อะไรคือเป้าหมายของการศึกษา เราเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร เพื่อใคร

บ้างก็ว่าเป้าหมายของการศึกษา คือการเตรียมพร้อมเยาวชนในการใช้ชีวิตนอกโรงเรียน นักเรียนเข้ามาเรียนรู้บทเรียนต่างๆ เพื่อออกไปใช้ชีวิตการทำงาน ออกไปใช้ชีวิตในสังคม
ได้อย่างเต็มศักยภาพ โรงเรียนเปรียบเสมือนบันไดก้าวสู่ความสำเร็จนอกห้องเรียน เป้าหมายของการศึกษา คือการพัฒนา เติมเต็มสิ่งต่าง ๆ ให้กับนักเรียน
การมองลักษณะนี้ เหมือนกับการมองเป้าหมายชีวิตว่าvคือการทำงานอย่างเต็มศักยภาพ หากเราขยายความคำว่า “เต็มศักยภาพ” เพิ่มเติม เราจะค้นพบว่ามนุษย์แต่ละคนมีพรสวรรค์ ความเป็นตัวตนที่แตกต่างกันออกไป การศึกษาจึงควรพาเขาไปค้นพบความเป็นตัวตนของตนเอง
ในบางครั้ง เราเผลอให้นิยามคำว่า “เต็มศักยภาพ” เป็นภาพในอุดมคติ ที่กรอบสังคมไทยเราว่าดี ด้วยความรักและความหวังดี เราอาจเผลอนำกรอบอุดมคติเหล่านี้ไปแนะนำ “ความเป็นตัวตน” ให้กับเยาวชนรอบตัวเรา เผลอแนะนำให้เขาไปเรียนและปฏิบัติงานเป็นหมอ เป็นครู เป็นวิศวกร จนลืมไปว่าแท้จริงแล้ว
คำตอบที่ใช่ น่าจะมาจากเขาเองเท่านั้น สิ่งที่การศึกษาหรือผู้ใหญ่สามารถให้กับเยาวชนได้ คือการพัฒนาวิธีคิด วิธีที่เขามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัว เพื่อเขาจะได้ค้นพบคำตอบของตนเองได้ด้วยตนเอง
เป้าหมายของการศึกษา จึงไม่ใช่การนำพาเยาวชนไปสู่อาชีพในอุดมคติ แต่นำพาเขาไปสู่อาชีพเฉพาะตน เป็นการมีความสุขในแบบของตนเอง มีคุณค่าในตนเอง ด้วยมาตรวัดของตนเอง
ในมุมมองนี้ การศึกษามีความลึกซึ้ง คือ เป็นส่วนหนึ่งของการทำความเข้าใจตนเองในด้านจิตวิญญาณ ด้วยความตระหนักว่า มนุษย์ทุกคนในโลกใบนี้เดินทางในแต่ละวัน เพื่อแสวงหาความหมายของชีวิต
Viktor Emil Frankl (1946) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “Man’s Search for Meaning” ว่าการแสวงหาความหมายของมนุษย์เป็นแรงจูงใจขั้นพื้นฐานในชีวิตของคนคนหนึ่ง นั่นคือ มนุษย์เรายอมตายได้หากขาดความหมายในการมีชีวิตอยู่
ภายในห้องเรียนเล็กๆ เยาวชนไทยเอง หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ในวัยเรียน มักมีคำถามว่า “เราเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร หรือเพื่อใคร” “เราเรียนแล้วเราจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร”
คุณครูเมื่อได้ยินคำถามเหล่านี้ มักจะแปลความเป็นการเตรียมสอนที่ลงลึกทางข้อมูลมากขึ้น เป็นการหาคำตอบว่าข้อความรู้หรือทักษะที่นักเรียนเรียนรู้ สัมพันธ์กับการทำงานอาชีพใดบ้างนอกห้องเรียน และความรู้ที่ได้เรียนไปเป็นประโยชน์กับงานอาชีพใดบ้าง
ข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์ในการเติมเต็มสิ่งที่นักเรียนยังไม่รู้ แต่อาจยังไม่เข้าถึงนักเรียนในระดับที่ลึกซึ้งได้ เพราะชีวิตอาจไม่ใช่เพียงการเรียนรู้เติมเต็มสิ่งที่ยังไม่รู้ไปเรื่อยๆ ด้วยเวลาที่เรามีจำกัดในโลกใบนี้
