'บุญสงค์ ปลัดแรงงาน' เปิดใจ 'ผู้ประกันตนต้องได้สิทธิประโยชน์เหนือกว่า'

“บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดแรงงาน” เปิดใจ ปี 2568 ขับเคลื่อน 2 เรื่องใหญ่ คุ้มครอง ดูแลแรงงานไทยในต่างประเทศ- สร้างเสถียรภาพกองทุนประกันสังคม ให้เลือกอายุเกษียณ ลั่นผู้ประกันตนต้องได้สิทธิประโยชน์เหนือกว่าคนในสิทธิอื่น
KEY
POINTS
- “นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์” 2 ปี ในตำแหน่ง “ปลัดกระทรวงแรงงาน” ตั้งใจ มุ่งมั่น แน่วแน่ขับเคลื่อนงานผ่านแนวคิด “MOL TRUST” 5 ข้อ
- ปี 2568 ขับเคลื่อน 2 เรื่องใหญ่ มุ่งเป้า คุ้มครอง ดูแลแรงงานไทยในต่างประเทศ เผยส่งเงินกลับเข้าประเทศกว่า 4 แสนล้านบาทต่อปี ตั้ง “ไตรเทพพิทักษ์”จับกุมคนทำผิด
- สร้างเสถียรภาพกองทุนประกันสังคม เพิ่มสักส่วนลงทุนในหลักทรัพย์เสี่ยง- ให้เลือกอายุเกษียณ -ปรับฐานค่าจ้าง เงินสมทบ - เพิ่มสิทธิประโยชน์ ลั่นผู้ประกันตนต้องได้สิทธิประโยชน์เหนือกว่าคนในสิทธิอื่น
ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง “ปลัดกระทรวงแรงงาน” เมื่อ 1 ต.ค.2567 จนถึงการเกษียณอายุในอีก 2 ปีข้างหน้า “บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์” ขับเคลื่อนนโยบายแรงงาน “ตั้งใจ มุ่งมั่น แน่วแน่” ผ่านแนวคิด “MOL TRUST” 5 ข้อ คือ
- Teamwork ทำงานทีมเดียวกันเป็นครอบครัวแรงงาน
- Reform ปฏิรูปองค์กรสู่กระทรวงแรงงานยุคใหม่
- Unity มีความเป็นหนึ่งเดียว ขับเคลื่อนการทำงานทิศทางเดียวกัน
- Smart & Smile บุคลากรในในองต์กร สง่างามบุคลิกภาพที่ดี ความรู้และความเป็นมืออาชีพในการทำงาน มีรอยยิ้มและจิตบริการที่ดี
- Technology มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ก้าวล้ำทันสมัย สนับสนุนการให้บริการ ภารบริหารงานและการปฏิบัติงาน
“ไตรเทพพิทักษ์”จับกุมคนทำผิด
สำหรับนโยบายสำคัญของกระทรวงแรงงานที่จะขับเคลื่อนในปี 2568 มุ่ง 2 เรื่องใหญ่ ได้แก่ 1.การทำงานในต่างประเทศของคนไทย ซึ่งจะเห็นว่ามีการหลอกลวงคนไปทำงานต่างประเทศทั้งเกาหลีใต้ และออสเตรเลีย เกิดจากได้รับข้อมูลเท็จจากนายหน้าเถื่อน โดยกระทรวงฯได้มีการตั้งชุดเฉพาะกิจ “ไตรเทพพิทักษ์” ตามนโยบายของรมว.แรงงาน มีหน้าที่ในการดูแล ปกป้องคนถูกหลอกลวง ,คนไทยถูกต่างด้าวแย่งอาชีพ ,ต่างด้าวทำงานที่ไม่ได้รับอนุญาต ต้องปราบปรามจับกุมคนทำผิด
ส่งเงินกลับไทยปีละ 4 แสนล้าน
ขณะเดียวกัน ได้ร่วมขับเคลื่อนนโยบายรมว.แรงงานในการทำงานเขิงรุก “ MOL Overseas Matching” โดยการออกเดินทางไปหาตลาดความต้องการแรงงานไทยในต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย ฮ่องกง มาเก๊า และอิสราเอล เป็นต้น ล่าสุด ประเทศญี่ปุ่น ต้องการแรงงานไทย 2,027 ตำแหน่ง ในอาชีพผู้บริบาล และพนักงานบริการ และประเทศอิสราเอล ต้องการ 19,000 ตำแหน่ง ในอาชีพเกษตร และก่อสร้าง ด้วยการการันตีรายได้ 7 0,000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งเป็นการไปทำงานในพื้นที่ปลอดภัยมีแผนอพยพกรณีเจอเหตุการณ์รุนแรงเท่านั้น ไม่ให้ไปทำงานในพื้นที่สีแดงเด็ดขาด
