ส่อง ‘สวัสดิการ’ ออฟฟิศสุดปัง ขิงกันสนั่นโซเชียล บริษัทใครให้เยอะกว่ากัน

ส่อง ‘สวัสดิการ’ ออฟฟิศสุดปัง ขิงกันสนั่นโซเชียล บริษัทใครให้เยอะกว่ากัน

“สวัสดิการ” ถือเรื่องปกติที่ทุกองค์กรจำเป็นต้องมีให้แก่ “พนักงาน” ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละองค์กร โดยมีทั้งสวัสดิการตามกฎหมายและสวัสดิการนอกกฎหมาย ในปัจจุบันอาจมีสวัสดิการแปลกสุดปังจนคาดไม่ถึง?

Key Points:

  • จากสถานการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้หลายองค์กรเริ่มปรับสวัสดิการของ “พนักงานออฟฟิศ” ให้มีความทันสมัยมากขึ้น
  • สวัสดิการบางอย่างถือว่าเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ในสังคมไทย เช่น ลาไปดูแลสัตว์เลี้ยง หรือลางานไปแปลงเพศ โดยที่ยังได้รับเงินเดือนปกติ
  • สวัสดิการที่ดีถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หลายคนตัดสินใจสมัครเข้าทำงานในบริษัทต่างๆ รวมถึงมัดใจไม่ให้พนักงานเก่าลาออก

ทำงานที่บ้าน มีข้าวฟรี ลางานง่าย ได้โบนัส รับโอที รวมถึงลาไปแปลงเพศ เป็นส่วนหนึ่งใน “สวัสดิการ” ของบริษัทเอกชนหลายแห่ง ที่ชาวออฟฟิศต่างหยิบยกมาถกเถียงกันสนั่นบนโลกออนไลน์ เพราะสวัสดิการดีๆ เหล่านี้ ทำให้หลายคนเลือกที่จะทำงานที่เดิมต่อไป และไม่อยากย้ายออกไปไหน

การแชร์เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นหลังมีผู้ตั้งคำถามในโลกออนไลน์ว่า “สวัสดิการอะไรของบริษัทที่คุณชอบ จนไม่อยากย้ายไปไหน” โดยเพจ CREATIVE TALK ซึ่งมีมนุษย์ออฟฟิศจากหลายบริษัทเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านสวัสดิการกันเป็นจำนวนมาก จนเรียกได้ว่ากลายเป็นการขิงกันเบาๆ ว่าบริษัทใครปังกว่ากัน และบางสวัสดิการก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง

ก่อนจะไปพบกับสวัสดิการสุดปังจากหลากหลายออฟฟิศ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสวัสดิการแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ สวัสดิการตามกฎหมาย (Legal Welfare) และ สวัสดิการนอกเหนือกฎหมาย (Special Welfare) ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละองค์กร

  • สวัสดิการคืออะไร ตามกฎหมายและนอกกฎหมายต่างกันอย่างไร

“สวัสดิการ” (Welfare) มาจากคำว่า Well-being คือ การกินดีอยู่ดี หมายถึง ภาวะของการมีสุขภาพดี มีความเป็นอยู่ที่ดี และมีความสุข ส่วนในมุมของ “แรงงาน” นั้น สวัสดิการหมายถึง บริการ กิจกรรม ที่สถานประกอบการหรือนายจ้างจัดให้พนักงานในองค์กร เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ไปจนถึงการอำนวยความสะดวกในการทำงานเพื่อให้พนักงานมีความรู้สึกมั่นคงในอาชีพ นอกเหนือไปจาก “ค่าจ้าง” และ “เงินเดือน

สำหรับสวัสดิการทั่วไปตามองค์กรนั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

สวัสดิการตามกฎหมาย

ถูกกำหนดโดย กฎกระทรวง ว่าด้วยการจัดสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ พ.ศ.2548 ระบุให้สถานประกอบการ องค์กร หรือ หน่วยงาน ให้ลูกจ้างหรือพนักงานได้รับการอำนวยความสะดวกดังนี้ 

1. น้ำดื่ม 1 ที่ ต่อพนักงาน 40 คน ถ้ามีเศษเกิน 20 คน ให้นับเป็น 40 คน

2. ห้องน้ำแยกชายหญิง รวมถึงห้องน้ำผู้พิการ

3. มีสิ่งจำเป็นในการปฐมพยาบาลและรักษาพยาบาล

4. นายจ้างอาจทำข้อตกลงกับสถานพยาบาล เพื่อส่งลูกจ้างเข้ารับการรักษาพยาบาลกับสถานพยาบาลที่เปิด 24 ชั่วโมง

สวัสดิการนอกเหนือกฎหมาย

นอกจากสวัสดิการตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว บางสถานประกอบการยังจัดให้พนักงานไปจนถึงครอบครัวของพนักงานได้รับผลประโยชน์มากขึ้น เพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานรู้สึกอยากทำงานกับบริษัทต่อไปเรื่อยๆ โดยเป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และมีความสุข

โดยสวัสดิการนอกเหนือกฎหมายที่หลายบริษัทมอบให้กับพนักงาน ได้แก่ โบนัส เบี้ยขยัน ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ค่าอาหาร วันลา(ไม่หักค่าจ้าง) ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ประกันทันตกรรม เงินออมพิเศษ เป็นต้น

  • สวัสดิการแบบไหนมัดใจลูกจ้างได้

ปัจจุบันหลายองค์กรมีพนักงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ค่อนข้างมาก ดังนั้นวิธีการทำงานไปจนถึงสิ่งแวดล้อมบางอย่างในที่ทำงาน ก็จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะความยืดหยุ่นในการทำงาน สวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และ การออมเงิน และไม่ใช่แค่คนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่พนักงานรุ่นเก๋าหลายคนก็ให้ความสนใจเรื่องสวัสดิการกันมากขึ้น

สำหรับสวัสดิการที่หลายคนพูดถึงในโลกออนไลน์ส่วนมาก บางเรื่องก็เน้นไปที่ความยืดหยุ่นในการทำงาน การดูแลสุขภาพ การช่วยพนักงานออมเงิน ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ เช่น การทำงานที่บ้านโดยไม่กำหนดวันเข้าออฟฟิศ หรือถ้าเข้าออฟฟิศก็ไม่จำเป็นต้องตอกบัตร สิทธิ์การลาไปดูแลสัตว์เลี้ยง ลาไปแปลงเพศ วันหยุดพิเศษในเดือนเกิด หรือลาพักใจ เป็นต้น

ในส่วนของสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ก็เรียกว่าได้รับความนิยมจากพนักงานหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น สวัสดิการตรวจสุขภาพ ทำฟัน ประกันอุบัติเหตุ ปรึกษาจิตแพทย์ฟรี สนับสนุนงบประมาณสำหรับสุขภาพอื่นๆ เช่น มีห้องออกกำลังกาย ช่วยจ่ายซื้อค่าอุปกรณ์ออกกำลังกาย ฝังเข็ม ฝังหรือฉีดยาคุม เป็นต้น

อีกประเภทของสวัสดิการที่ได้รับความสนใจก็คือ การสนับสนุนการออมของพนักงานและสนับสนุนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คอมพิวเตอร์ มือถือ หรือ แล็ปท็อปประจำตัว งบให้พนักงานลงเรียนคอร์สฝึกทักษะต่างๆ ที่สามารถนำมาต่อยอดในการทำงานได้ เช่น ภาษาต่างประเทศ การเงิน การตลาด หรือการซื้อหนังสือ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการซื้อหุ้นบริษัทโดยมีส่วนลด 15% อีกด้วย

ประเด็นของ “สวัสดิการ” ที่เป็นที่สนใจของสังคม เคยได้รับการพูดถึงมาแล้วก่อนหน้านี้ จากการนำข้อมูลด้านสวัสดิการของ แสนสิริ และ ศรีจันทร์ ออกมาเปิดเผย ทำให้หลายคนเริ่มมองว่าเรื่องของสวัสดิการเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หลายคนสนใจองค์กร ตัวอย่างเช่น

- สวัสดิการของ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อเครื่องสำอาง “แบรนด์ศรีจันทร์” ที่นอกจากจะมีเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นและทำงานที่ไหนก็ได้แล้ว ยังมีเรื่องของ รับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฟรีทุกเดือน มีส่วนลดการซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท วันหยุดพักผ่อนประจำปีสูงสุด 20 วันต่อปี สิทธิ์เบิกค่าหนังสือเดือนละ 1 เล่ม ค่าแนะนำการสมัครงาน สูงสุด 15,000 บาท (เช่น แนะนำเพื่อนมาสมัคร) เป็นต้น

- สวัสดิการของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก็มีแนวทางในการทำงานใกล้เคียงกับศรีจันทร์คือ เน้นการยืดหยุ่นในการทำงาน แต่ก็มีสวัสดิการเสริมอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น เงินกู้ฉุกเฉินสูงสุด 3 เท่าของเงินเดือน บริการรถรับส่งจากสถานี BTS-ที่ทำงาน ส่วนลดอสังหาฯ ของแสนสิริ เป็นต้น

ดังนั้นการที่องค์กรมีสวัสดิการที่ดีและมีผลประโยชน์ครอบคลุมหลากหลาย อาจเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนเลือกที่จะเข้ามาทำงานในองค์กรนั้นๆ และทำให้พนักงานเดิมไม่อยากลาออก อย่างไรก็ตาม นอกจากผู้ประกอบการต้องเลือกจัดทำสวัสดิการให้เหมาะสมกับองค์กร เพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขในการทำงานแล้ว แต่ก็ต้องไม่ให้องค์เสียผลประโยชน์เช่นกัน

อ้างอิงข้อมูล : JobsDB, จป Today, ศรีจันทร์ และ แสนสิริ