'พิพัฒน์' ลั่นต้องมีการเสาะแสวงหาข้อเท็จจริง 'ประกันสังคม'

“พิพัฒน์”ลั่นพร้อมแจงประเด็นการใช้งบฯประกันสังคม เชื่อผู้ประกันตน 26 ล้านคนต้องการรู้รายละเอียด แต่ขอให้เลื่อนวัน เหตุติดภารกิจต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2568 ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีน.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคประชาชน เชิญไปชี้แจงเรื่องการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคมที่ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม คุ้มค่าว่า ตอบไปแล้ว ตน ปลัดกระทรวงแรงงานพร้อมที่จะชี้แจงและตอบทุกคำถาม
เพราะเชื่อว่าผู้ประกันตนทั้ง 26 ล้านคนโดยประมาณ อยากจะฟังรายละเอียดว่า กระทรวงแรงงานดำเนินการเรื่องใดบ้าง ประกันสังคมมีความก้าวหน้าในเรื่องสิทธิประโยชน์แต่ละเรื่องประกันสังคมดำเนินการอะไรแล้ว ที่มีฝ่ายนิติบัญญัติถามมาจะพยายามตอบในทุกคำถาม ว่าสิ่งที่ไปสามารถนำยืนยันและตอบได้ว่าพวกราไปทำอะไรบ้าง ไม่ได้ไปเที่ยว
“ขอให้เลื่อนเวลาไปเป็นสัปดาห์อื่นได้หรือไม่ เนื่องจากวันที่เชิญมานั้น ผมมีกำหนดการเดินทางไปที่ฮ่องกงและมาเก๊า เพื่อหารือร่วมกับรัฐมนตรีแรงงาน เรื่องการส่งแรงงานไทยไปทำงาน ซึ่งได้กำหนดเอาไว้นานแล้ว แต่หากไม่เลื่อนวันที่จะให้ชี้แจง ก็คงต้องส่งผู้แทนไปชี้แจงแทน”นายพิพัฒน์กล่าว
ยกเลิกทำปฏิทินหากคนไม่ต้องการ
เมื่อถามถึงเรื่องที่จะมีการทำประชาพิจารณ์การทำปฏิทิน นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ประกันสังคมกำลังทบทวน ก่อนที่สส.จะตั้งคำถาม ก็ได้มีการดำเนินการแล้วถามไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งฝ่ายองค์การลูกจ้าง และฝ่ายนายจ้าง ซึ่งมีบัญชีทั้งหมดว่าแต่ละส่วนประมาณ 4.1 ล้านฉบับโดยประมาณว่ามีความต้องการหรือไม่ โดยปฏิทินแขวน 3.7 ล้านฉบับ และตั้งโต๊ะ 4 แสนฉบับ
ใครมีความต้องการแบบไหน หรือต้องการยกเลิก เป็นการเข้าไปถามบุคคลที่ส่วนเกี่ยวเนื่องโดยเฉพาะนายจ้าง ลูกจ้าง และกลุ่มอาชีพอิสระ ตามมาตรา 40 ที่บางครั้งเข้าไม่ถึงอินเตอร์เน็ต หรือช้าบ้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล เพราะฉะนั้นเชื่อว่าปฏิทินเป็นส่วนสำคัญที่จะได้รู้ว่าสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนตามาตรา 40 มีอะไรบ้าง นี่คือความจำเป็นที่จะต้องใช้ปฏิทินแต่ถ้าผลของการสำรวจมาบอกว่าไม่อยากได้ปฏิทิน ก็จะยกเลิกการทำในปี 2570
ถูกนิติบัญญัติตรวจสอบดีแล้ว
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า ในการบริหารกองทุนประกันสังคมไม่ควรมีการเมืองเข้ามายุ่ง นายพิพัฒน์ กล่าวว่า คำว่าฝ่ายการเมืองในที่นี้ที่ท่านปลัดฯ ให้สัมภาษณ์ ไม่ใช่ตน ซึ่งตนไม่กล้าก้าวล่วงความคิด ความรู้สึกของปลัด แต่สิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เกิดความสมดุล มีฝ่ายบริหาร ต้องมีฝ่ายนิติบัญญัติ แน่นอนเมื่อหน่วยงาน องค์กรใดไปถึงตรงจุดนั้น ฝ่ายนิติบัญญัติมีอำนาจ มีสิทธิเข้าไปสอบถามในส่วนนั้นๆ ซึ่งคำถามนี้เป็นคำถามที่ดี แต่ท่านปลัดอาจมีเจตนาไม่คิดไปถึงว่า การเมืองในที่นี้คือนิติบัญญัติ แต่นิติบัญญัติเป็นผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง มีหน้าที่ไปสอบถาม ซักฟอก หรือตรวจสอบงบฯ แต่ละกระทรวง แต่ละกรม
