เปิดตัว รร.นานาชาติ The Dove Centre การศึกษาเพื่อเด็กพิเศษ เติบโตมีคุณค่า

เปิดตัว รร.นานาชาติ The Dove Centre การศึกษาเพื่อเด็กพิเศษ เติบโตมีคุณค่า

เครือโรงเรียนนานาชาติ ELC เปิดตัว The Dove Centre @The City School ศูนย์การศึกษารูปแบบใหม่ในกรุงเทพมหานคร ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการศึกษาที่เท่าเทียมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เพื่อยกระดับมาตรฐานการศึกษาแบบองค์รวม

KEY

POINTS

  • ศูนย์การเรียนรู้แห่งใหม่ The Dove Centre @The City School ในเครือ ELC International Schools ได้ก้าวมาในตลาดการศึกษาของประเทศไทย
  • พัฒนาสถานศึกษาที่มุ่งเน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง
  • ชั้นเรียนขนาดเล็กที่มีเด็กเพียง 4-6 คน เพื่อให้นักเรียนได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่จากทีมผู้เชี่ยวชาญ
  • โรงเรียนใช้หลักสูตร Ontario ที่ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของกลุ่มเด็กที่มีความหลากหลายทางระบบประสาท
  • ทีมงานประกอบด้วยนักบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญและผู้เชี่ยวชาญด้านความพิการที่ร่วมมือกันโดยใช้แนวทางข้ามสาขาวิชาเพื่อสร้างหลักสูตรที่เป็นนวัตกรรม

เด็กพิเศษหรือเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้เป็นสมาชิกที่สำคัญของสังคม โดยแต่ละคนมีความสามารถ มุมมอง และศักยภาพที่เป็นเอกลักษณ์ พวกเขาสมควรได้รับโอกาสในการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ยอมรับในความแตกต่าง ซึ่งการศึกษาที่รวมทุกคนเข้าด้วยกัน (Inclusive Education) มีบทบาทสำคัญในการทำให้เด็กทุกคน ไม่ว่าจะมีความท้าทายใด ๆ ได้รับทรัพยากร เครื่องมือ และโอกาสที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จ

ศูนย์การเรียนรู้แห่งใหม่ The Dove Centre @The City School ในเครือ ELC International Schools ได้ก้าวมาในตลาดการศึกษาของประเทศไทย ด้วยการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ที่ไม่เพียงแค่ยอมรับความแตกต่างและความหลากหลาย แต่ส่งเสริมวัฒนธรรมของความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ และการเคารพ

การศึกษาที่นี่ รวมทุกคนเข้าด้วยกันที่ไม่เพียงแค่เป็นประโยชน์ต่อเด็กที่มีความต้องการพิเศษ แต่ยังช่วยเติมเต็มชุมชน เพราะส่งเสริมการสอนให้เด็กทุกคนเห็นคุณค่าของความหลากหลาย การร่วมมือ และการสนับสนุนซึ่งกันและกัน และการรวมตัวกันนี้เองที่ช่วยให้เด็กทุกคนรู้สึกมีค่า ได้รับการเข้าใจ และได้รับพลังในการไปสู่ศักยภาพสูงสุดของตนเอง

เปิดตัว รร.นานาชาติ The Dove Centre การศึกษาเพื่อเด็กพิเศษ เติบโตมีคุณค่า

เด็กเป็นศูนย์กลาง

ลีอา มาย ผู้อำนวยการโรงเรียน และประธานคณะกรรมการการศึกษา กล่าวว่า ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ELC International Schools ได้พัฒนาสถานศึกษาที่มุ่งเน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง ล่าสุด The Dove Centre ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร โดยเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนนานาชาติ The City School เพื่อขยายพันธกิจของ ELC ด้วยการจัดเตรียมพื้นที่เฉพาะสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ โดยเน้นการศึกษาแบบ Inclusive Education

ELC เป็นส่วนหนึ่งของวงการการศึกษาของประเทศไทยมานาน โดยมีโรงเรียนในกรุงเทพฯ 5 แห่ง ได้แก่ ศูนย์เด็กเล็ก Purple Elephant จำนวน 3 แห่ง ตั้งอยู่ที่ทองหล่อและพร้อมพงษ์สำหรับเด็กอายุ 18-36 เดือน โรงเรียน The City School สำหรับเด็กอายุ 3-11 ปี ตั้งอยู่ที่สุขุมวิท 49 และ Purple Elephant Samakee ที่นิชดาธานีสำหรับเด็กอายุ 18 เดือนถึง 5 ปี โดยเชื่อว่า 12 ปีแรกของชีวิตเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการพัฒนา

เปิดตัว รร.นานาชาติ The Dove Centre การศึกษาเพื่อเด็กพิเศษ เติบโตมีคุณค่า

"ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้ให้ความสำคัญกับการให้เด็กเป็นศูนย์กลาง หลักการที่เรายึดถือคือ การตัดสินใจทุกอย่างต้องมุ่งไปที่ผลประโยชน์สูงสุดของเด็ก ซึ่งแนวคิดนี้มีอิทธิพลอย่างมากในการออกแบบการศึกษาและการดูแลเด็ก ๆ

เหตุผลที่เราสร้าง The Dove Centre ขึ้น เพราะเราเห็นว่าเด็กบางคนต้องการความสนใจและการดูแลเป็นพิเศษ รวมถึงการปรับวิธีการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของพวกเขา เราต้องการสร้างสภาพแวดล้อมที่เด็กเหล่านี้สามารถเติบโตได้เต็มที่ ด้วยการเรียนการสอนที่ตอบสนองความแตกต่างของแต่ละบุคคลเพื่อให้พวกเขาบรรลุศักยภาพสูงสุด"

