เรียนรู้จากวอลเลย์บอลหญิง | วรากรณ์ สามโกเศศ

เรียนรู้จากวอลเลย์บอลหญิง | วรากรณ์ สามโกเศศ

ทีมกีฬาไทยอะไรก็ไม่รู้  ดูแล้วสนุก  ไม่ว่าเสียแต้มหรือได้แต้มก็สนุกสนานยิ้มหัวเราะจนคนดูอดสนุกไปด้วยไม่ได้  ไม่ว่าแพ้หรือชนะก็ตามคนดูติดกันงอมแงมทั้งประเทศ   นอกจากนี้ยังหน้าตาดีทั้งทีม   มารยาทดี   ยกมือไหว้ไปทั่ว    ใครเห็นแล้วก็อดรักไม่ได้

     ใช่แล้วครับผมกำลังพูดถึงทีมวอลเลย์บอลหญิงของไทยที่เพิ่งได้แชมป์เอเชียไปหมาด ๆ     วันนี้ลองมาพิจารณากันว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมีแง่คิดเพื่อเอามาใช้ประโยชน์กับเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตได้อย่างไร   โดยเฉพาะในเรื่องการเรียนรู้

        ทีมวอลเลย์บอลหญิงของไทยไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อวาน    หากพัฒนามายาวนานกว่า 20 ปี   เป็นแชมป์หลายตำแหน่งหลายสมัย   เมื่อสิบกว่าปีก่อนก็เคยเป็นแชมป์เอเชีย  

ทั้งหมดมาจากการทำงานของสมาคมและโค้ชที่สร้างบรรยากาศสนุกสนานแห่งการเรียนรู้ให้แก่เด็ก ๆ ในทีมจนเป็นประเพณีและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง   

ต้องขอบคุณนายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยตั้งแต่ 2540 เป็นต้นมา  ซึ่งได้แก่  คุณชนะศักดิ์ ยุวบูรณ์   คุณพงศ์โพยม วาศภูติ และคุณสมพรใช้บางยาง และโค้ชสองท่านคือ คุณเกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร (โค้ชอ๊อด)  คุณดนัย ศรีวัชรเมธากุล (โค้ชด่วน) และสมาชิกในทีมทุกคนสำหรับผลงานอันยอดเยี่ยมที่ทำให้คนไทยมีความสุข

       “การสร้างบรรยากาศของความสนุกสนานเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งของการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ”  เป็นความจริงที่รู้กันมานาน   

เรียนรู้จากวอลเลย์บอลหญิง | วรากรณ์ สามโกเศศ

สำหรับเรื่องวอลเลย์บอล  ผู้เล่นทุกคนอยู่ในกระบวนการเรียนรู้ตลอดเวลานับตั้งแต่เป็นสมาชิกทีม   ต้องเรียนรู้เรื่องวินัย  วิธีคิด   การเล่น    ความประพฤติ   ความเป็นทีม    ความรักเพื่อนร่วมทีม  การเสียสละฯลฯ 

แม้แต่ในขณะแข่งขันผู้เล่นก็เรียนรู้อย่างไม่หยุดเช่นกัน   ต้องเรียนรู้จุดแข็ง    จุดอ่อนของทีมตรงกันข้าม   เรียนรู้วิธีโต้กลับ   วิธีรุกและรับเพื่อให้ได้แต้มและรักษาสปิริตของทีมให้ทั้งหมดเป็นไปในทิศทางที่โค้ชบอก  

เมื่อบรรยากาศรอบล้อมเต็มไปด้วยความสนุกสนานก็เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จดังที่เห็น

       บรรยากาศที่ผ่อนคลายในการเรียนรู้   ทำให้เกิดอารมณ์ที่เป็นบวก  ผู้เรียนรู้สึกสนุก ไม่เครียด  อยากมีส่วนร่วมในการเรียนรู้    มีแรงจูงใจในการเรียนรู้    อยากรู้อยากเห็น อยากพัฒนาตนเองเช่นเดียวกับเพื่อน ๆ ที่รู้สึกอย่างเดียวกัน    ประการสำคัญมีความรู้สึกที่ดีกับการเรียนรู้นั้น ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง

     ตัวอย่างเช่นพ่อแม่ที่เคี่ยวเข็ญให้ลูกเป็นนักว่ายน้ำ หรือเรียนไวโอลินเก่งเหมือนพ่อแม่   ถ้าไม่สร้างความรู้สึกที่ดีในการว่ายน้ำและเล่นไวโอลินแล้ว   ลูกจะรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นยาขม    

ซึ่งความรู้สึกนี้อาจเกิดจากการที่พ่อแม่ผลักดันอย่างเข็มงวดกับลูกมากเกินไป  แถมครูก็ดุ    ทำผิดก็ถูกลงโทษ   จนเครียด   และในที่สุดก็เลิกเรียน    

เรียนรู้จากวอลเลย์บอลหญิง | วรากรณ์ สามโกเศศ

ในทางตรงกันข้ามถ้าพ่อแม่ไปว่ายน้ำหรือเล่นดนตรีโดยพาลูกไปด้วย   พ่อแม่รู้สึกสนุกกับกิจกรรม   ลูกก็จะรู้สึกสนุกและซึมซับความชอบไปด้วย   เมื่อลูกตั้งใจเรียนรู้ก็มีคำชมให้กำลังใจ  ต่อไปลูกก็จะตื่นเช้าไปว่ายน้ำ  ฝึกเรียนไวโอลินเองเพราะสนุกกับการทำกิจกรรม

           เรื่องทีมวอลเลย์หญิงของไทยนี้ ทำให้ผมนึกถึงข้อเขียนหนึ่งที่กล่าวถึงการศึกษาในปัจจุบันที่สร้างความเครียด จนกระบวนการเรียนรู้ของเด็กในทิศทางที่เหมาะสมไม่เกิดขึ้นอย่างน่าเสียดาย    

อาจารย์ Deborah Stipek คณบดีคณะศึกษศาสตร์ มหาวิทยาลัย Stanford เขียนลงในนิตยสาร Science ในปี 2011 ให้ความคิดในเรื่องการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพที่น่าสนใจมาก

        ในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศมีแรงกดดันเยาวชนมหาศาลให้แข่งขันการเรียนในห้องเรียนให้เก่งชนะเพื่อน  โดยเชื่อว่าจะนำไปสู่ชีวิตที่สดใส  ได้เรียนในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงของประเทศและของโลก    สร้างความภาคภูมิใจให้ครอบครัวและความมั่นคงทางการเงินในอนาคต  

แต่การกระทำเช่นนี้กำลังทำลายหลายชีวิตที่ควรจะมีอนาคตที่สดใส  ทำให้ไม่ได้เรียนรู้วิชาอย่างเป็นประโชน์ต่อชีวิต  ไม่มีโอกาสได้รับความสุขตามวัย ไม่ได้พัฒนาร่างกายและบุคลิกภาพตลอดจนจิตใจ    เพราะโรงเรียนมีระบบ “สอนเพื่อสอบ” และผู้เรียนก็ “เรียนเพื่อสอบ”

       บรรยากาศของการศึกษาเช่นนี้ทำให้เกิดความเครียด    รู้สึกว้าวุ่นวิตกกังวล และสร้างวัฒนธรรมการทุจริตคดโกงเพื่อให้ได้คะแนนมาก ๆ    

การแก่งแย่งแข่งขันกันเช่นนี้ทำให้การเรียนในโรงเรียนหมดสนุก   พ่อแม่และผู้เรียนมุ่งไปสู่เป้าหมายของการชนะในงานแข่งขันชิงรางวัลวิทยาศาสตร์    คณิตศาสตร์  เพื่อสะสมแฟ้มประวัติสู่การได้รับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง  โดยคิดว่าเป็นมาตรวัดอันสำคัญอย่างยิ่งยอดของความสำเร็จในอนาคตของลูก