“เชื่อว่าการที่ถูกตรวจสอบ เป็นการทำให้เกิดความสมดุลในการตรวจสอบผู้บริหารว่าสิ่งที่ทำงบฯ จัดซื้อจัดจ้างมีความโปร่งใสขนาดไหน โดยเฉพาะประกันสังคมอยู่กับคน 26 ล้านคน ที่เติมเงินเข้ามาให้กับกองทุนประกันสังคม เชื่อว่าประกันสังคมต้องมีความพร้อมสำหรับการตรวจสอบทุกวินาที ซึ่งนิติบัญญัติต้องไปฝ่ายตรวจสอบ เพราะฉะนั้น ถ้าถามตนถูกต้องแล้ว ฝ่ายนิติบัญญัติที่ผ่านการเลือกตั้งเข้ามาต้องตรวจสอบ”นายพิพัฒน์กล่าว
บอร์ดแพทย์ชุดนี้ ผมไม่ขอรับผิดชอบ
เมื่อถามถึงกรณีคณะกรรมการบอร์ดแพทย์จะหมดวาระในเดือนก.พ.นี้ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ต้องทาบทามโดยประกันสังคม ซึ่งทีมประกันสังคมก้าวหน้าส่งมาแล้วน่าจะ 2-3 คน ทางเราก็ต้องหาในหลากหลายองค์กรที่เป็นแพทย์ เพราะถ้าไม่ใช่แพทย์จะคุยกันไม่รู้เรื่องในเรื่องแพทย์ ต้องพูดถึงเงื่อนไข บอร์ดแพทย์มีหน้าที่ทำอะไร ประกันสังคมก็นำเสนอเลยว่าอยากได้อะไร กระทรวงอยากได้อะไร จากหลายๆฝ่าย แล้วไปในทิศทางเดียวกัน
ไม่ใช่เดินไปแล้วประกันสังคมก้าวหน้าดึงกระชากขาหลังทีนึง เดินไปอีกทีตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข หรือตัวแทนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)มากระชากทีนึง อย่างนี้เดินไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ในช่วงที่ตนเข้ามาก็มีบอร์ดแพทย์อยู่ก่อนแล้ว ไม่ได้ไปเปลี่ยน แต่วันนี้ 27 ก.พ.2568 จะหมดวาระ ถ้าหลังจากนี้มีความผิดพลาดตนรับผิดชอบได้ แต่ส่วนก่อนหน้านี้ ตนไม่รับผิดชอบความผิดพลาด เพราะเขามาอยู่ก่อน
“ก่อนที่ผมจะเซ็นตั้งบอร์ดแพทย์ ประกันสังคม ต้องคุยกันให้จบ ถ้ามีอะไรเดินหน้าด้วยกัน ผิดรับด้วยกัน ชอบพวกคุณรับไปเลย ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตอนพวกคุณประชุมผมก็ไม่มีสิทธิเข้าไปนั่งร่วมประชุม ผมแค่สามารถเรียกมาคุยนอกรอบว่านโยบายต้องการแบบนี้ รับได้หรือไม่ ถ้าได้ก็ผ่าน รับไม่ได้ก็หยุด นำเหตุผลมาคุยกัน แต่ตัดสินใจในบอร์ดไม่มีสิทธิสำหรับตัวผม” นายพิพัฒน์กล่าว
ต้องมีการเสาะแสวงหาข้อเท็จจริง
เมื่อถามถึงกรณีบอร์ดแพทย์ที่กำลังจะหมดวาระแล้ว แต่ทิ้งทวนไปดูงานที่อิตาลี นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ ไม่แน่ใจว่าจะทิ้งทวนหรือไม่ ถ้าทิ้งทวนก็เป็นความรับผิดชอบของประกันสังคม ซึ่งการไปต่างประเทศนั้นตนไม่ได้เป็นคนอนุมัติ ส่วนกรณีที่จะหมดวาระแล้วยังไปต่างประเทศจะเหมาะสมหรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่ามีงานค้างหรือไม่ ถ้ามีงานที่ค้าง การที่จะไปดูก็คิดว่าเหมาะสม ตนก็ไม่ได้อยากไปพาดพิงองค์กรอื่นๆ ที่ผ่านมา เมื่อใกล้หมดวาระก็ถือโอกาส ทำอะไรตนไม่รู้ ไม่ได้พูดต่อ
