มีเฮ! พิพัฒน์ ลั่น 'ค่าแรงขั้นต่ำ' ขึ้นแน่นอน แต่ไม่ใช่ 400 บาททั่วประเทศ

มีเฮ! พิพัฒน์ ลั่น 'ค่าแรงขั้นต่ำ' ขึ้นแน่นอน แต่ไม่ใช่ 400 บาททั่วประเทศ

"พิพัฒน์" เผยสูตรคำนวณ"ค่าแรงขั้นต่ำ มีการปรับขึ้นอย่างแน่นอน แต่อาจไม่ใช่ 400 บาททั่วประเทศ รอ สภาพัฒน์ ธปท.เคาะ เงินเฟ้อ-การเติบโตของเศรษฐกิจ

วันนี้ (6 พ.ย. 66) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำว่าการปรับค่าแรงขั้นต่ำในปีนี้นั้นมีการปรับขึ้นอย่างแน่นอน แต่อาจไม่ใช่ 400 บาททั่วประเทศ เพราะฐานของค่าแรงขั้นต่ำแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน โดยจะพิจารณาบนพื้นฐานของข้อมูลใน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างรอข้อมูลของแต่ละจังหวัด เพื่อประชุมหารือที่กระทรวงแรงงานในวันที่ 17 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ จากนั้นจึงจะเป็นการหารือของคณะกรรมการค่าจ้างในรูปแบบไตรภาคี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินกลางเดือนธันวาคมนี้ ทั้งนี้ ต้องสอบถามไปยังธนาคารแห่งประเทศและสภาพัฒน์ฯ ด้วยว่าอัตราเงินเฟ้อในประเทศไทยปี 2566 คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อเอามาคำนวณได้

มีเฮ! พิพัฒน์ ลั่น \'ค่าแรงขั้นต่ำ\' ขึ้นแน่นอน แต่ไม่ใช่ 400 บาททั่วประเทศ

“เรายังยืนยันว่า จะมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแน่นอน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในภาพรวมเริ่มมีการฟื้นตัว ทั้งนี้ ต้องระวังในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ต้นทุนและราคาวัตถุดิบสูงขึ้น โดยอาจไม่ใช่ตัวเลข 400 บาททั่วประเทศเนื่องจากฐานค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ จะเป็นไปตามกฎหมายแรงงานในมาตรา 87 พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการครองชีพของลูกจ้าง ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง และสภาพเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวม และการเจรจาหารือกันในระบบไตรภาคีด้วย ซึ่งการพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ นั้น ได้มีการใช้สูตรการคำนวณประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของไทยตั้งแต่ปี 2560 ส่งผลให้ตัวเลขค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดมีอัตราที่ไม่เท่ากัน เนื่องจากแต่ละจังหวัดมีสภาพเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน” นายพิพัฒน์ฯ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เราจะพิจารณาให้รอบด้านครบทุกมิติ เพื่อให้ทั้งผู้ประกอบการและแรงงานทุกภาคส่วนอยู่ได้ให้มากที่สุด เพราะจุดมุ่งหมายของกระทรวงแรงงานและรัฐบาล คือ เราให้ความสำคัญในการทำให้ประชาชนทุกกลุ่ม มีรายได้ที่เป็นธรรม และเหมาะสม สามารถพัฒนาชีวิตของตนเองได้ มีรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในขณะเดียวกันไม่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ

ทั้งนี้ จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2554 – 2565 ที่ผ่านมา พบว่า กระทรวงแรงงาน มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ดังนี้

  • ปี 2556 ทุกจังหวัดมีค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่วันละ 300 บาท
  • ปี 2560 จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ภูเก็ต สมุทรปราการ  และสมุทรสาคร  มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 310 บาท  จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำน้อยที่สุดคือ  ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา ระนอง  และสิงห์บุรี  มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 300 บาท 
  • ปี 2561 จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงสุด คือ ชลบุรี  ภูเก็ต  และระยอง มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 330 บาทจังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำน้อยที่สุดคือ  นราธิวาส  ปัตตานี  และยะลา มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 308 บาท
  • ปี 2563 จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงสุด คือ ชลบุรี  และภูเก็ต  มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 336 บาท จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำน้อยที่สุดคือ  นราธิวาส  ปัตตานี  และยะลา มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 313 บาท 
  • ปี 2565 จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงสุด คือ ชลบุรี  ระยอง  และภูเก็ต มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 354 บาท จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำน้อยที่สุดคือ  ยะลา  ปัตตานี  นราธิวาส  น่าน  และอุดรธานี มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 328 บาท