การทราบบริบทของการนำความรู้ไปใช้ เปรียบเสมือนความรู้อีกชุดหนึ่ง ที่ยังเข้าไม่ถึงประสบการณ์ที่นักเรียนได้สัมผัสจริง...ความตั้งใจดี และความพยายามของครูในการหาคำตอบให้นักเรียน จึงอาจยังไม่ส่งเสริมวิธีคิด ที่ให้เขาหาคำตอบด้วยตนเอง
“เราเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร หรือเพื่อใคร” เป็นคำถามที่ตอบได้หลายระดับ อาทิเช่น “เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจ” มนุษย์เรามีพื้นฐานความต้องการได้รับการยอมรับจากคนภายนอก หรือ “เพื่อสอบเข้าคณะที่ใฝ่ฝันได้”
มนุษย์เรามองเป้าหมายชีวิตไว้ที่เป้าหมายของอาชีพและการทำงาน หรือ “เพื่อค้นพบสิ่งที่ใช่ และความหมายของการมีชีวิตเฉพาะตน” มนุษย์อยู่ได้อย่างมีความสุขด้วยการเห็นคุณค่าของตนเอง
เป้าหมายของการศึกษา คือการพานักเรียนสู่ความเข้าใจตนเอง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ด้วยว่ารู้ตน จึงรู้คุณค่าตน คำว่าคุณค่านี้ มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นรอบตัว หรือกล่าวโดยง่ายว่า เป็นการใช้ชีวิตเพื่อประโยชน์ต่อผู้อื่น
นั่นคือ การเรียนหนังสือในทุกรายวิชา ทุกเนื้อหา ควรนำเราให้ไตร่ตรอง สะท้อนคิดความเป็นตัวตนของเรา ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ และสิ่งที่ใช่สำหรับเราจะค่อยๆ โผล่ออกมา เป็นคำตอบทีละเล็กละน้อย
สิ่งนี้จะมีการปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลง ไปตามจังหวะและช่วงเวลาของชีวิต ทำให้เราค่อยๆ เติบโตเต็มศักยภาพ ทักษะการไตร่ตรอง (reflection) นี้เอง ที่เป็นผลลัพธ์จากการศึกษา ที่เยาวชนจะนำติดตัวไปใช้ได้ตลอดช่วงชีวิตของเขาในการทำความเข้าใจตนเอง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
เมื่อเป้าหมายของการศึกษา คือความหมายของชีวิต เมื่อครูได้ยินคำถามจากนักเรียนว่า “เราเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร หรือเพื่อใคร” ครูสามารถตอบได้ทันทีว่า การเรียนหนังสือทำให้เราเกิดทักษะการไตร่ตรอง นำเราไปสู่ความเข้าใจตนเอง และมีความสุขในชีวิต พร้อมที่จะล้นออกไปหาผู้คนรอบตัวในสังคมได้
กล่าวคือ การศึกษาลึกซึ้งกว่าที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ เรามักออกตามหาความหมายของชีวิตตอนหลังวัยเรียน ในช่วงวัยทำงานเป็นต้นไป หารู้ไม่ว่าการเดินทางหาความหมายของชีวิต เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เราเข้าสู่ระบบการศึกษา หากการศึกษาไทยเรามีเป้าหมายที่ชัด การเริ่มต้นดีตั้งแต่วัยปฐมวัยนั้น จะพาสังคมเราให้มีชัยไปกว่าครึ่ง
การฝึกฝนทักษะการไตร่ตรองตั้งแต่เล็ก จะพาเยาวชนเราไปสู่ความเข้าใจความหมายของชีวิตตนไปเรื่อยๆ เขาจะเข้าใจตนเองและพัฒนาเต็มศักยภาพ ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน







