4 คำอังกฤษทรงพลัง แต่ที่ชอบสุด empower มรดกจากประสบการณ์โควิด

ในช่วงเวลา 4-5 ปีนับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาดจนถึงปัจจุบัน ผมสังเกตว่ามี คำอังกฤษอยู่หลายคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นพิเศษและเป็นคำที่ทรงพลังด้วย
วันนี้ขอนำคำเหล่านี้มาสื่อสารต่อพร้อมกับแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังคำเหล่านี้
คำแรกคือ resilient ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ (เรส-สิ-เลี่ยนท์ / เน้นพยางค์ที่สอง /คำนาม คือ resilience) มีสองความหมายคือหมายถึงสามารถที่จะกลับฟื้นมาอยู่ในสภาพเดิมหลังจากเผชิญ แรงกดดัน ความท้าทายหรือความยากลำบาก
และอีกความหมายคือลักษณะที่วัสดุหรือวัตถุสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมหลังจากถูกงอ ถูกยึดหรือถูกบีบ เช่น ฟองน้ำ ลูกยาง สปริง ฯลฯ
หลังโควิด-19 มีการนำเอาคำนี้ทั้งคุณศัพท์และคำนามมาใช้อธิบายระบบเศรษฐกิจ ที่สามารถฟื้นตัวกลับคืนมาได้สู่ภาวะปกติหลังจากต้องต่อสู้กับความยากลำบากในช่วงโควิดระบาด
resilience กลายเป็นความสามารถที่สำคัญหนึ่งของระบบเศรษฐกิจไป และดูจะสอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่มีความผันผวนอยู่เสมอ ความสามารถที่จะสู้กับความยากลำบากและกลับคืนสู่สภาพปกติของระบบเศรษฐกิจจึงมีความสำคัญขึ้นเป็นอย่างมาก
สำหรับมนุษย์ทั่วไปนั้น ความสามารถเช่นนี้ของแต่ละบุคคลมีไม่เท่ากัน บุคคลที่มี resilience สูงจะมีความเปราะบางของสภาพจิตใจน้อยกว่า และยอมรับประโยคที่ว่า “Life goes on.” (ชีวิตเดินไปข้างหน้าเสมอ) เมื่อเกิดความสูญเสียได้ดีกว่า
คำที่สองคือ empower ซึ่งเป็นคำกริยาหมายถึง
(ก) ให้อำนาจหรือสิทธิในการออกคำสั่ง หรือตัดสินใจ หรือการบังคับกฎเกณฑ์แก่บุคคลในการทำงาน
(ข) ทำให้บุคคลเข้มแข็งขึ้น เชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะในการควบคุมชีวิตของตนเอง คำนี้เป็นคำที่ทรงพลังโดยเฉพาะในความหมาย (ข) เพราะทำให้คนอื่นเข้มแข็งขึ้นในการดำเนินชีวิต
Kenan Foundation Asia เป็นมูลนิธิอเมริกันที่มี University of North Carolina ที่เมือง Chapel Hill เป็นผู้สนับสนุน ระบุคำนี้ในพันธกิจของเขาในการช่วยเหลือเด็ก และบนกำแพงห้องประชุมเขียนไว้ว่า “Have you empowered someone today” (วันนี้คุณได้ empower (ในความหมายที่ 2) ใครสักคนหรือยัง)
ผมชอบมากเพราะการช่วยเหลือเด็กที่มีประสิทธิภาพนั้นมิใช่เพียงแค่ให้ แต่ต้องช่วยทำให้เขาเข้มแข็งทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ ให้เขาเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น และสามารถควบคุมชีวิตตนเองได้
สองคำนี้ผมยังไม่สามารถหาคำในภาษาไทยที่ตรงกันพอดีได้ อาจเป็นเพราะวิธีคิดและวัฒนธรรมของผู้ใช้ภาษาทั้งสองต่างกัน ในทางกลับกันมีหลายคำในภาษาไทยที่ไม่สามารถหาคำในภาษาอังกฤษที่ตรงกันในความหมายและความรู้สึกที่อยู่เบื้องหลังได้ เช่น น้ำใจ ใจนักเลง บารมี เวรกรรม หรือขี้เกรงใจ ฯลฯ
มีคำอังกฤษที่ทรงพลังอย่างมากอีกคำหนึ่ง นั่นก็คือ respect (“เคารพ” ซึ่งเป็นได้ทั้งกริยาและคำนาม) ซึ่งมิได้หมายถึงกริยาของการกราบไหว้เพราะเคารพนับถือ
ในภาษาอังกฤษที่เป็นคำนามหมายถึงความรู้สึกชื่นชมใครสักคน หรือบางสิ่งอย่างลึกซึ้งอันเนื่องมาจากความสามารถ หรือ คุณลักษณะประจำตนหรือความสำเร็จ ส่วนที่เป็นคำกริยาหมายถึงการกระทำของความรู้สึกชื่นชมดังกล่าว และกินความไปถึงการตระหนักถึงความรู้สึก ความปรารถนา และสิทธิของผู้อื่นด้วย
“การเคารพซึ่งกันและกัน” มีความสำคัญเพราะทำให้มนุษย์อยู่กันได้ในสังคมอย่างสันติสุข ถ้าเราไม่เคารพความแตกต่างของความเชื่อ ความเห็น ลักษณะหน้าตา เผ่าพันธ์ุ เพศ สถานะ สิทธิ ฯลฯ
ข้อขัดแย้งจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและมากมาย การสอนให้เคารพคนอื่นและสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นนามธรรม เช่น ความเป็นส่วนตน ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อ ทัศนคติ ฯลฯ
เป็นเรื่องจำเป็นเช่นเดียวกับการตระหนักในบุญคุณของบุคคลและสิ่งอื่นๆ ที่ไม่มีชีวิตรอบตัวเรา เช่น การนึกขอบคุณที่มีชีวิตอีกวันหนึ่ง ขอบคุณโลกที่มีธรรมชาติและแสงแดดให้ ขอบคุณครอบครัวที่มีความรักและอาหารให้ ขอบคุณบรรพบุรุษที่วางรากฐานสังคมและเศรษฐกิจไว้ให้ ฯลฯ
การนึกขอบคุณหรือเคารพสิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามีการตระหนักถึงสิ่งที่อยู่นอกตัวเรา ไม่หมกมุ่นแต่สิ่งที่ตัวเองปรารถนาไม่ว่าปัจจัยสี่หรือความร่ำรวย หรือความสะดวกสบายในชีวิตเท่านั้น
ความรู้สึกเช่นนี้จะทำให้มองเห็นสิ่งที่อยู่เหนือกว่าความต้องการของตนเองอย่างกว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็นความเชื่อมโยงของตัวเราเองกับสรรพสิ่งและคนอื่นอย่างรอบด้านมากยิ่งขึ้น
validation เป็นอีกคำที่ทรงพลัง ในความหมายทั่วไปหมายถึงการกระทำที่ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ว่าสิ่งนั้นถูกต้อง เป็นจริง หรือเป็นที่ยอมรับได้ ในอีกความหมายที่เกี่ยวพันกับอารมณ์ หรือจิตวิทยานั้นหมายถึงการยืนยัน หรือการยอมรับความเป็นตัวตน ความเห็น ความรู้สึกหรือประสบการณ์ของบุคคลหนึ่งว่ามีคุณค่า
มนุษย์ทุกคนต้องการการยอมรับจากผู้อื่นว่าเป็นคนที่มีคุณค่าทั้งนั้น หากเรียกชื่อ ทักทายว่ารู้จัก ให้คำชื่นชม แสดงอาการหรือคำพูดว่ายอมรับความรู้สึก หรือความเห็น หรือประสบการณ์ ก็คือลักษณะของ validate (คำกริยาของ validation) บุคคลนั้น
validate มาจากคำว่า valid ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ หมายถึงได้รับการยอมรับว่าถูกกฎเกณฑ์หรือกฎหมาย ตรรกะถูกต้องและมีเหตุผล (เช่นในการเสนอความเห็น) ยังใช้ได้ดีอยู่โดยไม่หมดอายุ
สี่คำที่ทรงพลังนี้ทำให้นึกถึงแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังคือการทำให้คนอื่นเข้มแข็งขึ้น (empower) การกลับมาอยู่สภาพเดิมโดยเอาชนะความยากลำบากได้ (resilience) และการเคารพ (respect) สรรพสิ่งในชีวิต
ตลอดจนได้การยอมรับว่ามีคุณค่าและความสำคัญ (validation) ทั้งหมดเป็นเรื่องทางบวกที่สร้างสรรค์ซึ่งล้วนเป็นผลพวงจากประสบการณ์โควิด
พรุ่งนี้คุณจะ empower ใครสักคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไหมครับ?







