'INNO MATH - OTM' นวัตกรรมพลิกโฉมการเรียนรู้จากแบบฝึกหัด

น่าทึ่ง! นักเรียนไทยทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ 2,500 ข้อใน 2 เดือน พลังนวัตกรรม INNO MATH และ OTM พลิกโฉมการเรียนรู้ ครู–นักเรียน–โรงเรียนคว้ารางวัลเกียรติยศ
การเรียนคณิตศาสตร์ที่เคยถูกมองว่ายากและน่าเบื่อ กลับกลายเป็นเรื่องท้าทายและสนุกสนาน เมื่อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา ร่วมกับคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดโครงการพัฒนานวัตกรรมการศึกษา ด้วยการนำนวัตกรรม INNO MATH และ OTM (Online Testing Management) เข้ามาใช้ในการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษาตอนปลาย ภายในเวลาเพียง 2 เดือน
โครงการนี้มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 63,000 คน จาก 511 โรงเรียนทั่วประเทศ มีครูผู้สอนกว่า 835 คน และนักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัดเฉลี่ยสูงถึง 192.67 ข้อ มากกว่าการเรียนแบบเดิมถึง 4 เท่า พร้อมผลสัมฤทธิ์เฉลี่ยสูงถึง 72.38% ถือเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่านวัตกรรมช่วยปลุกพลังการเรียนรู้ของเด็กไทยได้จริง
ข่าวท่ีเกี่ยวข้อง:
รู้จักนวัตกรรมINNO MATH และ OTM
ดร.ภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ความสำเร็จดังกล่าวถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ของการศึกษาไทย ที่เกิดจากความร่วมมือของครู ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหาร และนักเรียน โดยมีสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ที่เป็นกลไกหลักในการผลักดันโครงการนี้ และทางคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่ร่วมพัฒนาและดำเนินโครงการ จนนวัตกรรม INNO MATH และ OTM เกิดผลสัมฤทธิ์ชัดเจน และสร้างคุณูปการสำคัญต่อการศึกษาไทย
ทั้งนี้ ผลงานที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดคือความพยายามของ ด.ช. พรภวิษย์ ใหม่มาด จากโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ (พิบูลบำรุง) ที่คว้ารางวัล “Best Student ชนะเลิศ” ด้วยการทำแบบฝึกหัดมากถึง 2,500 ข้อภายในเวลาเพียง 2 เดือน และยังมีผลสัมฤทธิ์สูงถึง 91.57% ซึ่งนับว่าเป็นสถิติใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าหากมีเครื่องมือการเรียนรู้ที่เหมาะสม เด็กไทยก็สามารถสร้างความสำเร็จที่เกินความคาดหมายได้
นอกจากรางวัลชนะเลิศแล้ว ยังมีนักเรียนอีกหลายคนที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน โดยรางวัล “Best Student รองชนะเลิศอันดับ 1” ตกเป็นของ ด.ช. ปภาวิน ว่องเจริญ จากโรงเรียนอนุบาลเวียงป่าเป้า ที่ทำได้กว่า 2,400 ข้อ พร้อมผลสัมฤทธิ์ถึง 94.49% ส่วนรางวัล
“รองชนะเลิศอันดับ 2” ได้แก่ ด.ญ. ณัฐณิชา ปิ่นแก้ว จากโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ (พิบูลบำรุง) ที่ทำได้กว่า 2,300 ข้อ ผลสัมฤทธิ์ 91.01% และในรางวัล “ชมเชย” มีถึงสองคน คือ ด.ช. กันตภัค ไชยสุข จากโรงเรียนวัดนางสาว (ถาวรราษฎร์บำรุง) ที่ทำได้กว่า 2,200 ข้อ ด้วยผลสัมฤทธิ์สูงถึง 98.69% และนายซอ จากโรงเรียนเดียวกัน ที่ทำได้กว่า 2,200 ข้อ ผลสัมฤทธิ์ 92.66% ผลงานทั้งหมดนี้สะท้อนว่าเด็กไทยมีความสามารถและความพยายามอย่างยิ่ง หากได้รับสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสม
ในขณะที่นักเรียนหลายคนสร้างผลงานได้น่าทึ่ง ครูก็ไม่แพ้กัน โดยรางวัล “Best Teacher ชนะเลิศ” ตกเป็นของ น.ส. วราพร เชื้อหมอดู ครูจากโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ (พิบูลบำรุง) ที่สามารถกระตุ้นให้นักเรียนทั้งห้องทำแบบฝึกหัดเฉลี่ยมากกว่า 1,050 ข้อ ถือเป็นตัวอย่างของครูผู้ทุ่มเทและรู้จักใช้สื่อดิจิทัลสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เรียน
นอกจากนี้ยังมีครูที่ได้รับการยกย่องในลำดับต่าง ๆ ได้แก่ น.ส. ธนวรรณ พัฒสงค์ จากโรงเรียนวัดนางสาว (ถาวรราษฎร์บำรุง) ที่คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และนายพงศกร กากูล จากโรงเรียนเวียงเทิง (เทิงทำนุประชา) ที่คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รวมถึงรางวัลชมเชยที่มอบให้แก่นางอุบลวรรณ ขันแข็ง จากโรงเรียนบ้านหนองโค้ง และน.ส. อังค์วรา สมดี จากโรงเรียนอนุบาลภูกามยาว
ศึกษานิเทศก์ที่ทำหน้าที่สนับสนุนและติดตามโครงการก็ได้รับการยกย่องเช่นกัน โดยรางวัล “ศึกษานิเทศก์ดีเด่น” มอบให้กับ น.ส. วีราชีนี เสนานัย จาก สพป. นนทบุรี เขต 1 ในฐานะผู้คว้ารางวัลชนะเลิศ ขณะที่ น.ส. ภัทรฐิณีพร พงษ์วิสุวรรณ์ จาก สพป. สมุทรสาคร ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และนายพงศธร ช่างปัด จาก สพป. เชียงราย เขต 4 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2
อย่างไรก็ตาม ในระดับโรงเรียน รางวัลใหญ่ที่สุดอย่าง “Best School” ตกเป็นของโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ (พิบูลบำรุง) ที่ทั้งครูและนักเรียนร่วมแรงร่วมใจกันใช้นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าเฉลี่ยการทำแบบฝึกหัดทั้งโรงเรียนสูงถึง 495.38 ข้อ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นแบบอย่างของสถานศึกษาที่สามารถใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้อย่างได้ผลจริง







