ลองถาม AI ของฝรั่งว่า บ้านเราพัฒนาไม่ขึ้นเพราะอะไร?

บริษัทจีน สามารถพัฒนา Generative AI ที่เก่งพอ ๆ กับ AI ของฝรั่งที่เป็นผู้นำอยู่ในวงการ ด้วยต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำกว่ามากมาย ทีมงานก็ล้วนแต่เล่าเรียนมาจากมหาวิทยาลัยในเมืองจีน ไม่ได้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของฝรั่งที่มีชื่อเสียง
ในเรื่อง AI เป็นตัวอย่างหนึ่งของการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเมืองจีน เร็วจนกระทั่งผู้นำอเมริกาต้องประกาศทุ่มทุนมหึมา เพื่อพัฒนาให้ตนเองเป็นผู้นำด้าน AI ของโลก
ถ้าลองถาม AI ของฝรั่งว่า บ้านเราก้าวหน้าไปเชื่องช้ากว่าเมืองจีนมาจากสาเหตุอะไรบ้าง AI ของฝรั่งมีคำตอบที่ชวนให้คิดกันอย่างจริงจัง
หากต้องการให้เราพัฒนาไปเท่าทันเพื่อนบ้านที่นำหน้าไปไกลพอสมควร AI บอกว่าที่บ้านเราพัฒนาไปไม่ถึงไหนนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการเมืองที่ไม่ค่อยคงเส้นคงวา เปลี่ยนแปลงบ่อยจนกระทั่งเดาทิศทางได้ยาก เปลี่ยนไปมาโดยไม่มีวาระที่แน่ชัด เลยพัฒนาอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันไม่ค่อยจะได้ ซึ่งAI ไม่บอกมา พวกเราก็รู้กันดีอยู่แล้ว
แต่ที่อาจจะไม่ค่อยรู้กันคือ เราปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกนี้ช้าเกินไป เรายึดติดอยู่กับเรื่องเดิมๆ มากจนกระทั่งเรายืดหยุ่นไม่พอที่จะรับเรื่องใหม่ๆ ที่มากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
เราเชื่อว่าเรายังพึ่งพาการเกษตรได้ เพราะบ้านเราในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เราเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นแหล่งรายได้สำคัญอีกนานเท่านาน
การพัฒนาอย่างหลากหลายจึงไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม การท่องเที่ยวยังเป็นแบบเดิมๆ แทนที่จะเป็นการท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืน ในทำนองที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ
การเกษตรก็ไปไม่ถึงการเกษตรแบบแม่นยำ ที่ใช้ทรัพยากรน้อยลง แต่มีผลผลิตที่เพิ่มขึ้น พ้นฤดูการเก็บเกี่ยวก็ยังต้องเผาไร่เผานาจนกระทั่งฝุ่นจิ๋วล่องลอยไปกลายเป็นปัญหาทั่วบ้านทั่วเมือง
โลกเปลี่ยน แต่ AI บอกว่า เราเปลี่ยนไม่ทันโลกเพราะพึ่งพากับเรื่องเดิมๆ มากเกินกว่าที่ควรจะเป็น
เทคโนโลยีในโลกก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมเข้ามาทดแทนผู้คนในสายการผลิต แต่เรายังพยายามยึดติดอยู่กับการผลิตที่ใช้แรงงานเป็นปัจจัยสำคัญ
พอค่าแรงคนแพงขึ้น บางส่วนรับมือโดยยกระดับเทคโนโลยีให้คนจำนวนเท่าเดิม สามารถผลิตได้มากขึ้น ด้วยความสนับสนุนจากเทคโนโลยี แต่ส่วนใหญ่กลับรับมือค่าแรงที่สูงขึ้นโดยหันไปแสวงหาแรงงานต่างด้าวมาทดแทน
การมีผู้คนที่มีทักษะไม่เพียงพอสำหรับการยกระดับการทำงานให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นไป ยิ่งเป็นแรงสนับสนุนการแสวงหาแรงงานต่างด้าว ไปพร้อมๆ กับการอนุรักษ์วิธีทำงานแบบเดิมๆ เอาไว้
แม้ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไปไกลแล้ว เปลี่ยนใหม่แล้วหาคนที่มีทักษะเพียงพอมาทำงานให้ไม่ได้ เลยทำแบบเดิมๆ โดยใช้แรงงานจากที่อื่นมาแทนคนทำงานที่อยู่ในบ้านเรา
ความพยายามในการยกระดับทักษะ และความสามารถทางเทคโนโลยีก็เป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิผล ชอบแจกเงิน แต่ไม่ชอบแจกทักษะใหม่ๆ
โลกสมัยใหม่ต้องการนวัตกรรมใหม่ๆ มาช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดียิ่งขึ้น ในแทบทุกวงการ ดังนั้น หลายประเทศจึงทุ่มเทวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างเทคโนโลยีของตนเอง
AI บอกว่าเราอ่อนด้อยในการวิจัยและพัฒนาที่นำไปสู่การมีเทคโนโลยีของตนเอง แม้ว่าจำนวนการตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารจะมีมากไม่ด้อยไปกว่าบ้านเมืองอื่น
แต่ขาดระบบนิเวศที่สนับสนุนการนำผลงานวิจัยไปสร้างขึ้นเป็นนวัตกรรม ทำให้ซื้อเก่ง ตีพิมพ์เก่ง แต่สร้างเทคโนโลยีของตนเองไม่เก่ง เพราะเราลงทุนกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการสร้างนวัตกรรมน้อยกว่าบ้านอื่นเมืองอื่นในระดับเดียวกัน
AI บอกว่าเราทำงานกันแบบต่างคนต่างทำ มากกว่าที่จะร่วมมือกันทำ ไปติดต่องานกับรัฐก็ต้องเดินไปเดินมาหลายโต๊ะกว่าที่จะเสร็จสิ้น ไม่มีการบูรณาการงานกันอย่างเป็นรูปธรรม การลงทุนทรัพยากรจึงซ้ำซ้อน หรือไม่ครบถ้วนในเรื่องที่จำเป็น
เราขาดวัฒนธรรมการจัดการความรู้ ไม่มีการรวบรวม Best Practice มาไว้ใช้ในเรื่องอื่นงานอื่น อุปสรรคและความผิดพลาดแบบเดิมๆ จึงเกิดแล้วเกิดอีกอย่างซ้ำซาก แต่ลงท้ายก็ทำได้แค่บ่นกันไปตามฤดูกาล
ฝากช่วยกันลองเถียงกับ AI ว่า ที่บอกมานั้น เป็นจริงหรือเป็นแค่มโนของ AI?.