“คนไทยที่มีฝีมือไปทำงานต่างประเทศ เป็นแม่ทัพแรงงาน นำเงินกลับเข้ามาประเทศหลายแสนล้านบาท อย่างปี 2567 ส่งเงินกลับประเทศผ่านระบบธนาคารที่ตรวจสอบได้ราว 262,240 ล้านบาท แต่ยังมีอีกมากที่ไม่ได้แจ้งไปทำงานอย่างถูกต้องและส่งเงินกลับมาไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้าน รวมๆ ส่งเงินกลับไทยกว่า 4 แสนล้านบาทต่อปี เงินนี้ช่วยพยุงเศรษฐกิจ ดูแลครอบครัวแรงงานให้มีชีวิต ยังชีพได้ตามอัตภาพ”นายบุญสงค์กล่าว
กองทุนประกันสังคมไม่ล้ม-ปรับแผนลงทุน
และ 2.เสถียรภาพกองทุนประกันสังคม ที่มีเงิน 2.6 ล้านล้านบาท เพื่อรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพกองทุนประกันสังคม จึงได้ทำแผนยุทธศาสตร์ใหม่ พิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิม 30 % ส่วนอีก 60% เป็นหลักทรัพย์ที่มั่นคง และจะเพิ่มเป็น หลักทรัพย์เสี่ยง 50% น่าจะหลังปี 2570 ซึ่งเมื่อปี 2566 ผลตอบแทนกำไร 3 % 73,000 ล้านบาท ปี 2567 อยู่ที่ 4 % 60,000 ล้านบาท ปี 2568 ตั้งเป้าประมาณ 5 % ราว 70,000 ล้านบาท และปี 2569 อยู่ที่ 6 % หรือ 70,000 ล้านบาท
“ยืนยันกองทุนฯไม่ล้มละลาย แต่หากอยู่ในบริบทเดิมข่ายแต่สิทธิประโยชร์ออกไป มีเงินรายได้เข้ากองทุน ก็จะเซ็ตซีโร่เงินเข้าเท่ากับเงินออกในอีก 30 ข้างหน้าหรือปี 2597 และไม่ขายหุ้นในประเทศ ยังคงอยู่ เพียงแต่ลงทุน Oversea มากขึ้น เพราะมีReturn Income มากขึ้น เพื่อนำดอกผลมาดูแลสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน”บุญสงค์กล่าว
ขยายฐานค่าจ้าง แบบขั้นบันได
นอกจากนี้ มีการขยายฐานค่าแจ้งที่ใช้คำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม จากเดิม5 % ของค่าจ้างขั้นต่ำ 15,000 บาท เป็นเงิน 750 บาท ครอบคลุม 7 สิทธิประโยชน์ตั้งแต่ในครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน คือ รักษาพยาบาล ดูแลครรภ์-คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ว่างงาน บำเหน็จบำนาญชราภาพ ทุพพลภาพ และเสียชีวิต โดยจัดสรรสัดส่วนให้น้ำหนักไปที่เรื่อง บำเหน็จบำนาญชราภาพ มากที่สุด ปรับฐานค่าจ้างใหม่เป็นแบบขั้นบันได คือ ในปี 2569-2571 สูงสุด 17,500 บาท ,ปี 2572-2574 สูงสุด 20,000 บาท และตั้งแต่ปี 2575 เป็นต้นไป สูงสุด 23,000 บาท
ขยายอายุทำงาน -ปิดรับแรงงานกลุ่มใหม่เข้าระบบ
ไม่เพียงเท่านี้ คณะทำงานกำลังศึกษาเรื่องการขยายอายุการทำงานจากเดิมให้เกษียณ รับเงินบำเหน็จบำนาญเมื่ออายุ 55 ปี แต่จะให้ผู้ประกันตนเลือกว่าจะเกษียณตอนอายุ 55 ปี หรือ 60 ปี ซึ่งหากเลือกเกษียณตอนอายุ 60 ปี ระหว่างที่ทำงานก็ยังคงได้สิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนเช่นเดิม
อีกทั้ง กำลังร่างกฎหมายเพื่อนำมาเปิดรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมเข้ามาอยู่ในกองทุน เช่น แม่บ้าน เกษตรกรเฉพาะที่ประสงค์เข้ากองทุน ประมง คนหลุดจากระบบ หากเข้ามาราว 1.6-2 ล้านคน ก็จะทำให้กองทุนมั่นคงขึ้น
ประกันสังคมสิทธิประโยชน์ต้องเหนือกว่า
ถามว่าจะขับเคลื่อนอย่างไรเพื่อให้คนกลุ่มนี้เข้ามาอยู่ในระบบประกันสังคม เพราะปัจจุบันได้รับสิทธิรักษาฟรีจากหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทอง 30 บาทอยู่แล้ว นายบุญสงค์ กล่าวว่า ต้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้เห็นว่าสิทธิประโยชน์ประกันสังคมไม่ได้มีเรื่องสิทธิรักษาพยาบาลอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมสิทธิประโยชน์อื่นตั้งแต่ครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน
อย่างที่ผ่านมา มีกรณีครูจ้างเหม่าราว 70,000-80,000 คนที่เข้าประกันสังคม เพราะเห็นสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า หรือ กรณีรัฐวิสาหกิจ ที่พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 ไม่ได้กำหนดให้รัฐวิสาหกิจ หาบเร่ แผงลอย จ้างเหมาเป็นผู้ประกันตน แต่ก็มีเสียงสะท้อนจากผู้นำรัฐวิสาหกิจที่อยาได้สิทธิประกันสังคม เพราะมองว่าระบบสวัสดิการรัฐวิสาหกิจดี แต่สิทธิประโยชน์ในบั้นปลายอาจจะไม่ครอบคลุมนัก ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องแก้กฎหมาย
เพิ่มสิทธิประโยชน์ประกันสังคม
ที่สำคัญในปี 2568 มีสิทธิประโยชน์ประกันสังคมเพิ่มเติมมากขึ้นด้วย อาทิ ลาคลอด ทำฟัน และรักษามะเร็งทุกที่(Cancer anywhere)ในรพ.ที่ทำบันทึกความร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคม โดยไม่จำเป็นต้องเป็นรพ.ตามสิทธิเท่านั้น ปัจจุบันมีรพ.เข้าร่วมราว 70-80 แห่ง :ซึ่งผู้ประกันตนที่ฐานข้อมูลพบว่าป่วยโรคนี้ออยู่ราว 70,000 คน สามารถเข้าไปรับบริการได้ทุกที่ โดยไม่ต้องผ่านการส่งตัวจากรพ.ตามสิทธิ จากนั้นรพ.ที่ผู้ประกันตนไปรับบริการจนสิ้นสุดการรักษา จะเรียกเก็บเงินโดยตรงมาที่สำนักงานประกันสังคม
นายบุญสงค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาต้องผ่านการส่งตัวจากรพ.ตามสิทธิ ทำให้เกิดเรื่องการเลี้ยงไข้ หรือหลายรพ.ให้บริการไม่ทัน แล้วส่งต่อไปรพ.อื่น แต่ก่อนจะส่งต่อก็ใช้เวลานานมาก จนโรคเป็นมากขึ้น แทนที่จะรักษาตอนป่วยระดับ 1 อาจกลายเป็นได้รับรักษาตอนยู่ระดับ 4 หรือไม่สามารภรักษาได้แล้ว
“ผู้ประกันตนต้องได้รับสิทธิประโยชน์ เหนือกว่าทุกสิทธิ ต้องเหนือกว่าสวัสดิการข้าราชการด้วย เพราะผู้ประกันตนมีส่วนสมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคม หรือCopayment แต่ก็ต้องมองถึงสิทธิในอนาคตด้วย”บุญสงค์กล่าว
เดินหน้ามาตรการ 3 ขอ
ส่วนมาตรการ 3 ขอ คือ ขอเลือก ผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ สามารถเลือกรับเป็นเงินบำเหน็จหรือบำนาญได้ ตามข้อกำหนด ขอคืน กรณีเกิดภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตนอย่างร้ายแรง สามารถขอรับเงินชราภาพบางส่วนได้ก่อนอายุครบ 55 ปี ตามข้อกำหนด ขอกู้ ผู้ประกันตนสามารถนำเงินชราภาพบางส่วน ใช้เป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินที่ทำความตกลงกับสำนักงานประกันสังคมนั้น กระทรวงฯมีการยืนยันไปแล้วที่จะเดินหน้าเรื่องนี้
ดูแลแรงงานแพลตฟอร์ม
ท้ายที่สุดสอบถามถึงเรื่องการดูแลแรงงานที่มีการจ้างงานรูปแบบใหม่ๆ เช่น แพลตฟอร์ม นายบุญสงค์ กล่าวว่า มีการคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาแนวทางการดูแล ปกป้อง คุ้มครองแรงงานกลุ่มนี้ ซึ่งในกฎหมายไม่ได้กำหนดให้เข้าสู่ระบบประกันสังคม เพราะไม่มีการกำหนดเรื่องการจ้างงานรูปแบบใหม่ไว้
“เบื้องต้น อยากให้เข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ซึ่งจะทำให้แรงงานเข้าไปเยียวยาและรับสิทธิประโยชน์ตามที่กำหนดได้ และอนาคตก็จะมีการพัฒนาเพิ่มสิทธิ เป็น “40 พลัส” ซึ่งจะได้สิทธิประโยชน์มากขึ้น”นายบุญสงค์กล่าว