พลิกโฉมประเทศ ต้องพลิกโฉมมหาวิทยาลัย

พลิกโฉมประเทศ ต้องพลิกโฉมมหาวิทยาลัย

ผลการเติบโตของ GDP ตามมาด้วยนานาความคิดว่าจะทำกันอย่างไรต่อไป เพื่อให้วันหน้าจะกลับมายืนที่สองที่สามแถวหน้า แทนที่จะเป็นที่สองแถวหลังเหมือนที่เกิดขึ้น

มีการโยนความบกพร่องกันไปรอบตัว ฉันถูก แกผิด ฉันทำไม่ได้ เพราะแกเป็นอุปสรรค แต่ที่ดีหน่อยคือพูดกันบ้างเกี่ยวกับการพลิกโฉมประเทศไปสู่เศรษฐกิจแนวใหม่ที่พอจะแข่งขันกับใครต่อใครได้บ้าง ไม่ใช่ทำไปอย่างที่เคยทำกันมาหลายทศวรรษ แล้วหวังว่าจะกลับไปโดดเด่นเหมือนวันวาน  

จากการเสวนากับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์กิจการมหาวิทยาลัยในบ้านเราหลายท่าน บอกว่า ถ้าสังเกตดีๆจากรอบๆ บ้านเราที่ก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่น ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ หรือหลายสิบปีแล้วก็ตาม การพลิกโฉมประเทศเหล่านั้น มีการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยนำมาล่วงหน้าเสมอ 

มองดาวเด่นเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจใกล้ ๆบ้านเรา ที่ผงาดขึ้นมาจากตามหลังบ้านเราอยู่ไกลโข กลายเป็นวิ่งอยู่ข้าง ๆและกำลังจะแซงขึ้นไปได้ในอีกปีสองปี 

ท่านบอกว่าถ้าจำกันได้คือเขาพลิกโฉมมหาวิทยาลัยของเขาครั้งใหญ่ ก่อนหน้าที่จะปรากฎโฉมเป็นดาวเด่นหลายปี เขาดึงดูดการลงทุนไฮเทคได้หลังจากมหาวิทยาลัยในบ้านเขามีสาขาวิชาทาง STEMS ที่ได้รับการรับรองวิริยะฐานะจากสถาบันวิชาชีพในสหรัฐอเมริกา ก่อนที่บ้านเราจะได้บ้างนานเกือบสิบปี

รัฐบาลบ้านเขาซื้อของไฮเทค พร้อมกับมีเงื่อนไขการช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบ้านเมืองไฮเทค ให้กับมหาวิทยาลัยในบ้านเขา ให้ช่วยจนกระทั่งได้รับการรับรองวิริยะฐานะจากบ้านเมืองไฮเทค ว่าจบที่บ้านเขาเทียบเท่าจบจากบ้านเมืองไฮเทคนั้น 

ใครที่เชื่อทางลบกับเพื่อนบ้านนี้มักจะพูดว่าบ้านเขาซื้อของก็มีการใต้โต๊ะเหมือนกัน แต่ปรากฏว่า CPI บ้านเขา 88 บ้านเรา 107 

ถ้าท่านใดอาวุโสพอ คงจำได้ว่าเพื่อนบ้านที่เป็นประเทศพัฒนาชั้นนำประเทศหนึ่งของโลก เขามีการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยของเขาเช่นเดียวกัน พลิกโฉมกันขนานใหญ่ถึงขนาดว่า บุคลากรเดิมหายไปครึ่งค่อน จนวันนี้มหาวิทยาลัยในบ้านเขาอยู่ในระดับนำของโลก เคียงบ่าเคียงไหล่กับบ้านเมืองที่พัฒนาแล้ว

การ Reprofile บุคลากรบ้านเขาครั้งนั้น หน่วยงานบางหน่วยงานในบ้านเราก็ได้คนที่เขา Reprofile เข้ามาทำงานแสดงตัวเป็นผู้รู้ มาช่วยทำแผนนั่นแผนนี้อยู่หลายเรื่อง

บ้านเมืองนี้อาจจะเป็นต้นแบบให้กับเพื่อนบ้านที่กำลังเป็นดาวรุ่งตอนนี้ คือถ้าซื้อไฮเทคเรื่องไหน มหาวิทยาลัยต้องมีศูนย์วิจัยจับคู่กับไฮเทคเรื่องนั้น  มหาวิทยาลัยกลายเป็นฐานเตรียมคนไฮเทคสำหรับวันหน้าในวันนี้ 

แนวทางคล้าย ๆกันเกิดขึ้นที่เพื่อนบ้านติดกับบ้านเราทางใต้ การผลิกโฉมมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นจนส่งผลให้ผลงานวิจัยของบ้านเขาก้าวกระโดด จากเดิมเคยได้รับการจัดอันดับใกล้ ๆกับบ้านเรา ก็แซงไปอยู่ข้างหน้าไกลพอสมควรในวันนี้

การพลิกโฉมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีของเขาในวันนั้น มีส่วนสำคัญที่ทำให้วันนี้ บ้านเขามีเกาะแห่งหนึ่งที่เป็นบ้านเกิดของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ริเริ่มการผลิกโฉมมหาวิทยาลัย กลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของภูมิภาคไปแล้ว 

ความคิดเรื่องการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยในบ้านเรามีมานาน หลายทศวรรษก่อนผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งได้ผลักดันให้มีการพลิกโฉมจากมหาวิทยาลัยที่เป็นส่วนราชการ ให้กลายเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ คือได้เงินทองจากรัฐ แต่ไปกำหนดแนวทางการบริหารกันเอาเอง 

สามสี่ปีก่อนก็มีโครงการชื่อดูดี Reinventing University ต้องการให้มีการปฏิรูปให้ทันสมัย หวังว่าจะเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยการผลิตกำลังคนคุณภาพสูง มีการสนับสนุนเงินทองไปพอสมควร โดยมีบางคนเดินสายไปปราศัยทั่วบ้านทั่วเมือง

แต่ที่น่าสนใจคือการร่วมมือกับอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมไฮเทคของวันนี้ ผลิตไฮเทควันนี้เพื่ออนาคตวันหน้า ท่านผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไฮเทคระดับโลก

ท่านหนึ่งเตือนไว้ว่า มหาวิทยาลัยต้องจับคู่กับอุตสาหกรรม แต่ต้องจับให้ถูกคือจับคู่กับไฮเทคเพื่อวันพรุ่งนี้ ถ้าในบ้านเราไม่มี ก็ต้องดิ้นรนไปจับไฮเทคบ้านอื่น เหมือนที่เพื่อนบ้านเราเขาประสบความสำเร็จกันมานั่นเอง 

คงรู้ได้เองแล้วว่าโอกาสพลิกโฉมได้จริงมีมากน้อยแค่ไหน?