“ทุกบอร์ดของกระทรวงแรงงาน คนที่เป็นประธาน คือปลัดกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีไม่มี ที่จะเรียกประชุมอะไรก็น่าจะเป็นเรื่องของประธานบอร์ด แต่ผมจะให้นโยบาย ตอนนี้ยังไม่มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบย้อนหลัง แต่คงต้องมีการเสาะแสวงหาข้อเท็จจริง ว่าตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมามีอะไรบ้าง ไม่ใช่ยุคผม ยุคผมก็ต้องตรวจสอบตัวเอง เมื่อไม่ใช่ยุคผมก็ต้องหากรรมการที่เป็นกลางมาเป็นคนมาหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่ไปตรวจสอบเพื่อจับผิดเขา”นายพิพัฒน์กล่าว
เมื่อถามว่า เห็นน.ส.รักชนกพูดชมรมว.แรงงานหลายครั้ง จาการพูดคุยกัน ถือว่าเขามีความเข้าใจงานของประกันสังคมเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า คิดว่าต่างคนต่างเข้าใจกันและกัน เขาก็อยู่ในบริบทของเขาในฝ่ายนิบัญญัติ ตนอยู่ในฝ่ายบริหาร การที่นิติบัญญัติมาตรวจสอบฝ่ายบริหารเป็นเรื่องปกติ แล้วใครจะมาตรวจสอบ หรือรออีกทีหนึ่งคือให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาตรวจสอบ ตอนนั้นก็เอาไปติดคุกแล้ว ดังนั้นการที่นิติบัญญัติมาตรวจสอบดีแล้วจะได้รู้ว่าอะไรที่ล้ำเส้น อะไรที่ยังอยู่ในกรอบ นี่คือการถ่วงสมดุลระหว่างฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ
รมว.ไม่มีอำนาจในบอร์ดประกันสังคม
ถามว่ามีข้อวิพาก์วิจารณ์เรื่องนี้เป็นกระแสขึ้นมา เพื่อเอามาต่อรองนำคนของตัวเองเข้าไปอยู่ในบอร์ด นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ไม่มี เราจบเรื่องของบอร์ดแพทย์ก่อนที่ท่านส.ส.ไอซ์มานำเสนอด้วยซ้ำ เพราะตนและกลุ่มประกันสังคมก้าวหน้า มีการคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตลอดเวลา เพราะเขามีกรรมการประกันสังคมฝ่ายลูกจ้าง 6 คน ฝ่ายนายจ้าง 2 คน รวม 8 คนใน 14 คน เขาถือสัดส่วนเกินครึ่ง เพราะฉะนั้น มีอะไรก็จะหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
“ที่ผ่านมาบอร์ดประกันสังคม ฝ่ายลูกจ้าง 7 คน ฝ่ายนายจ้าง 7 คน ภาครัฐ 7 คน เป็นผู้สแตมป์ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณ หรืออื่นๆ เป็นเรื่องของบอร์ด รัฐมนตรีไม่มีอำนาจ แต่บอร์ดอนุฯ บอร์ดแพทย์ ผมเป็นผู้ลงนามตั้งกรรมการแต่ละคน แต่บอร์ดประกันสังคมมาจากการเลือกตั้ง ผมได้เฉพาะบอร์ดชุดเล็ก ชุดใหญ่ไม่มีความสามารถ แต่จะทำอะไรก็ต้องหารือบอร์ดชุดใหญ่ด้วย เพราะต้องการการทำงานที่เดินหน้าไปพร้อมๆกัน ไม่ใช่ผมเดินหน้าคุณดึง คุณเดินหน้าผมกระตุก ก็ไปไม่ได้ ประกันสังคมก็หยุดอยู่กับที่หรือถอยหลัง ซึ่งเงินไม่ใช่ของผม เงินเป็นของผู้ประกันตนทุกคน ต้องพยายามให้บอร์ดอนุมัติในสิ่งที่พวกเราอยากกระทำ อยากเอาเงินของประกันสังคมไปสร้างให้เกิดดอกผลมากที่สุด เพื่อที่อีก 30 ปีข้างหน้าไม่ล้มละลาย”นายพิพัฒน์กล่าว







