ระงับ จัดส่งแรงงานใหม่รอบมิ.ย.กว่า 2,000 คน ไปอิสราเอล-อิหร่าน

“พิพัฒน์”เผยแรงงานไทยในอิสราเอล–อิหร่านกว่า 3.9 หมื่นคนปลอดภัยดี เตรียมพร้อมแผนอพยพฉุกเฉินหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ระงับจัดส่งแรงงานใหม่รอบเดือนมิ.ย.กว่า 2,000 คน
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน แถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่านว่า แรงงานไทยในอิสราเอล ข้อมูลล่าสุดพบว่ามีแรงงานไทยรวม 39,500 คน แบ่งเป็นแรงงานถูกกฎหมายประมาณ 33,000 คน และแรงงานผิดกฎหมายอีกประมาณ 6,500 คน โดยประกอบอาชีพหลักในภาคเกษตร 29,300 คน ก่อสร้าง 2,500 คน และภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีก 1,200 คน ขณะเดียวกัน และได้ชะลอการจัดส่งแรงงาน เข้าไปทำงานเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว
ส่วนในประเทศอิหร่าน มีคนไทยพำนักถาวรและชั่วคราวรวมประมาณ 250–300 คน โดยมีแรงงานไทยในระบบอยู่ราว 39 คน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเตหะรานและเมืองอิสฟาฮาน ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานแรงงานไทยได้รับผลกระทบหรืออยู่ในจุดอันตราย
“แรงงานไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่านยังปลอดภัยดี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ขณะนี้กระทรวงแรงงานสามารถติดต่อกับแรงงานทุกคนได้ครบถ้วนเรียบร้อย และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือได้ทันทีหากมีความจำเป็น”นายพิพัมน์กล่าว
สำหรับแผนการอพยพแรงงานไทยในอิสราเอล นายพิพัฒน์ กล่าวว่า มีการตั้งหน่วยเฉพาะกิจ 16 จุด หารือกันเบื้องต้นว่าการอพยพที่สะดวกสุดคือการอพยพทางบกข้ามพรมแดนไปยังประเทศจอร์แดน ใช้เวลาไม่มาก แต่สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมการเดินทางตั้งแต่ต้น รวมถึงตนจะประสานกระทรวงการต่างประเทศไว้เบื้องต้นว่าเราจะขอความช่วยเหลือด้านใดบ้าง นอกจากนี้ยังสำรองการอพยพทางเรือ แต่ค่อนข้างใช้เวลานานกว่า 10 ชั่วโมง
ดังนั้น หากจำเป็นก็จะอพยพทางบกดีกว่า ส่วนทางอากาศนั้นเดินทางไม่ได้ เนื่องจากมีการปิดน่านฟ้า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีผู้ขออพยพ นอกจากนี้ยังได้ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ 24 ชั่วโมง อีกทั้งปลัดกระทรวงแรงงาน ยังยืนยันว่าได้มีการเตรียมงบประมาณสำหรับใช้ในยามฉุกเฉิน สามารถแจ้งเข้ามาที่ศูนย์ฯ ได้เลย ส่วนตัวเลขงบประมาณนั้นเท่าไหร่ก็เท่านั้น แต่หากไม่พอตนก็จะทำเรื่องของบกลางเพิ่มได้
“การอพยพเบื้องต้นคือไปยังประเทศที่มีความปลอดภัยก่อน ถ้าหากสถานการณ์คลี่คลายลงอาจจะให้พักในจอร์แดน ไม่ต้องขนกลับประเทศไทย แต่หากมีคนต้องการกลับไทยทางรัฐบาลไทยก็จะหาวิธีไปรับคนไทยกลับ สำหรับแรงงานไทยกลุ่มใหม่ที่จะจัดส่งไปทำงานใน 2 ประเทศ ตอนนี้มีระงับการจัดส่งกลุ่มที่จะเดินทางในเดือนมิ.ย.นี้ ประมาณ 2,000คน”นายพิพัฒน์กล่าว
กระทรวงแรงงาน ยังได้จัดทำแผนปฏิบัติการเชิงรุกในกรณีฉุกเฉิน ประกอบด้วยการตรวจสอบพิกัดของแรงงานทุกคน การประเมินพื้นที่เสี่ยงตามข้อมูลล่าสุดจากสถานเอกอัครราชทูต การจัดพื้นที่ปลอดภัยร่วมกับนายจ้าง การฝึกอบรมแรงงานเพื่อเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์และเส้นทางหลบภัย การเปิดช่องทางประสานงานฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และการเตรียมแผนอพยพทั้งทางบกและทางอากาศ โดยเฉพาะเส้นทางรถยนต์เข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จอร์แดน และการประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อรองรับการอพยพทางอากาศหากมีความจำเป็น
นอกจากนี้ ได้ประชุมหารือกับอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน ณ กรุงเทลอาวีฟ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพื่อประเมินสถานการณ์โดยตรง พร้อมยืนยันว่าแรงงานทุกคนปลอดภัยดี มีอาหาร น้ำดื่ม และได้รับการดูแลจากหน่วยงานรัฐในอิสราเอลเป็นอย่างดี โดยได้รับความร่วมมือด้านระบบสื่อสารและแผนรองรับเหตุฉุกเฉินอย่างใกล้ชิด
“ความรุนแรงในครั้งนี้จัดว่าอยู่ในระดับสูงสุด ไม่สามารถประมาณการณ์ได้ว่าการต่อสู้กันจะเป็นอย่างไร จะยุติเมื่อไหร่ และจะเริ่มต้นอีกเมื่อไหร่ เพราะมีการโจมตีทางอากาศ จึงต้องสื่อสารถึงคนไทยที่ไปทำงานทั้ง 2 ประเทศ ขอให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ถ้าได้ยินเสียงไซเรนเตือนก็ขอให้รีบเข้าหลุมหลบภัย ตอนนี้ไม่มีความสบายใจเพราะอยู่ในสภาวะสงคราม และขอว่าอย่าเอาโทรศัพท์มาถ่ายคลิปหรือเซลฟี หากเห็นการทำลายจรวดบนอากาศ จะเพิ่มความเสี่ยงอาจะมีสะเก็ดของการทำลายตกใส่ตัวได้”นายพิพัฒน์กล่าว







