หรือ เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่อง เพื่อเข้าใจการตอบสนองของร่างกายต่ออาหารจริง
เขายังพูดถึง intermittent fasting (การอดอาหารเป็นช่วงๆ) และการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดว่าเป็นเพียงกลยุทธ์หนึ่ง แต่ไม่ใช่กฎตายตัวสำหรับทุกคน
3. การนอนหลับ (Sleep)
การนอนหลับ คือรากฐานของสุขภาพ เขามองว่าการอดนอนหรือการนอนคุณภาพต่ำ สามารถกระตุ้นผลเสียต่อเนื่อง ตั้งแต่ภาวะดื้อต่ออินซูลิน สมองเสื่อม ไปจนถึงปัญหาสุขภาพจิต ไม่ใช่แค่นอน “ให้พอ” แต่ต้องนอน “ให้ดี” เพราะช่วงเวลานี้คือเวลาซ่อมแซมร่างกายและสมองอย่างแท้จริง
4. สุขภาพจิต & อารมณ์ (Mental & emotional health)
ปีเตอร์ แอตเทีย เชื่อว่าหากสภาพจิตใจไม่แข็งแรง ต่อให้ร่างกายดูสมบูรณ์ สุขภาพโดยรวมก็ไม่อาจยั่งยืนได้ เขาให้ความสำคัญกับ
- ความสุขและความหมายในชีวิต
- ความสามารถในการรับมือกับความเครียด
- การเยียวยาบาดแผลทางใจในอดีต
- ความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับครอบครัวและเพื่อน
5. ยา อาหารเสริม และการรักษาอื่นๆ (Medications, supplements & other treatments)
แม้เขาจะสนับสนุนการกินอาหารจริงเป็นหลัก แต่เขาก็ยอมรับว่า อาหารเสริมอาจมีความจำเป็นในบางกรณี เช่น ภาวะขาดวิตามิน D หรือความต้องการเฉพาะทางพันธุกรรม อย่างไรก็ตาม เขาเตือนชัดเจนว่า อาหารเสริมไม่ใช่ยาวิเศษ และควรใช้เพื่อ “เสริม” ไม่ใช่ “แทน” การใช้ชีวิตที่ดี พร้อมแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่ทานยาเป็นประจำอยู่แล้ว
6. การเปลี่ยนพฤติกรรม และนิสัย (Behavior change, habits, & productivity)
เสาหลักสุดท้ายคือ “ตัวเชื่อม” ที่ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง ปีเตอร์ แอตเทีย ให้ความสำคัญกับการสร้างนิสัยเล็กๆ ที่ทำได้ทุกวัน เพราะ longevity ไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนครั้งใหญ่เพียงครั้งเดียว แต่เกิดจากการเลือกซ้ำๆ อย่างสม่ำเสมอ เขามักพูดว่า “ทุกวันคือวันที่ดีสำหรับการเปลี่ยนแปลง หากเป็นการเปลี่ยนที่ถูกทาง”
จะเห็นได้ว่า แนวคิดของ ปีเตอร์ แอตเทีย ไม่ได้สอนให้เรากลัวความแก่ชรา แต่ชวนให้เราออกแบบชีวิต ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้วันข้างหน้าเรายังเดินได้ คิดได้ รักได้ และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ Longevity ในมุมมองของเขา จึงไม่ใช่เรื่องของ “อายุยืนที่สุด” แต่คือ “มีชีวิตที่ดีได้นานอย่างมีคุณภาพที่สุด”
อ้างอิง insights , peterattiamd







