ตอบทุกข้อสงสัย! กยศ.ปรับใหญ่ คำนวณหนี้ใหม่ ลดภาระผู้กู้ทุกกลุ่ม

การปรับปรุงระบบเงินกู้ กยศ.: ไขข้อข้องใจเรื่องการคำนวณหนี้ใหม่และการปรับโครงสร้างหนี้ที่ผู้กู้กยศ. ควรต้องรู้
กองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) ดำเนินการปรับเปลี่ยนระบบการคำนวณหนี้ตามกฎหมายใหม่ พร้อมกับเปิดโอกาสให้ผู้กู้ยืมทุกกลุ่มได้รับประโยชน์จากการปรับโครงสร้างหนี้และการคำนวณหนี้นอกระบบ (Recal) ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นมา โดยมีความคืบหน้าสำคัญหลายประการที่ผู้กู้ยืมควรทราบ
ความแตกต่างระหว่างกฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่
กฎหมายใหม่ กยศ. ได้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์สำคัญหลายประการ โดยเฉพาะในส่วนของอัตราดอกเบี้ยและเงินเพิ่ม ดังนี้
**ลำดับการหักชำระหนี้**
เปลี่ยนจากเดิม "เงินเพิ่ม → ดอกเบี้ย → เงินต้น" เป็น "เงินต้น (ส่วนที่ครบกำหนด) → ดอกเบี้ย → เงินเพิ่ม"
- อัตราดอกเบี้ย : ลดจากไม่เกิน 7.5% ต่อปี เหลือไม่เกิน 1% ต่อปี
- อัตราเงินเพิ่ม : ลดจากไม่เกิน 1.5% ต่อเดือน เหลือไม่เกิน 0.5% ต่อปี
- การปรับโครงสร้างหนี้: กฎหมายใหม่ระบุให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากหนี้หลังปรับโครงสร้างหนี้ และให้ผู้กู้ยืมชำระทุกเดือนไม่เกิน 15 ปี อายุไม่เกิน 65 ปี พร้อมทั้งพักแขวนเงินเพิ่มไว้ หากผ่อนชำระตรงกำหนดจะได้รับการยกเว้นเงินเพิ่ม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
กยศ. ย้ำหนี้ลด-ผ่อนยาว-ไม่บีบคั้น ทยอยคืนเงินผู้จ่ายเกิน
กยศ. ออกมาตรการ หักเงินเดือนเพิ่ม แนะ ปรับโครงสร้างหนี้ก่อน 5 ก.ค.
ผลการคำนวณหนี้นอกระบบ (Recal)
กยศ. ได้ดำเนินการคำนวณหนี้นอกระบบ (Recal) เสร็จสิ้นแล้ว โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีบัญชีทั้งสิ้น 3.8 ล้านบัญชี แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มที่ได้เงินคืน : 286,362 บัญชี (ได้รับเงินคืนรวม 3,399.12 ล้านบาท)
2. กลุ่มที่มียอดหนี้ลดลง : 3,548,016 บัญชี (ยอดหนี้ลดลงรวม 46,225.6 ล้านบาท)
3. กลุ่มที่มียอดหนี้เท่าเดิม : 755 บัญชี
4. กลุ่มที่หนี้หมด (ปิดบัญชี) : 80 บัญชี
การตรวจสอบสถานะและขั้นตอนที่ผู้กู้ยืมควรดำเนินการ
ผู้กู้ยืมสามารถตรวจสอบสถานะบัญชีของตนเองได้ที่ เว็บไซต์ กยศ. โดยมีขั้นตอนดังนี้
- กลุ่มที่ได้เงินคืน : ให้ลงทะเบียนขอรับเงินคืนผ่านเว็บไซต์ กยศ. โดยกองทุนจะคืนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน
- กลุ่มที่มียอดหนี้ลดลงและกลุ่มที่มียอดหนี้เท่าเดิม : สามารถทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ผ่านเว็บไซต์ กยศ. และยืนยันตัวตนผ่าน App ThaiID
- กลุ่มที่หนี้หมด (ปิดบัญชี) : ถือว่าผู้กู้ได้ชำระหนี้ครบถ้วนปิดบัญชีแล้ว
ความคืบหน้าในการคืนเงิน
