Mobile School โรงเรียนเคลื่อนที่ ช่วยเหลือเด็กหลุดระบบการศึกษา

Mobile School โรงเรียนเคลื่อนที่ ช่วยเหลือเด็กหลุดระบบการศึกษา

โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile school ไม่ใช่ Home School แต่เป็นโครงการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา เพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษา

KEY

POINTS

  • ในช่วงปิดเทอมใหญ่เดือนเมษายนของทุกปี มักเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเด็ก จากครอบครัวยากจน เมื่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจ “ไม่กลับไปโรงเรียน” เพื่อออกมาทำงานช่วยเหลือครอบครัว กลายเป็นทางเลือกที่ไม่มีทางเลือก ทั้งที่หลายคนยังอยากเรียนต่อ ปัจจุบันประเทศไทมีเด็กและเยาวชน กว่า 982,304 คน ที่หลุดออกจากระบบการศึกษา
  • “โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ให้โรงเรียนไปหา” เป็นการจัดการเรียนรู้ฟรีและได้วุฒิการศึกษาตามกฎหมาย ตั้งแต่ชั้น ป.6,ม.3,ม.6 เน้นรูปแบบความยืดหยุ่น เรียนที่ไหนก็ได้ ทั้ง Online และ Onsite มีครูพี่เลี้ยงช่วยแนะแนว ให้คำปรึกษาและร่วมออกแบบแผนการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน ตามความถนัด ความสนใจที่แตกต่างกันเป็นรายคน พร้อมการสนับสนุนทรัพยากร เช่น อุปกรณ์การเรียนและการติดตามอย่างใกล้ชิดจากภาครัฐ
  • Mobile School ไม่ใช่ ที่ Home School แต่เป็นโครงการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา โดยเฉพาะ “กลุ่มเปราะบาง” ออกแบบการเรียนรู้โดยครูพี่เลี้ยงรายบุคคลที่ยืดหยุ่น ขณะที่ Home School เป็นระบบการศึกษาที่ผู้ปกครองจัดการและออกแบบการเรียนรู้ให้กับบุตรหลานเอง

เด็กและเยาวชนในประเทศไทยจำนวนไม่น้อย ยังคงเผชิญกับความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมใหญ่เดือนเมษายนของทุกปี มักเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเด็กจากครอบครัวยากจน เมื่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจ “ไม่กลับไปโรงเรียน” เพื่อออกมาทำงานช่วยเหลือครอบครัว กลายเป็นทางเลือกที่ไม่มีทางเลือก ทั้งที่หลายคนยังอยากเรียนต่อ

กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ระดมความร่วมมือภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วน ร่วมรณรงค์ “สงกรานต์นี้ กลับบ้าน พาลูกหลานกลับมาเรียน” เชิญชวนบอกต่อโอกาสและทางเลือกการศึกษาฟรี ที่ยืดหยุ่นตอบโจทย์ชีวิต ไปให้ถึงครอบครัวเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษาหรือกำลังตัดสินใจจะไม่เรียนต่อเพราะความยากจน ด้อยโอกาส ผ่านโครงการ “โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ให้โรงเรียนไปหา”

เด็กกว่า 9 แสนคน หลุดระบบการศึกษา

ข้อมูลในปี 2567 ของคณะกรรมการการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) ระบุว่า ประเทศไทมีเด็ก เยาวชน ตั้งแต่อายุช่วง 3-18 ปี (เกิดระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2550 – 31 ธันวาคม 2564) กว่า 982,304 คน ที่หลุดออกจากระบบการศึกษา เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงโอกาสและปัญหาเศรษฐกิจ 
Mobile School โรงเรียนเคลื่อนที่ ช่วยเหลือเด็กหลุดระบบการศึกษา

หากมองโดยภาพรวมแล้ว ระบบการศึกษาของไทยสามารถจำแนกออกได้หลายรูปแบบตามลักษณะของการจัดการเรียนรู้และความยืดหยุ่นของผู้เรียน เริ่มจากการศึกษาในระบบ (Formal Education) ซึ่งเป็นระบบหลักตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา จนถึงอุดมศึกษา โดยมีหลักสูตรตายตัวและได้รับวุฒิการศึกษาตามระดับที่เรียนจบตามที่คุ้นเคยกัน

การศึกษานอกระบบ (Non-formal Education) เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนในรูปแบบยืดหยุ่น เช่น ผู้ที่ทำงานแล้ว หรือเด็กที่ไม่สามารถเข้าเรียนในระบบการศึกษาปกติ โดยมีศูนย์ กศน. เป็นผู้ดูแลและสามารถจบการศึกษาในระดับ ป.6, ม.3 หรือ ม.6 ได้

นอกจากนี้ ยังมี การศึกษาตามอัธยาศัย (Informal Education) คือการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากกิจวัตรประจำวัน เช่น การอ่านหนังสือ ฝึกงาน หรือการเรียนรู้จากครอบครัวและชุมชน แม้ไม่มีวุฒิการศึกษา แต่ช่วยเสริมทักษะชีวิตและการทำงานได้จริง และการศึกษาทางเลือก ได้แก่ Home School ที่ผู้ปกครองจัดการเรียนให้บุตรเองตามกฎหมาย หรือโรงเรียนทางเลือก เช่น โรงเรียนนานาชาติที่ใช้หลักสูตรต่างประเทศ เน้นการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก

รวมถึง การเรียนออนไลน์ แพลตฟอร์มดิจิทัล (Online Learning) ที่กำลังเติบโตและกำลังฮิต โดยมีทั้งแบบเสริมความรู้ทั่วไปและหลักสูตรที่สามารถสะสมหน่วยกิตหรือรับใบรับรองได้ เช่น Thai MOOC, DLTV หรือหลักสูตรจากต่างประเทศ

Mobile School โรงเรียนเคลื่อนที่ไปหา

กสศ. ร่วมกับภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วน ร่วมรณรงค์“สงกรานต์นี้ กลับบ้าน พาลูกหลานกลับมาเรียน” ผ่านโครงการ “โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ให้โรงเรียนไปหา” ซึ่งถือเป็นการศึกษานอกระบบ ที่เป็นทางเลือกการศึกษาฟรี ยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิตเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากะบบการศึกษาด้วยสาเหตุต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากะบบการศึกษาหรือกำลังตัดสินใจไม่เรียนต่อ ให้กลับมาเรียนได้ตามเส้นทางของตัวเอง

“โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ให้โรงเรียนไปหา” เป็นการจัดการเรียนรู้ฟรีและได้วุฒิการศึกษาตามกฎหมาย ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา ม.ต้น และม.ปลาย (ป.6,ม.3,ม.6) โดยเน้นรูปแบบความยืดหยุ่นของการเรียน สามารถเรียนที่ไหนก็ได้ทั้ง Online และ Onsite มีครูพี่เลี้ยง ช่วยแนะแนว ให้คำปรึกษา

และร่วม “ออกแบบแผนการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน”  ที่มีความพร้อม ความถนัด ความสนใจที่แตกต่างกันเป็นรายคน เน้นการศึกษากินได้ การเรียนรู้เพื่อปากท้องเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ต่อยอดสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมยังมีการสนับสนุนทรัพยากร เช่น อุปกรณ์การเรียนและการติดตามอย่างใกล้ชิดจากภาครัฐ
Mobile School โรงเรียนเคลื่อนที่ ช่วยเหลือเด็กหลุดระบบการศึกษา

นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า “น้องๆ สามารถใช้วิชาเลี้ยงวัว วิชาค้าขาย วิชาที่เป็นยูทูปเบอร์ เอามาออกเป็นวุฒิการศึกษาได้ ซึ่งวุฒินี้ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ สามารถนำไปยื่นทำงานหรือเรียนต่อได้ ไม่แพ้การเรียนการสอนในห้องเรียน และมีที่ปรึกษาคอยแนะนำให้น้อง ๆ ได้เรียนสิ่งที่สนใจและเหมาะสม เป็นการศึกษากินได้

โดยเบื้องต้นแค่พาน้องๆ ไปหาหน่วยจัดการเรียนรู้ ไปหาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย หน่วยต่างๆ ที่มีภารกิจเรื่องของการศึกษา ก็จะดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย”

Mobile School VS Home School เหมือนหรือต่างกัน

หลายคนอาจสับสนว่า Mobile School คือ Home School หรือไม่? แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองรูปแบบถือเป็นการศึกษาทางเลือกที่ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้เรียนที่ไม่ได้อยู่ในการศึกษาในระบบ (Formal Education) เช่นเดียวกัน แต่ทั้งสองแนวทางมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านบทบาทของผู้จัดการศึกษา ระบบการดูแล และการรับรองวุฒิการศึกษา

Mobile School เป็นโครงการของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา โดยเฉพาะ “กลุ่มเปราะบาง” ซึ่งอาจประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม หรือภูมิศาสตร์ ผู้เรียนในระบบนี้จะได้รับการดูแลโดยครูพี่เลี้ยง หรือ Learning Designer ซึ่งจะช่วยออกแบบแผนการเรียนรายบุคคลที่ยืดหยุ่น และสามารถเรียนได้ทั้ง Online และ Onsite สามารถเทียบโอนและรับวุฒิการศึกษาระดับประถม มัธยมต้น หรือมัธยมปลายได้
Mobile School โรงเรียนเคลื่อนที่ ช่วยเหลือเด็กหลุดระบบการศึกษา

ในขณะที่ Home School เป็นระบบการศึกษาที่ผู้ปกครองจัดการและออกแบบการเรียนรู้ให้กับบุตรหลานเองภายใต้กฎหมาย โดยจะต้องแจ้งต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา แม้จะมีความยืดหยุ่นเต็มที่ในการเลือกรูปแบบและวิธีการเรียนรู้ แต่ภาระทั้งหมดตั้งแต่การวางแผนหลักสูตร การสอน และการประเมินผล จะอยู่ที่ครอบครัวเอง

อย่างไรก็ตาม การศึกษามีหลายทางเลือกที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการและสถานการณ์ที่แตกต่างกันของผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระบบ นอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย หรือการศึกษาทางเลือก ซึ่งทุกทางเลือกสามารถเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะและเติบโตได้ตามจังหวะของตัวเอง ไม่ว่าจะเรียนในรูปแบบใด

สิ่งสำคัญคือ การเรียนรู้ที่ไม่หยุดยั้ง เพราะการศึกษาไม่มีวันสิ้นสุดและไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว การเลือกเรียนรู้ในทางเลือกที่เหมาะสมกับตัวเองคือการเลือกเส้นทางสู่โอกาสใหม่ๆ และความสำเร็จในชีวิต