ส่อง 'อัตราจ้างงาน' ครึ่งปีแรก มอง'ภาษีสหรัฐ' ผลบวกแรงงาน

ส่อง 'อัตราจ้างงาน' ครึ่งปีแรก มอง'ภาษีสหรัฐ' ผลบวกแรงงาน

สถานการณ์แรงงานครึ่งปีแรก  ณ เดือนพ.ค.2568 อัตราว่างงานลดลง  เช็กลิสต์ 3 อุตฯจ้างงานขยายตัว - 3 อุตฯหดตัว “แรงงาน”เตรียมแผนรับครึ่งปีหลัง มองอัตราภาษีสหรัฐ 19 % ผลบวกจ้างงานอนาคต

KEY

POINTS

  • สถานการณ์แรงงานช่วงครึ่งปีแรก (ข้อมูล พ.ค. 68) มีอัตราการว่างงานลดลงเหลือ 0.83% แต่บางอุตสาหกรรม เช่น เหมืองแร่และอสังหาริมทรัพย์มีการจ้างงานหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมองว่าอัตราภาษี 19% ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากสินค้าไทย ถือเป็นผลบวกที่ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและส่งผลดีต่อการจ้างงานในอนาคต
  • ปัจจัยที่ต้องจับตาในครึ่งปีหลังคือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อแรงงานต่างด้าว โดยกระทรวงแรงงานเตรียมแผนนำเข้าแรงงานจากชาติอื่นเพื่อกระจายความเสี่ยง
  • ยังไม่มีการพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ เนื่องจากต้องคำนึงถึงความสมดุลและภาระของผู้ประกอบการที่ปรับขึ้นไปแล้ว 2 ครั้ง

ครึ่งปีแรก 2568 เศรษฐกิจเผชิญหลายปัจจัยเชิงลบ  จนส่งผลต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ ส่งต่อเป็นลูกโซ่ถึงภาคแรงงาน ซึ่งการรายงาน สถานการณ์แรงงาน ของประเทศไทยในเดือน มิ.ย.2568 ซึ่งอ้างอิงข้อมูลช่วงเดือนพ.ค.2568 พบว่า อัตราว่างงาน ลดลง แต่มี 3 อุตสากรรมที่การจ้างงานหดตัวมากที่สุด   

สถานการณ์แรงงานของประเทศไทย

จากรายงานสถิติเศรษฐกิจแรงงานระหว่างประเทศ ประจำเดือน มิถุนายน 2568 จัดทำโดยกองเศรษฐกิจการแรงงาน สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่าถึง สถานการณ์กำลังแรงงานไทย ประชากรวัยแรงงานที่มีอายุ 15 ปี ขึ้นไป เดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวนประมาณ 59.13 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา โดยแบ่งออกเป็น

1.กำลังแรงงานประมาณ 39.78 ล้านคน คิดเป็น 67.28 % ของจำนวนประชากรวัยแรงงาน ประกอบด้วย ผู้มีงานทำประมาณ 39.45 ล้านคน คิดเป็น 99.17 %  และผู้ว่างงานประมาณ 0.33 ล้านคน คิดเป็น 0.83 %

2.ผู้ที่ไม่อยู่ในกำลังแรงงานประมาณ 19.35ล้านคน คิดเป็น 32.72 % ของจำนวนประชากรวัยแรงงาน

การจ้างงานของไทยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน  

ผู้มีงานทำ เดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวนประมาณ 39.45 ล้านคน โดยคิดเป็นอัตราส่วนผู้มีงานทำต่อจำนวนประชากรวัยแรงงานที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปจำนวน 59.13 ล้านคนนั้น เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 66.72 %  จำนวนผู้มีงานทำในภาคอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2568 ประกอบด้วย

  • ผู้มีงานทำภาคเกษตร จำนวนประมาณ 11.00 ล้านคน คิดเป็น 27.78 % ของผู้มีงานทำทั้งหมด
  • ผู้มีงานทำนอกภาคเกษตร จำนวนประมาณ 28.48 ล้านคน โดยคิดเป็น 72.22 % ของผู้มีงานทำทั้งหมด

อุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานขยายตัวสูงสุด 3 อันดับแรก เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (%MoM) ได้แก่

  • การจัดหาน้ำ การจัดการ และการบำบัดน้ำเสีย ของเสีย สิ่งปฏิกูล  33.92 %
  •  กิจกรรมทางวิชาชีพ วิทยาศาสตร์ และเทคนิค 24.65 %
  • ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร  19.41 %

อุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานหดตัวสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่

  •  การทำเหมืองแร่ และเหมืองหิน  -53.55 %
  • กิจกรรมอสังหาริมทรัพย์  -32.55 %
  • กิจกรรมการจ้างงานในครัวเรือนส่วนบุคคล กิจกรรมการผลิตสินค้าและบริการที่ทำขึ้นเองเพื่อใช้ ในครัวเรือน  -18.53 %

สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานขยายตัวสูงสุด 3 อันดับแรก เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา(%YoY) ได้แก่

  • ไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้ำ และระบบปรับอากาศ  23.21 %
  • การขนส่ง และสถานที่เก็บสินค้า 14.02 %
  •  กิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์  8.05 %  

ขณะที่อุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานหดตัวสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่

  • กิจกรรมทางวิชาชีพ วิทยาศาสตร์ และเทคนิค  -17.76 %
  • การทำเหมืองแร่ และเหมืองหิน  -16.73 %
  •  ศิลปะ ความบันเทิง และนันทนาการ  -9.06  %

สถานการณ์การว่างงาน

จำนวนผู้ว่างงาน เดือนพฤษภาคม 2568 ประมาณ 0.33 ล้านคน  อัตราการว่างงานลดลงจากเดือนที่ผ่านมาคิดเป็น 0.83 % เมื่อเทียบอัตราการเปลี่ยนแปลงของจำนวนผู้ว่างงานลดลงจากเดือนที่ผ่าน อยู่ที่ -17.50 % และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ -31.52 %

รับมือแรงงานครึ่งปีหลัง

สำหรับ 2568 ครึ่งปีหลัง ปัจจัยที่อาจจะส่งผลต่อสถานการณ์แรงงาน ได้แก่ การสู้รบสถานการณ์ไทย-กัมพูชา และภาษีสหรัฐที่ไทยได้ในอัตรา  19 %
กรณีแรงงานกัมพูชา แห่เดินทางกลับประเทศ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ว่า หากสถานการณ์ไทย-กัมพูชาสงบลง คาดว่า บางส่วนจะกลับเข้ามาทำงานในไทยอีกครั้ง
ส่อง 'อัตราจ้างงาน' ครึ่งปีแรก มอง'ภาษีสหรัฐ' ผลบวกแรงงาน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานได้มีการเตรียมความพร้อมในการนำแรงงาน สัญชาติอื่นๆเข้ามาทดแทน ทั้งเมียนมา ลาว เวียดนาม รวมถึง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา และหารือกับฝ่ายความมั่นคง ในการนำเข้ารายงานชาวศรีลังกาเข้ามา

"เดิมมีการจ้างแรงงานต่างด้าว แค่ 4 สัญชาติ  ทำให้มีความเสี่ยงถ้าเกิดมีเหตุการณ์ความไม่สงบ เกิดขึ้นกับประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงจำเป็นจะต้องมีการเพิ่มประเทศที่ 5 หรือ 6 ขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นการเฉลี่ยความเสี่ยง ไม่ให้มีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น" นายพงศ์กวิน กล่าว

อัตราภาษีสหรัฐส่งผลดีต่อจ้างงานในอนาคต

ส่วนภาษีสหรัฐที่เตรียมเรียกเก็บภาษีสินค้าไทยอัตรา19%  นายพงศ์กวิน กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าว ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อทั้งภาคแรงงานและผู้ประกอบการไทย ซึ่งภาษีอัตรา 19% เป็นแต้มต่อที่เสริมศักยภาพของไทยในเวทีการค้าโลก ยังคงมีความได้เปรียบด้านการผลิตและโครงสร้างแรงงาน

เมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ได้รับภาษีในอัตราสูงกว่า โดยเฉพาะประเทศที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากตลาดสหรัฐ ยิ่งส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้านการค้าและภาษีนำเข้า จึงถือเป็นผลบวกที่น่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานในอนาคต

“ในปีนี้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำไปแล้ว 2 ครั้ง หากขึ้นอีกก็เป็นครั้งที่ 3 ผู้ประกอบการคงรับไม่ไหว จึงยังไม่มีการหารือหรือพิจารณาในเร็วๆ นี้  เนื่องจากการปรับขึ้นค่าแรงจำเป็นต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างรายได้แรงงานและภาระของผู้ประกอบการต้องพิจารณาให้รอบด้าน”นายพงศ์กวินกล่าว