‘ประกันสังคม’ เร่งแผน เพิ่มเงิน-เพิ่มคนเข้าระบบ ป้องล้มละลาย

‘ประกันสังคม’ เร่งแผน เพิ่มเงิน-เพิ่มคนเข้าระบบ ป้องล้มละลาย

เร่งมาตรการยกระดับบริหาร กองทุนประกันสังคมสกัดล้มละลาย เติบโตยั่งยืน ปรับสัดส่วนลงทุน ปรับฐานเงินเดือนจ่ายเงินสมทบขยายอายุถึง 65 ปี ดึง 3 กลุ่มอาชีพเข้าระบบ

KEY

POINTS

  • กองทุนประกันสังคม หากไม่มีมาตรการปรับเปลี่ยนจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ปี 2597 จะเข้าสู่การ “Set Zero”  และอนาคตกองทุนประกันสังคมจะถึงกาลอวสาน ล้มละลาย
  • ประกันสังคมเร่งมาตรการยกระดับบริหารกองทุนประกันสังคมสกัดล้มละลาย เติบโตยั่งยืน ปรับสัดส่วนลงทุน ปรับฐานเงินเดือนจ่ายเงินสมทบ  ขยายอายุถึง 65 ปี ดึง 3 กลุ่มอาชีพเข้าระบบ
  • คาดอีก 12 ปีกองทุนประกันสังคม มีสินทรัพย์สูงถึง 6 ล้านล้านบาท ขณะที่มีข้อเสนอ ‘ออกนอกระบบราชการ’ สร้างความคล่องตัว-ยืดหยุ่นมากขึ้น 

ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567 กองทุนประกันสังคม มีผู้อยู่ในระบบประมาณ 24.80 ล้านคน เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 12.07 ล้านคน มาตรา 39 จำนวน 1.72 ล้านคนมาาตรา 40 จำนวน 11.01 ล้านคนมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน 2.65 ล้านล้านบาท

ทว่า ด้วยวิกฤติโครงสร้างประชากรของประเทศไทย การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ขณะเดียวกันก็มีอัตราเด็กเกิดใหม่ต่ำกว่าปีละ 5 แสนราย ส่งผลต่อการขาดแคลนแรงงานในอนาคต และกระทบเป็นลูกโซ่มาถึงกองทุนประกันสังคม

ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า หากไม่มีมาตรการปรับเปลี่ยนจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบันในปี 2585 จะเป็นปีที่มีเงินกองทุนมากที่สุดประมาณ 6 ล้านล้านบาท จากนั้นจะลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 2597 จะเข้าสู่การ “Set Zero”  และอนาคตกองทุนประกันสังคมจะถึงกาลอวสาน ล้มละลาย

สำนักงานประกันสังคม(สปส.) กระทรวงแรงงานจึงมีการพิจารณาและเร่งออกมาตรการหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นตรึงคน เพิ่มเงินและเพิ่มคนเข้าสู่ระบบประกันสังคม เพื่อสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนให้กับกองทุนประกันสังคม

 เพิ่มประสิทธิผลการลงทุน  

 ก่อนหน้านี้ พิพัฒน์ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการวาง 3 แนวทางในการเพิ่มประสิทธิผลการลงทุนกองทุนประกันสังคม ประกอบด้วย

1.ผลักดันให้รัฐบาลเพิ่มอัตราเงินสมทบ จาก2.75% เป็น 5 %ให้เท่ากันกับอัตราเงินสบทบจากผู้ประกันตนและนายจ้าง เพื่อให้สำนักงานประกันสังคมมีเม็ดเงินไปลงทุนเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน

2.เพิ่มอายุเกษียณสำหรับบางสาขาอาชีพที่คนสามารถทำงานได้แม้จะมีอายุมากกว่า 55 ปีซึ่งเป็นอายุเกษียณในปัจจุบัน กำหนดเป็นทางเลือกแบบสมัครใจเพื่อให้ผู้ประกันตนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ยาวนานขึ้น

และ3.ปรับสัดส่วนการลงทุนของกองทุนประกันสังคมโดยเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง สินทรัพย์ในต่างประเทศ และสินทรัพย์ทางเลือก เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงในการลงทุนของกองทุนประกันสังคม

“ได้เร่งยกระดับการบริหารกองทุนประกันสังคม ตั้งเป้าให้กองทุนเติบโตยั่งยืน ไม่ล้มละลายในอนาคต มีการวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ ซึ่งปี 2567 กองทุนได้ผลตอบแทน5.34% จากที่ปี 2566 ได้ 3.11% และภายในเดือนตุลาคมนี้ จะจัดเวทีระดมสมองใหญ่เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ระยะยาว และคาดว่าในอีก 12 ปีข้างหน้า กองทุนประกันสังคมจะมีสินทรัพย์สูงถึง 6 ล้านล้านบาท”

ปรับฐานเงินเดือนคำนวณจ่ายเงินสมทบ 

นอกจากนี้ ยังมีช่องทางเพิ่มเงินเข้าสู่ระบบด้วยการปรับฐานเงินเดือนคำนวณจ่ายเงินสมทบจากเดิมกำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้คำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 33ไว้ไม่เกิน 15,000 บาท กลายเป็นแบบใหม่แบบขั้นบันได 3 ระยะ

