สวมหมวกกันน็อกเพื่อ Save สมอง นำร่อง 8 โรงเรียน สร้างวินัยจราจรแก่เด็ก

สวมหมวกกันน็อกเพื่อ Save สมอง นำร่อง 8 โรงเรียน สร้างวินัยจราจรแก่เด็ก

สสส.จับมือ กรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่าย เดินหน้าสร้างการเรียนรู้วินัยจราจร สู่ความปลอดภัยทางถนน 'สวมหมวกกันน็อกเพื่อ Save สมอง...ขับขี่ปลอดภัย ใกล้ไกลใส่หมวกกันน็อก' นำร่องในโรงเรียน 8 แห่ง สังกัด กทม.ผลวิจัยชี้ชัดหมวกนิรภัยเซฟชีวิตคนได้กว่า  ร้อยละ 39 

วันที่ 29 สิงหาคม 2566 ที่โรงเรียนวิชากร เขตดินแดง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กองบังคับการตำรวจจราจร กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างกระบวนการเรียนรู้ ชวนเด็กไทยสร้างวินัยจราจร สู่ความปลอดภัยทางถนน นำร่อง 8 โรงเรียนต้นแบบ สังกัดกรุงเทพมหานคร โดยมีนางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน ทั้งนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมสร้างความปลอดภัยโดย ครูตำรวจจากกองบังคับการตำรวจจราจร และชมมินิคอนเสิร์ตจากวง SPRITE X DON KIDS

นางวันทนีย์ กล่าวว่า ปัจจุบันอุบัติเหตุทางถนนก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน สาเหตุจากพฤติกรรมการขับขี่ที่ประมาท อยู่ในวันคึกคะนอง ไม่เคารพกฎจราจร และการแปรงสภาพรถจักรยานยนต์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

7 วิธีขับขี่ปลอดภัยในวันฝนตก พร้อมระวังสัตว์มีพิษหนีน้ำ

ทรายขาว ตำบลวัดใจ ลดเจ็บตายจากอุบัติเหตุทางถนนได้จริง

 

ชวนเด็กไทยสร้างวินัยจราจร ใส่หมวกกันน็อค

ดังนั้น การร่วมกันสร้างจิตสำนึกให้เด็กและเยาชนตระหนักถึงความปลอดภัยทางถนน ที่เน้นย้ำไปที่การขับขี่รถจักรยานจนจึงเป็นเรื่องสำคัญ เน้นการสวมหมวกนิรภัยทั้งคนขับ คนซ้อนทุกครั้งที่มีการขับขี่ เป็นเรื่องที่ต้องปลูกฝังให้เกิดความเคยชิน  ดังนั้นตนเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ สสส. และภาคีเครือข่าย เห็นความสำคัญในการสร้างจิตสำนึกตั้งแต่วัยเด็ก เป็นการกระตุ้นให้ผู้ปกครองเองก็เห็นความสำคัญในเรื่องนี้เช่นกัน

นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า สสส. และภาคีเครือข่ายด้านการสร้างความปลอดภัยทางถนน มีเป้าหมายการทำงานที่มุ่งสนับสนุนแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2565-2570 เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนของคนไทยให้เหลือ 12 คนต่อแสนประชากรในปี 2570

สวมหมวกกันน็อกเพื่อ Save สมอง นำร่อง 8 โรงเรียน สร้างวินัยจราจรแก่เด็ก

เน้นลดการสูญเสียอุบัติเหตุในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ที่มีกลุ่มเด็กเยาวชนที่เป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุพบว่าในกลุ่มที่บาดเจ็บและเสียชีวิตมีการบาดเจ็บที่ศีรษะสูง ซึ่งสัมพันธ์กับการไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งหากผู้ขับขี่ทุกคนสวมหมวกนิรภัยจะช่วยลดการเสียชีวิตเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ถึง 39% และช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะและช่วย save สมอง

ทางเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต จึงจัดกิจกรรม 'โรงเรียน กทม.ปลอดภัย ชวนเด็กไทยสร้างวินัยจราจร ขับขี่ปลอดภัย ใกล้ไกลให้ใส่หมวก' ขยายความร่วมมือกับโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ผ่านกิจกรรมฐานเรียนรู้ สร้างวินัยจราจร ร่วมกับทีมวิทยากรจากกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ให้ความรู้และสร้างความตระหนักการใช้ถนนอย่างปลอดภัย



นำร่อง 8 โรงเรียนกทม. รณรงค์เด็กรุ่นใหม่ขับขี่ปลอดภัย

กระตุ้นการมีจิตสำนึกถึงอุบัติเหตุทางถนน ที่เริ่มต้นจากการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเมื่อต้องซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์  หรือการหยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย กับโรงเรียนกรุงเทพมหานคร 8 โรงเรียน ครอบคลุม 6 โซนของกรุงเทพมหานคร พร้อมมอบชุดกระเป๋าการเรียนรู้ให้กับทั้ง 8 โรงเรียน สามารถนำไปจัดกิจกรรมการสอนความปลอดภัยทางถนนได้เอง ประกอบด้วย ชุดเกมช่องทางจราจร ความรู้เครื่องหมายจราจร สื่อความรู้เรื่องการสวมหมวกนิรภัย สื่อให้ความรู้อันตรายที่เกิดจากรถจักรยานยนต์

นายธงชัย โคระทัต ผู้อำนวยการโรงเรียนวิชากร เขตดินแดง กทม. กล่าวว่า โรงเรียนได้ให้ความสำคัญในการป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ โดยรณรงค์ให้มีการสวมหมวกนิรภัยเมื่อต้องเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ทุกครั้ง จัดสถานที่เก็บหมวกนิรภัยไว้ให้ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้นักเรียนเวลาเดินข้ามถนนและกิจกรรมรณรงค์ให้นักเรียนเห็นความสำคัญการสวมหมวกนิรภัย

สวมหมวกกันน็อกเพื่อ Save สมอง นำร่อง 8 โรงเรียน สร้างวินัยจราจรแก่เด็ก

จึงยินดีมากที่ สสส. เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) และภาคีเครือข่ายเข้ามาทำกิจกรรม 'โรงเรียน กทม.ปลอดภัย ชวนเด็กไทยสร้างวินัยจราจร ขับขี่ปลอดภัย ใกล้ไกลให้ใส่หมวก' ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสนใจของนักเรียนในเรื่องความปลอดภัยทางถนนได้มากจากการนำกระบวนการเกมต่างๆ มาให้เด็กๆเกิดการมีส่วนร่วมมากขึ้น จึงเห็นว่าโครงการนี้ควรมีการขยายไปทำในโรงเรียนทั่วประเทศด้วย