ฝรั่งเร่งสอน AI ในโรงเรียนให้ทันจีน | ก้าวไกลวิสัยทัศน์

นานครั้งที่จะมีอะไรดีๆ มาจากประธานาธิบดี ทรัมป์ ที่มีคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 23 เม.ย.2568 เรื่อง Advancing Artificial Intelligence Education For American Youth
ที่ตั้งเป้าหมายจะยกระดับการศึกษาด้าน AI ตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมัธยมปลาย เพื่อให้คนอเมริกันมีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการทำงาน เป็น AI-ready workforce โดยจะเป็นความร่วมมือกันระหว่างรัฐและเอกชนที่มีความก้าวหน้าด้าน AI
มีการกำกับการดำเนินการโดยคณะทำงานของทำเนียบประธานาธิบดีด้านการศึกษา AI ที่ประกอบด้วยรัฐมนตรีหลายกระทรวง และมีผู้อำนวยการสำนักนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธาน
มีการตั้งกรอบเวลาทำงานไว้ค่อนข้างรีบร้อน สามเดือนต้องบอกได้ว่าใครต้องทำอะไร สี่เดือนต้องบอกได้ว่าจะต้องมีการฝึกอบรมครูอาจารย์อย่างไรบ้าง และจะลดงานอื่นลงเพื่อให้ครูมีเวลาพัฒนา AI ในการเรียนการสอนเพิ่มมากขึ้นได้อย่างไร
เมืองจีนนำหน้าเรื่องนี้ไปเมื่อสองสามปีก่อน วางแผนทุกอย่างโดยรัฐบาล โรงเรียนทั้งหมดเอาหลักสูตร ตำรา บทเรียนและสื่อการสอนจากรัฐบาลไปลงมือเล่าเรียนกันได้เลย
เป้าหมายสำคัญของเมืองจีนไม่ใช่แค่ต้องการให้นักเรียนได้รับการศึกษาเรื่อง AI แต่ต้องการให้นักเรียนเหล่านี้มาช่วยกันทำให้เมืองจีนสามารถพึ่งพาตนเองในการพัฒนา AI ได้ในวันหน้า แทนที่จะต้องรอรับมาจากตะวันตก
คนรุ่นใหม่ของเมืองจีนส่วนใหญ่จะต้องมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ และมีวัฒนธรรมนวัตกรรม รวมถึงมีความรู้พื้นฐานสำหรับการพัฒนา AI ที่ลึกซึ้ง
ไม่ว่าจะเป็น คณิตศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือ Data Analytics ซึ่งจีนเชื่อว่าถ้ามีผู้คนรอบรู้พื้นฐานนี้เป็นจำนวนที่มากพอ จะเกิดวิจัยพัฒนาที่นำไปสู่การค้นพบใหม่ๆ ที่ล้ำหน้าอย่างก้าวกระโดด
การยกระดับการศึกษาด้าน AI เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการสร้างเมืองจีนให้เป็นประเทศที่มีการศึกษาที่เข้มแข็ง Strong Education Nation ภายในปี 2578 เข้มแข็งพอที่จะสร้างสรรค์ความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้ โดย AI จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้านี้
ถ้าเปรียบเทียบกันในเรื่องนี้คงพอเห็นได้ว่า จีนนำหน้าไปแล้วพอสมควร จีนเน้นใช้ AI เพื่อให้มีการศึกษาที่เข้มแข็ง และให้ AI ช่วยเพิ่มการพึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยี ในขณะที่อเมริกาบอกแค่ว่าจะสร้างคนให้เป็น AI-ready workforce
เมื่อทำได้แล้วจะสร้างความสำเร็จในระดับชาติในเรื่องอะไรบ้างนั้น ไม่ได้บอกให้ชัดเจนเหมือนเมืองจีน แนวทางของอเมริกาดูคล้ายต่างเมืองต่างทำ ภายใต้ความร่วมมือกับรัฐ และเอกชนผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ในพื้นที่นั้น
บทเรียนจากสองยักษ์ใหญ่ของโลก บอกว่า AI สำคัญสำหรับอนาคตของลูกหลาน และต้องเริ่มต้นการศึกษาเกี่ยวกับ AI ตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อย จะรอจนเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่จะทำเรื่องนี้ให้ประสบความสำเร็จ ต้องมีแนวทางระดับชาติที่ชัดเจนว่า บ้านเราอยากเห็นลูกหลานเราใช้ AI กันอย่างไรในอนาคต
ฝรั่งบอกว่าขอให้เป็น AI-Read workforce ที่พร้อมจะไปทำงานกับกิจการต่างๆ ได้ ฝรั่งถึงใช้ความร่วมมือรัฐและเอกชนในการยกระดับการศึกษาด้าน AIให้ลูกหลาน
จีนบอกว่าจะพึ่งพาตนเองด้าน AI เลยไปเน้นความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาต่อ ยอด AI ที่ล้ำหน้าไปในอนาคต ถ้านึกไม่ออกว่าวันหน้าจะใช้ AI กันอย่างไร จะมีเรื่องที่จะยกระดับการศึกษาด้าน AI สารพัดไปหมด จนทำไม่ไหว
การให้ความรู้ด้าน AI ไม่ว่าจะจีนหรืออเมริกา เน้นตรงกันอยู่หลายอย่าง คือเน้นเติมเต็ม AI เข้าไปในทุกวิชาที่มีการเรียนการสอน ไม่ใช่เปิดสอนวิชา AI เพิ่มขึ้นมาให้เรียนกันอีกวิชาสองวิชา ตามสไตล์การศึกษาบ้านเราที่ว่ามีอะไรใหม่เกิดขึ้นมา จะมีวิชาชื่อของใหม่นั้นมาให้เรียน
ทั้งจีนทั้งฝรั่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเป็นเข็มทิศนำทางการยกระดับการศึกษาด้าน AI ไม่ใช่เพียงแค่ให้ใครต่อใครที่ว่ากันว่าเก่ง AI มาบอกว่าต้องทำนั่นทำนี่ เน้นการ Reskill การจัดการเรียนการสอนของครู โดยให้ AI ช่วยลดงานที่ไม่จำเป็นที่ครูต้องทำเองออกไป
สำหรับบ้านเราที่ไม่แน่ใจว่า วันนี้มีกี่สิบกี่ร้อยคณะกรรมการที่มีชื่อ AI อยู่ด้วยนั้น การศึกษาของเราจะทำให้ลูกหลานไทยเดินทันลูกหลานเมืองฝรั่ง เมืองจีนได้จริงหรือไม่? ถ้าไม่เชื่อว่าจะทำได้ เราควรจะทำอย่างไรกันดี?