ปี 2569 - 2570 ปรับเพดานค่าจ้างที่ 17,500 บาท ปี 2571 - 2573 ปรับเพดานค่าจ้างที่ 20,000 บาท และปี 2574 เป็นต้นไป ปรับเพดานค่าจ้างที่ 23,000 บาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างแก้ไขกฎกระทรวง คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569

ขยายอายุผู้ประกันตนถึง 65 ปี

ไม่เพียงเท่านี้ ในการแก้ไขร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคมที่กำลังมีการพิจารณา เกี่ยวข้องกับการขยายอายุสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ถึง 65 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานสูงอายุทำงานต่ออยู่ในระบบประกันสังคมได้ ซึ่งจะไม่กระทบสิทธิผู้ที่ต้องการเกษียณที่ 55 ปี

แต่การที่แรงงานยังสามารถอยู่ในระบบประกันสังคมได้จนถึง 65 ปีนั้น อย่างน้อยก็จะส่งผลให้การจ่ายเงินบำนาญชราภาพให้กับผู้ประกันตนของกองทุน มีลักษณะของการกระจายตัวไปในช่วง 10 ปีเพราะสามารถเลือกรับได้ตั้งแต่อายุ 55-65 ปีขึ้นกับการยังทำงานอยู่หรือไม่ ไม่ได้เป็นการกระจุกรับเงินพร้อมๆกันทั้งหมดในตอนอายุเกษียณ 55 ปี 

ขณะที่ ภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน เสนอแนวทาง เรื่องการขยายอายุการเกิดสิทธิการรับบำนาญชราภาพ จาก 55 ปี เป็น 65 ปี อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยกำลังศึกษาแนวทางขยายอายุเกษียณแบบสมัครใจ คำนึงถึงผลกระทบที่แตกต่างกันของพื้นที่ กลุ่มอาชีพ และกลุ่มรายได้ต่าง ๆ

‘ประกันสังคม’ เร่งแผน เพิ่มเงิน-เพิ่มคนเข้าระบบ ป้องล้มละลาย

เพิ่ม 3 กลุ่มอาชีพเข้ามาตรา 33

อีกด้านของการสร้างความมั่นคงให้กองทุนประกันสังคม คือ การเพิ่มจำนวนผู้ประกันตนเข้าสู่ระบบประกันสังคมมาตรา 33 โดยมีจะมีการเพิ่มอีก 3 กลุ่ม 10 อาชีพ ได้แก่ 1.กลุ่มลูกจ้างในกิจการเพาะปลูก ประมง ป่าไม้ และเลี้ยงสัตว์ 2. กลุ่มลูกจ้างในครัวเรือนในฐานะที่เป็นนายจ้างส่วนบุคคล บุคคล เช่น แม่บ้าน ผู้ประกอบอาหาร คนรับใช้ส่วนตัว หัวหน้าผู้รับใช้ คนซักรีด คนสวน คนเฝ้าประตู ผู้ดูแลสัตว์เลี้ยง คนขับรถ คนเฝ้าบ้าน เป็นต้น

และ3.กลุ่มลูกจ้างในกิจการค้าแผงลอยที่มีที่ตั้ง มีเลขที่แผงชัดเจน และมีสัญญาเช่า เช่น สัญญาเช่าแผงกับตลาด ศูนย์การค้า หรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งสปส.ได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นแล้ว

เมื่อลูกจ้างในกลุ่มอาชีพดังกล่าวได้รับความคุ้มครองตาม มาตรา 33 จะได้รับสิทธิประกันสังคมที่ช่วยสร้างหลักประกันในการดำรงชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เช่น สิทธิรักษาพยาบาล เมื่อเจ็บป่วย เงินชดเชยกรณีต่าง ๆ เช่น เงินค่าคลอดบุตร เงินสงเคราะห์บุตร เงินบำนาญชราภาพ เงินว่างงาน เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ และเงินกรณีเสียชีวิต

ส่วนนายจ้างจะได้รับประโยชน์จากการขยายความคุ้มครองครั้งนี้ เช่น คลายความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดูแลลูกจ้าง หากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยรวมถึงเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบและดูแลสวัสดิการของลูกจ้าง

เสนอประกันสังคมออกนอกระบบราชการ 

ด้านสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) เสนอเรื่องการบริหารกองทุนให้ยั่งยืนว่า ขณะนี้ปชน.มีการยกร่างกฎหมายเพื่อนำประกันสังคมออกนอกระบบราชการแล้ว อยู่ในชั้นพิจารณาภายในของพรรค น่าจะแล้วเสร็จภายในไม่นานนี้ เมื่อแล้วเสร็จก็จะผลักดันเข้าสู่สภาฯทันที

“การแก้ไขให้นำประกันสังคม ออกนอกระบบราชการให้มีโครงสร้างที่เป็นเอกชนมากขึ้น มีความยืดหยุ่น คล่องตัวมากขึ้นในการบริหารจัดการ จะทำให้การจัดการ การตัดสินใจการลงทุน การบริหารงาน ตอบสนองผู้ประกันตนได้มากขึ้น”