ค่าเทอมของ The Dove Center จะอยู่ที่ราว 362,700 - 447,875 บาท โดยเริ่มเปิดสอนครั้งแรกเมื่อปลายปี 2567

ครอบครัวคือหัวใจสำคัญ

ลีอา กล่าวด้วยว่า ELC เชื่อว่าครอบครัวคือหัวใจสำคัญในการเติบโตของเด็กทุกคน เพราะเราเชื่อว่าการศึกษาที่ดีจะต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งโรงเรียนและครอบครัว นี่คือเหตุผลที่เราทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับผู้ปกครองเพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ครอบคลุมทั้งในและนอกห้องเรียน

"ในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มมาตรฐานใหม่สำหรับการศึกษาแบบครอบคลุม (Inclusive Education) ในประเทศไทย The City School และ The Dove Centre กำลังปรับเปลี่ยนนิยามใหม่ของการศึกษา โดยที่สถาบันการศึกษาต้องปรับตัวเพื่อให้ตรงต่อความต้องการของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกันไป เพื่อให้เด็กทุกคนบรรลุศักยภาพสูงสุดของตน"

ชั้นเรียนขนาดเล็ก 4-6 คน

เอพริล เบเรสฟอร์ด หัวหน้าฝ่ายการสอนและการเรียนรู้ที่ The Dove Centre กล่าวว่า The Dove Centre มุ่งพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้เจาะจงสำหรับรายบุคคล ด้วยชั้นเรียนขนาดเล็กที่มีเด็กเพียง 4-6 คน เพื่อให้นักเรียนได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่จากทีมผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งประกอบด้วยทีมครู นักบำบัด และผู้เชี่ยวชาญการจัดการเรียนการสอน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างเหมาะสม

สิ่งที่ผู้ปกครองของเด็กพิเศษต้องการเหมือนกันคือ การที่ลูกๆ มีความสุข โรงเรียนจึงใช้หลักสูตร Ontario ที่ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของกลุ่มเด็กที่มีความหลากหลายทางระบบประสาท โดยให้ความสำคัญกับ "ขอบเขตการเรียนรู้" ของพวกเขา

นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมที่ครอบคลุมซึ่งมุ่งเน้นทักษะชีวิตและทักษะทางสังคม ขึ้นอยู่กับความต้องการของเด็กแต่ละคน ช่วยให้ทุกเด็กได้รับความสนใจและการสนับสนุนเฉพาะบุคคล ทีมงานประกอบด้วยนักบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญและผู้เชี่ยวชาญด้านความพิการที่ร่วมมือกันโดยใช้แนวทางข้ามสาขาวิชาเพื่อสร้างหลักสูตรที่เป็นนวัตกรรม

เปิดตัว รร.นานาชาติ The Dove Centre การศึกษาเพื่อเด็กพิเศษ เติบโตมีคุณค่า

กรอบการศึกษาที่ The Dove Center

  • มุ่งเน้นจุดแข็ง (Strengths-Based Approach) : การยอมรับและส่งเสริมจุดแข็งของเด็กช่วยให้ครูผู้สอนสามารถส่งเสริมความมั่นใจในตนเอง แรงจูงใจ และความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ของเด็กได้
  • คอนสตรัคติวิสม์ (Constructivism) : แนวทางนี้เน้นการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม โดยเด็กๆ สร้างความเข้าใจในแนวคิดต่างๆ ผ่านประสบการณ์จริง การตั้งคำถาม และการสำรวจ
  • มีส่วนร่วมและแรงจูงใจ (Promoting Engagement and Motivation) : การใช้วิธีการสอนที่หลากหลายช่วยให้เด็กๆ รู้สึกมีส่วนร่วมและมีกำลังใจในการเรียนรู้ โดยการใช้ความสนใจและจุดแข็งของเด็กๆ ครูผู้สอนจะสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีความหมาย ซึ่งส่งเสริมความรู้สึกของอิสรภาพ ความสามารถ และการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
  • การสอนที่แตกต่างกัน (Differentiated Instruction) : แนวทางนี้ยอมรับว่าเด็กแต่ละคนมีชุดทักษะการเรียนรู้ ความชอบ และระดับความพร้อมที่แตกต่างกัน และมีเป้าหมายในการจัดหาเส้นทางการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อให้เด็กประสบความสำเร็จ
  • พฤติกรรมวิทยา (Behaviourism) : แนวทางนี้มักถูกใช้ในการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษเพื่อสอนทักษะใหม่ๆ และลดพฤติกรรมที่ท้าทายผ่านการแทรกแซงแบบมีระบบและการเสริมแรงในทางบวก

บุคลากรใช้ภาพสื่อสาร

เอพริล กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญคือบุคลากรต้องปรับตัวให้เข้ากับวิธีการสื่อสารของนักเรียน ซึ่งอาจรวมถึงการใช้สื่อภาพหรือวิธีการสนับสนุนอื่นๆ ตัวอย่างเช่น เมื่อเรานำสองกลุ่มมารวมกันในห้องเรียน ครูจะทำงานร่วมกับพวกเขาอย่างใกล้ชิดเพื่อให้พวกเขาเข้าใจซึ่งกันและกัน

แต่ทั้งหมดนั้นเกี่ยวกับการสร้างความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งขึ้นระหว่างนักเรียนและพนักงาน นี่คือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ พัฒนาความสัมพันธ์ที่แท้จริงและส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างทั้งสองกลุ่ม