กยศ. มีแผนคืนเงินให้ผู้กู้จำนวน 286,362 บัญชี รวมเป็นเงิน 3,399.12 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 ปีงบประมาณ ดังนี้
- ปีงบประมาณ 2567: 1,420 บัญชี (44.53 ล้านบาท)
- ปีงบประมาณ 2568: 71,591 บัญชี (838.64 ล้านบาท)
- ปีงบประมาณ 2569: 213,351 บัญชี (2,515.95 ล้านบาท)
ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 มีผู้กู้แจ้งความประสงค์ขอคืนเงินแล้ว 26,463 บัญชี เป็นเงิน 426.5 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับเงินคืนทั้งหมดภายในเดือนพฤษภาคม 2568
การปรับโครงสร้างหนี้
กยศ. ได้เปิดให้ผู้กู้ยืมขอปรับโครงสร้างหนี้ 2 รูปแบบ คือ
1. แบบกระดาษ (เริ่ม 15 กุมภาพันธ์ 2567): มีผู้ทำสัญญาแล้ว 261,110 บัญชี
2. แบบออนไลน์ (เริ่ม 27 มีนาคม 2568): มีผู้ทำสัญญาแล้ว 337,224 บัญชี
รวมมีผู้ปรับโครงสร้างหนี้แล้วทั้งสิ้น 598,334 บัญชี (ข้อมูล ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2568)
กรณีการหักเงินเดือนเพิ่ม 3,000 บาท
ผู้กู้ยืมที่ถูกหักเงินเดือนเพิ่มเดือนละ 3,000 บาท มีสาเหตุมาจาก:
1. มียอดค้างชำระหนี้ก่อนหักเงินเดือน
2. ในระหว่างแจ้งหักเงินเดือน ผู้กู้ยืมไม่ได้ชำระส่วนต่างในวันที่ 5 กรกฎาคม ของงวดปีนั้น ๆ
ผู้กู้ยืมที่ต้องการยกเลิกการหักเงินเพิ่ม 3,000 บาท สามารถดำเนินการได้ดังนี้:
- ขอปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์
- ชำระยอดค้างชำระให้เสร็จสิ้น
จากกรณีตัวอย่างจริง ผู้กู้ยืมที่มาขอปรับโครงสร้างหนี้ในเดือนเมษายน 2568 พบว่ายอดหนี้เดิม 279,445 บาท (ชำระต่อเดือน 1,620 บาท + ถูกหักเพิ่ม 3,000 บาท) เมื่อปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ยอดหนี้ลดลงเหลือ 84,959 บาท (ชำระต่อเดือนเพียง 480 บาท)
มาตรการลดหย่อนหนี้
กยศ. ออกมาตรการลดหย่อนหนี้เพื่อให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างระยะเวลาปลอดหนี้และผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้ที่ กยศ. ยังไม่ฟ้องคดี โดยใช้ยอด Recal ณ 30 กันยายน 2567 เป็นยอดหนี้ตั้งต้น ซึ่งผู้กู้จะได้รับส่วนลดต้นเงิน 5-10% และส่วนลดเบี้ยปรับ 100% เมื่อชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียว โดยผู้กู้ยืมสามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2568
ด้านกระบวนการติดตามทวงถามหนี้ พบว่ายอดฟ้องของ กยศ. ลดลงตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา เนื่องจากคณะกรรมการกองทุนฯ มีมติให้ชะลอการฟ้อง และฟ้องเฉพาะคดีที่ใกล้หมดอายุความ (10 ปี) เท่านั้น
ทั้งนี้ กยศ. ได้รับการจัดสรรงบกลางฉุกเฉินวงเงิน 2,838.64 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้นักเรียน/นักศึกษากู้ยืมในภาค 1/2568 จำนวน 2,000 ล้านบาท และสำหรับคืนเงินให้ผู้กู้ยืมตามกฎหมายใหม่จำนวน 838.64 ล้านบาท







