'อากาศร้อน' ชาวนาพ่อลูกอ่อน นอนเฝ้าเครื่องสูบน้ำทำนา เสียชีวิตอนาถ

'อากาศร้อน' ชาวนาพ่อลูกอ่อน นอนเฝ้าเครื่องสูบน้ำทำนา เสียชีวิตอนาถ

สุพรรณบุรี "อากาศร้อน" ชาวนาพ่อลูกอ่อน นอนเฝ้าเครื่องสูบน้ำทำนา 100 ไร่ เสียชีวิตอนาถ คาดทำงานหนักพักผ่อนน้อย

"อากาศร้อน" ชาวนาเสียชีวิตอนาถ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ร.ต.ท.อมรเทพ วิชิตชาญ พนักงานสอบสวน สภ เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งมีคนเสียชีวิตที่กลางทุ่งนาบ้านโคกโคเฒ่า หมู่ 2 ตำบลโคกโคเฒ่า จึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช กำลังฝ่ายสืบสวนและมูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี ไปตรวจสอบ 

ที่เกิดเหตุอยู่กลางทุ่งนาพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายกนก อายุ 30 ปี ชาวบ้านตำบลดอนโพธิ์ทอง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี สภาพนุ่งกางเกงขาสั้นสวมเสื้อยืดแขนสั้นนอนหงายพาดอยู่บนเบาะรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิสภาพเก่า สีน้ำเงินทะเบียน บล 7129 สุพรรณบุรี ที่คอนโซลหน้ารถมีพัดลมขนาดเล็กตั้งอยู่ในสภาพเปิดทำงาน ในรถพบเสื้อผ้าเครื่องนอนของผู้สียชีวิตวางอยู่

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบบาดแผลและร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-4 ชั่วโมง 

จากการสอบถามนางน้ำเชื่อม อายุ 53 ปีแม่ผู้เสียชีวิต ซึ่งมาดูร่างไร้วิญญาณของลูกชายอยู่ในอาการเสียใจร้องไห้แทบขาดใจ

เล่าว่าลูกชายเป็นเสาหลักของครอบครัวเป็นคนขยัน ทำแต่งานก่อนเกิดเหตุได้มาเฝ้าเครื่องสูบน้ำ ที่กำลังสูบน้ำเข้านาที่เช่าเขาทำกว่า 100 ไร่ และรอรับพันธุ์ข้าวปลูกเพื่อเตรียมจะหว่านข้าวทำนา  

โดยปกติลูกชายจะกลับไปนอนบ้านทุกวัน แต่เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้าน กระทั่งเช้ามีคนโทรไปบอกว่าพบลูกชายเสียชีวิตที่กลางทุ่ง ชวนสามีและลูกสะใภ้และญาติ เดินทางมาดูเมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของลูกชายก็แทบขาดใจ เพราะตนมีลูกคนเดียว

และลูกไม่เคยเกเร ขยันทำงาน รักครอบครัว ตนและครอบครัวไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เพราะลูกไม่เคยมีปัญหากับใคร จึงคิดว่าไม่มีใครมาร้ายลูกสาเหตุ คิดว่าน่าจามาจากลูกทำงานหนักพักผ่อนน้อย และนอนในรถปิดกระจก อากาศก็ร้อนทำให้เป็นลมแดดเสียชีวิต 

นายวิมล อายุ 53 ปี เพื่อนที่ทำนาใกล้กันและมานอนเฝ้าเครื่องสูบน้ำด้วยกันในคืนเกิดเหตุ เล่าว่าผู้เสียชีวิตรู้จักกันเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน เป็นคนขยันช่วงค่ำได้มารอรับเมล็ดพันธ์ข้าวปลูกอยู่ที่เกิดเหตุ หลังจากได้เมล็ดพันธุ์ข้าวแล้วก็นั่งคุยกัน โดยตนได้ซื้อเบียร์มานั่งดื่ม ส่วนผู้เสียชีวิตไม่ดื่ม 

กระทั่งประมาณ 5 ทุ่ม ผู้เสียชีวิตจึงขอตัวไปนอนในรถตน ชวนให้นอนด้วยกันบนรถเทเลอร์ของตนแต่ผู้เสียชีวิตไม่นอนเข้าไปนอนในรถโดยปิดกระทั้งสองข้างจนสนิทแล้วเปิดพัดลมตัวเล็กไว้บนคอนโซนก่อนนอนก็ไม่ได้พูดอะไร

บอกแต่เพียงว่ารู้สึกเพลีย กระทั่งเช้าตนตื่นไม่เห็นผู้เสียชีวิต จึงเดินไปดูที่รถเห็นผู้เสียชีวิตนอนหงานอยู่มา จึงเคาะประตูรถเรียกผู้เสียชีวิตก็ไม่ยอมตื่นจึงตัดสินใจงัดประตูรถดูก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งตำรวจและญาติมาดู 

ทางด้าน น.ส.ลัดดาวัลย์ อายุ 39 ปีภรรยาผู้เสียชีวิต เล่าว่าสามีเป็นคนขยันไม่มีโรคประจำตัว ก่อนเกิดเหตุสามีได้สั่งให้ตนซักเสื้อผ้าผ้าห่มที่สามีใช้ และตนก็ได้ซักให้และพับใส่ถุงไว้ กระช่วงเช้าวันที่ 21 พ.ค. ตนออกจากบ้านประมาณตีสี่เพื่อไปหาหมอ

ส่วนสามีออกจากบ้านประมาณ 09.00 น. กระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. ตนได้โทรศัพท์หาสามี สามีบอกกำลังวิ่งข้าวปลูก และสั่งให้ตนซื้อข้าวไว้ให้ด้วยตนก็ซื้อไว้ให้กระทั่งสองทุ่มสามียังไม่กลับบ้านจึงโทรหาอีกรอบ แต่สามีไม่รับสายตนคิดว่าคงชาร์ตโทรศัพท์ไว้ 

จากนั้นก็ไม่ได้โทรอีก ปกติ ประมาณ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน เขาจะกลับบ้านทุกวัน ไม่เคยนอนค้างที่อื่น จนรุ่งเช้ามีคนโทรไปบอกว่าสามีเสียชีวิตแล้ว ตนตกใจมากก่อนหน้านี้สามีเคยบ่นว่าปวดเมื่อยร่างกายแต่ไม่ได้พูดเรื่องอื่นให้ฟัง เพราะสามีไม่เคยมีปัญหากับใคร ตนเพิ่งจะมีลูกด้วยกัน 1 คนเป็นลูกสาวอายุเพิ่งจะ 9 เดือนต้องมากำพร้าพ่อ