เรียนรู้จากวอลเลย์บอลหญิง | วรากรณ์ สามโกเศศ

       งานวิจัยเรื่องแรงจูงใจของผู้เรียนพบว่า การมุ่งความสนใจไปที่ผลการเรียนอย่างเดียวทำลายคุณค่าที่อาจได้รับจากเนื้อหาวิชาที่เรียน    อาจมีเด็กส่วนหนึ่งที่สนใจใฝ่เรียนรู้อย่างขยันขันแข็ง และทุ่มเทเล่าเรียนจนบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนองได้ทั้งในวิชาการในหลักสูตร และในการพัฒนาตนเองในด้านอื่น ๆ อย่างน่าประทับใจ     

แต่อาจมีเด็กอีกจำนวนหนึ่งที่มีศักยภาพสูง   หากแต่ว่าได้ทิ้งความสนใจในวิชาการไปเสียสิ้นเพราะโรงเรียนเอาแต่สอนแบบให้เตรียมตัวสอบ    มากกว่าที่จะจัดการเรียนการสอนแบบให้ค้นหาคำตอบอย่างลึกซึ้ง ต่อคำถามที่มีความหมายสำคัญและเขาสนใจ   

โรงเรียนสร้างความเครียดจนการเรียนรู้ไม่สนุกเพราะมุ่งแต่แข่งขัน   มุ่งแต่ “สอนเพื่อสอบ” มิได้สอนเพื่อสร้างความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์  จนสังคมเสียโอกาสพัฒนาคนที่มีศักยภาพสูงจำนวนมากไปอย่างน่าเสียดาย

       การเรียนเนื้อหาวิชาที่มากมาย   อัดแน่นด้วยจำนวนชั่วโมง   ให้การบ้านที่ต้องทำจน            ดึกดื่น    ต้องเรียนพิเศษในวันธรรมดาและและวันหยุด จนมิได้มีเวลาหย่อนใจ  หรือสะท้อนคิดในสิ่งที่เรียนไป  ไม่มีเวลาและโอกาสในการแสวงหาความรู้และทักษะที่ตนเองสนใจและอยากรู้     

สิ่งเหล่านี้ต้องปรับเปลี่ยนในยุคใหม่ที่ต้องการให้เด็กมีทักษะในการคิด    ในการสื่อสาร     ในการมีความคิดสร้างสรรค์    และในการทำงานร่วมกับผู้อื่น   อีกทั้งมีทักษะชีวิต     ทักษะสังคม    มีความคิดความอ่านที่อยู่บนเหตุผลมิใช่อารมณ์   ตลอดจนมีบุคลิกภาพอันเหมาะสม

เรียนรู้จากวอลเลย์บอลหญิง | วรากรณ์ สามโกเศศ

        ปัจจุบันแนวคิดด้านการศึกษาที่ลดความเครียดในการเรียน    ลดการแข่งขันและการ “สอนเพื่อสอบ”   ลดการเรียนวิชาอย่างอัดแน่นในตารางเรียนของทุกวัน     กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ    

ไทยเราเป็นอีกประเทศหนึ่งที่สร้างการเรียนรู้ชนิด “อัดแน่น” เข้มข้นอย่างเครียดมายาวนาน    ถึงเวลาแล้วที่ควรมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางใหม่ของโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงยิ่ง

       เรารู้ได้อย่างไรว่าวิชาที่เรียนกันอย่าง “อัดแน่น” มายาวนานอย่างเครียดนั้นจะใช้ได้ทั้งหมดกับโลกที่เปลี่ยนแปลงสุด ๆ ในอนาคต   

เราควรเรียนเนื้อหาสำคัญ ๆ ที่พอให้มั่นใจได้ว่าไม่หลุดไปจากโลกสมัยหน้า และเอาเวลาที่เหลือไปทำอย่างอื่นที่มีคุณค่าในการเรียนรู้เพื่อปรับตัว และทำให้รักการเรียนรู้ตลอดชีวิตจะไม่ดีกว่าหรือ